GGS:บทที่ 997 ราคาบ้าเลือด
ถังฮ่าว ถังยี่ และถังเสี่ยวหยูที่มาถึงชั้นสามก่อนนั้น เมื่อได้เห็นบรรยากาศการตกแต่งภายในชั้นสามแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตาตื่นใจ
พื้นที่โดยรอบนอกจากจะสะอาดตายิ่งกว่าที่ควรจะเป็นแล้วยังดูเรียบร้อยและมีการตกแต่งได้อย่างดูดีและมีชีวิตชีวามากกว่าปกติถึงแม้จะเป็นเพียงการประดับด้วยต้นไม้และตู้ปลาธรรมดาก็ตาม
“ทำไมต้นแกลดิโอลัส(ซ่อนกลิ่นฝรั่ง)นี้ถึงได้สวยนักล่ะ” ถังเสี่ยวหยูที่ตอนนี้กำลังยืนจ้องมองกระถางต้นแกลดิโอลัสได้พูดขึ้นมา
“ต้นคลอโรไฟตั้มนี่ก็เหมือนกัน มันช่วยเสริมบรรยากาศในห้องอาหารนี้ได้อย่างน่าประหลาดใจจริงๆ” ถังยี่ได้พูดออกมา
“ห้ะ นี่มันปลาหมอสีนี่ เขากล้าเอามาตั้งโชว์แบบนี้จริงดิ” เมื่อถังฮ่าวได้เห็นปลาในตู้นี้ก็ได้พูดออกมา มันคือปลาหมอสีที่มีโหนกหัวขนาดใหญ่มาก
เขาที่เห็นปลานี้ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีโง่งมออกมาเพราะว่าเขานั้นเคยซื้อปลาหมอสีไปจากซูจิ้งสองล้านหยวนเพื่อเอาไปอวดเพื่อนของเขาทำให้เพื่อนของเขานั้นได้แต่อิจฉา ริษยา จนเลิกคุยกันดีๆไปแล้ว
ถึงแม้เจ้าตัวนั้นจะมีรูปร่างลักษณะที่ดูดีตามลักษณะปลานำโชคขนาดไหนก็ตามก็ยังด้อยกว่าตัวตรงหน้าของเขาในตอนนี้
เจ้าตัวนี้เองก็เป็นหนึ่งในตัวที่เขาต้องการซื้อเช่นเดียวกันแต่ซูจิ้งนั้นไม่ยอมขาย ไม่นึกเลยว่าเขาจะได้มีโอกาสเจอมันที่ภัตตาคารแบบนี้ จะไม่หรูไปหน่อยรึไงกัน
นอกจากนี้ถังฮ่าวยังดูของอย่างอื่นโดยรอบก็อดจะถอนหายใจออกมาสั้นๆไม่ได้ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “สมแล้วที่เป็นพื้นที่พิเศษ เพียงแค่ได้เห็นและนั่งดื่มด่ำไปกับยรรยากาศการตกแต่งนี้ก็คุ้มค่าแล้วจริงๆ”
ที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าซูจิ้งนั้นเป็นคนออกแบบที่นี่ด้วยตัวเอง เขานั้นอาศัยหลักการของโลกปัจจุบันผสมเข้ากับแนวคิดการตกแต่งที่เขาเรียนรู้ได้จากห้วงเวลาฯอภินิหารกระบี่สามภพ
แน่นอนว่าไม่เพียงแค่ดีต่อการดื่มด่ำทางสายตาเท่านั้น เขายังจัดวางพื้นที่ตามหลักฮวงจุ้ยด้วย แน่นอนว่าทั้งพื้นที่นั้นเต็มไปด้วยออร่าเสริมพลังที่ส่งเสริมพลังชีวิต
เมื่อถังเสี่ยวหยูได้เลือกที่นั่งเรียบร้อยแล้วที่ริมหน้าต่าง ถังฮ่าวและถังยี่ที่เห็นดังนั้นก็ได้เดินไปนั่งด้วยเช่นเดียวกัน
บริกรที่เห็นทั้งสามเลือกที่นั่งได้แล้วก็ได้เดินเข้ามาให้บริการตามปกตินั่นก็คือการนำเมนูมาให้ลูกค้าเลือก ก่อนที่จะถามออกมาว่า “ต้องการสั่งอะไรดีคะ”
ถังฮ่าว ถังยี่ และถังเสี่ยวหยูที่มองรายการอาหารอยู่ตอนนี้นั้นต่างก็ขอดูเมนูของแต่ละคนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแบบแข็งๆ และทันทีที่มั่นใจได้ว่าเมนูของทั้งสามคนนั้นเหมือนกันจริงๆ ถังห่าวจึงหันไปถามบริการด้วยรอยยิ้มที่แข็งค้างว่า “รายการพวกนี้ไม่ผิดใช่ไม๊”
“ไม่ผิดค่ะ” เธอตอบออกมาด้วยท่าทีที่ประหนึ่งเข้าใจความรู้สึกของผู้ถาม เธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่นำรายการนี้ไปถามยืนยันซูจิ้งกับปากของตัวเองแล้ว และเธอก็ไม่ได้ถามแค่ครั้งเดียวด้วยซ้ำ เธอถามซูจิ้งย้ำจนตัวเองต้องเป็นฝ่ายถอดใจที่จะถามซะเอง
เหตุผลก็เพราะว่าในเมนูนี้มีเพียงแค่สามเมนูเท่านั้น
เมนูแรกเป็นชุดอาหารระดับเบื้องต้นของพื้นที่พิเศษนี้โดยมีราคาที่หนึ่งแสนหยวน ชุดอาหารนี้ประกอบด้วยปลาเฉาลายคราม โจ๊กมะละกอหวานกับเครื่องดื่มเพียงเท่านั้น
ปลาเฉาลายครามสามารถสั่งได้ทั้งนึ่ง ผัด หรือจะกินแบบปลาดิบ ส่วนเครื่องดิ่มนั้นมีให้เลือกระหว่างเบียร์มอลต์และชาเขียว
เมนูที่สองเป็นชุดอาหารระดับกลางที่มีราคาอยู่ที่ห้าแสนหยวน ประกอบไปด้วยเนื้อหนูนา ข้าวสีน้ำเงินระดับธรรมดา และเครื่องดื่มอีกหนึ่งแก้ว
เนื้อหนูนานี้สามารถทำได้ทั้งผัด นึ่ง ย่าง หรือวิธีอะไรก็ได้แล้วแต่ลูกค้าจะต้องการ ส่วนเครื่องดื่มนั้นให้เลือกได้ระหว่างชาน้ำผึ้งและน้ำหญ้าหวาน
เมนูที่สามเป็นชุดอาหารระดับสุดยอดมีสนนราคาอยู่ที่หนึ่งล้านหยวน ประกอบไปด้วยเนื้อซาลามันเดอร์แดง ข้าวสีน้ำเงินระดับสูง และเครื่องดื่มอีกหนึ่งแก้ว
เนื้อซาลามันเดอร์แดงสามารถสั่งได้ทั้งผัด นึ่ง ย่าง หรือวิธีอะไรก็ได้แล้วแต่ลูกค้าจะต้องการ ส่วนเครื่องดื่มนั้นให้เลือกได้ระหว่างชาโสมและไวน์จิ้งจอกแดง
นอกจากนี้สำหรับชุดหนึ่งล้านหยวนนี่ในส่วนของเครื่องดื่มนั้นสามารถเปลี่ยนเครื่องดื่มเป็นแบบชุดอาหารอื่นได้โดยที่ร้านจะเสริฟให้ได้จนราคาเทียบเท่ากับไวน์จิ้งจอกแดง และแน่นอนว่าสามารถสั่งเครื่องดื่มได้นอกเหนือจากนี้แต่ราคาจะแพงกว่าการซื้อในเซ็ตแบบนี้มากนัก
“แพงโคตร” ถัวฮ่าวได้แต่อุทานออกมาด้วยท่าทีโง่งม เหตุผลที่เขามาที่นี่หลักๆแล้วเป็นเพราะว่าตั้งการที่จะเลี้ยงฉลองให้ถังเสี่ยวหยูที่สอบได้คะแนนดีเท่านั้นเอง
และถังเสี่ยวหยูเองก็ได้มีโอกาสกินอาหารฝีมือซูจิ้งนับครั้งได้แทบจะไม่น้อยกว่าซูหยาเลย นี่ทำให้เธอนั้นติดใจรสชาติของซูจิ้งอย่างมากและแน่นอนว่าสำหรับโอกาสพิเศษแบบนี้เธอย่อมไม่พลาดโอกาสยอมกินอาหารภัตตาคารธรรมดาเป็นแน่
ด้วยการที่ถังฮ่าวเองก็คิดถึงอาหารฝีมือซูจิ้งเหมือนกัน จนในที่สุดแล้วเขาจึงยอมตัดใจจ่ายเงินจานละหนึ่งแสนหยวนจนได้เพื่อที่จะได้กินกับข้าวฝีมือซูจิ้ง
นึกไม่ถึงว่าหนึ่งแสนหยวนนี้ได้เพียงแค่อาหารระดับธรรมดาเท่านั้น แถมยังมีชุดอาหารที่แพงกว่าในราคาห้าแสนหยวนและหนึ่งล้านหยวนนี่อีก
“ทำไมแค่เนื้อหนูนาและซาลามันเดอร์แดงถึงได้แพงนรกแตกแบบนี้ล่ะ” ถังยี่เองที่เห็นราคานี้ก็อดไม่ได้ที่จะบอกความรู้สึกออกมา
เขาสงสัยอย่างมากว่าจะมีใครกล้ากินเนื้อของสัตว์ทั้งสองนี้ ต่อให้กล้ากินแต่ด้วราคานี้ไม่ว่าใครก็ต้องคำถามเหมือนกันว่าทำไมมันถึงได้แพงนัก
“ในเมื่อพี่จิ้งนั้นตั้งราคาไว้สูงขนาดนี้ย่อมแน่นอนว่ามันตั้งอร่อยแหงๆ ลองดูสักหน่อยนะคะ” ถังเสี่ยวหยูได้พูดออกมาราวกับว่าพวกมันเป็นอาหารอันโอชะทั้งๆที่ยังไม่เห็น แถมตอนนี้เธอน้ำลายสอไปเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้อ เสี่ยวหยูทนไม่ได้ซะแล้ว” ถังฮ่าวที่จ้องไปยังเสี่ยวหยูในตอนนี้ก็ทำได้แต่บ่นออกมา ถึงแม้ว่าตระกูลถังจะรวบมากก็จริงแต่การจ่ายเงินถึงหนึ่งแสนหยวนเพียงเพื่ออาหารเพียงมื้อเดียวนี้ออกจะเกินไปหน่อย
หากราคาที่ซูจิ้งตั้งไว้สักห้าหมื่นหยวนนี้เขายังพอจะยินดีที่จะจ่ายได้บ้าง เอาจริงๆต่อให้เข้ามาแล้วเห็นเมนูนี้แล้วออกไปเฉยๆก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาแม้แต่น้อย แต่ประเด็นคือถังเสี่ยวหยูนั้นน่าจะไม่ยินยอมเป็นแน่
ถังเสี่ยวหยูที่เห็นท่าทีของถังฮ่าวก็ได้พูดออกมาว่า “เอาอย่างนี้แล้วกันค่ะ เรามาลองเซ็ตอาหารระดับธรรมดาก่อนแล้วกัน มาลองดูก่อนว่ารสชาติจะดีแค่ไหน”
ถังยี่ในตอนนี้เองก็ได้พยักหน้าเห็นด้วย ในขณะที่ทั้งเสี่ยวหยูนั้นทำการเม้มปากพร้อมส่งสายตาอ้อนววอนปริบๆอย่างไม่อายใคร ซึ่งนี่เองทำให้ถังฮ่าวนั้นรู้แล้วว่ายากจะถอนตัวได้แล้ว
ถังฮ่าวในตอนนี้นั้นได้แค่เพียงหวังได้แค่ว่าชุดอาหารระดับธรรมดานี้จะมากพอที่จะทำให้อิ่มได้ในชุดเดียว เขาจะได้ไม่ต้องมาเสียดายค่าอาหารจานอื่นอีก
ในตอนนี้เองเหล่าผู้คนที่ตรงมายังพื้นที่พิเศษของภัตตาคารปลาคาร์ฟทะยานฟ้าแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นลูกของผู้ป่วยโรคALS หวังจ้าว หวังซือหยา เฉียนชูเฟิง จ้าวจือ โจวเทียนรุย ผู้อาวุโสหวู่ ผู้อาวุโสซี่ กลุ่มหนุ่มสาวก่อนหน้านี้ และคนอื่นๆเองก็ได้เริ่มทยอยกันเข้ามา
พวกเขานั้นก็มีอาการไม่ต่างจากกลุ่มของถังฮ่าวที่แรกเข้ามานั้นดิ่มด่ำกับบรรยากาศ และยิ้มแห้งๆในทันทีเมื่อเห็นรายการอาหาร ขนาดพวกเขานั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนรวยแต่ก็อดจะบ่นไม่ได้จริงๆการเมนูอาหารของซูจิ้ง
“เหอะเหอะเหอะ นี่ฉันไม่ได้อ่านผิดใช่รึเปล่า”
“ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนก็ว่าแพงแล้วนะ ไม่คิดว่ายังจะมีชุดอาหารราคาห้าแสนกับหนึ่งล้านด้วย”
“เนื้อหนูนากับซาลามันเดอร์แดงนี่มันแพงขนาดนั้นเลยเหรอ”
ทุกคนในตอนนี้ต่างก็คิดว่ารายการอาหารพวกนี้น่าจะพิมพ์ผิด และแน่นอนเป็นอีกครั้งที่เหล่าบริกรได้เข้ายืนยันว่ารายการอาหารพวกนี้ถูกต้องอย่างแน่นอนและถี่ถ้วนแล้ว
ราคาของซูจิ้งนี่ทำให้ราคาอาหารที่พวกเขาเคยกินมานั้นถูกลงไปถนัดตา
“อาจิ้งเล่นอะไรอีกแล้วเนี่ย” หวังจ้าวพูดออกมาด้วยท่าทีโง่งม
“จะรู้ไหมล่ะ” หวังซือหยาเองก็ทำได้แค่เพียงส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ขนาดฉันว่าตัวเองคร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้มามากมายหลายปีนะ พึ่งจะเคยเห็นราคาอาหารบ้าเลือดแบบนี้” เฉียนชูเฟิงที่หนเองก็ส่ายศรีษะแล้วยิ้มจางๆ
“ฉันว่ามีแค่พระเจ้าแล้วล่ะนะที่จะยอมจ่ายค่าอาหารเหล่นี้โดยไม่บ่นอะไรออกมา” จ้าวจือเองก็ส่ายหัวออกมา ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้สึกว่าซูจิ้งนั้นทำเกินไปแล้วจริงๆ
อย่างไรก็ตามในเมื่อทุกคนมาที่นี่แล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเดินออกไปโดยไม่สั่งอะไรมากิน พวกเขาส่วนใหญ่นั้นสั่งมาเพียงชุดอาหารธรรมดา มีหวังจ้าวและหวังซือหยาที่นั่งร่วมโต๊ะกันอยู่ได้สั่งชุดกลางและชุดสุดยอดมาอย่างละหนึ่ง ส่วนผู้อาวุโสหวู่นั้นได้สั่งชุดสุดยอดมาโดยไม่คิดอะไรมาก
หวังจ้าวที่ได้เห็นท่าทางของผู้อาวุโสหวู่เองก็ยังต้องประหลาดใจและพูดออกมาว่า “ขอบคุณมากครับที่มาสนับสนุนร้านอาหารของซูจิ้งในครั้งนี้”
ผู้อาวุโสหวู่เองที่ได้ยินหวังจ้าวพูดนั้นก็เพียงยิ้มออกมาแล้วพูดตอบว่า “ถึงแม้ว่าคุณซูนั้นจะดูทำเกินเลยไปทุกครั้งก็จริงจนเหมือนกับว่าเขาบ้าไปแล้ว
แต่ในทุกๆครั้งนั้นก็ถือได้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไม่เคยเกินเลยหรือขาดเหลือแม้แต่น้อยนี่นา และเขาเองยังไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลยสักครั้ง ต่อให้เขาไม่มีรายการอาหารให้ดูฉันก็มั่นใจในตัวคุณซูอยู่ดี”
หวังจ้าวและหวังซือหยาเองที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกยินดีขึ้นมาจริงๆ เอาจริงๆที่เขาสั่งอาหารชุดกลางและชุดสุดยอดมานี้ก็เพียงเพราะต้องการไม่ให้บรรยากาศต้องตกหล่นไปเท่านั้นเอง
ด้วยความสัมพันธุ์ของทั้งคู่แล้วต่อให้ต้องจ่ายเป็นร้อยล้านก็ยินดี นับประสากับเงินแค่ห้าแสนหยวน แต่บอสหวู่นั้นถึงแม้ว่าจะเป็นคนนอก แต่เขานั้นกลับเชื่อใจซูจิ้งพอๆกับพวกเขาแบบนี้ ทำให้พวกเขานั้นรู้สึกยินดียิ่งว่าซูจิ้งนั้นแต่ให้จะทำเรื่องที่ดูไร้ซึ่งเหตุผลแต่ก็ยังมีคนคอยสนับสนุนเขาอยู่ดี
หลังจากผ่านไปสักพัก บริกรก็ได้นะอาหารจานแรกมาเสริฟ อาหารจานแรกนี้เป็นของถังฮ่าวที่ได้สั่งไว้ แน่นอนว่าต้องเป็นพวกเขาที่ได้ก่อนใคร
ทุกคนที่สั่งชุดแรกไปก็อดไม่ได้ที่จะมองเป็นตาเดียว เมื่อทุกคนได้เห็นอาหารหลังจากที่บริกรได้เปิดฝาครอบขึ้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงไปเสียทุกคน