บทที่ 448
ในตอนที่ใจของคุณท่านซ่งตัดสินใจแล้วนั้น ซือเทียนฉีก็เอ่ยปากถามขึ้นมาว่า “พี่ซ่งครับ วันนี้พี่มาที่นี่ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ?”
คุณท่านซ่งก็มองซือเทียนฉี แล้วก็ตั้งสติขึ้นมาตอบว่า “เฮ้อ น้องซือ ดูพี่ตอนนี้สิ ร่างกายแย่ลงทุกวัน ช่วงนี้กำลังเข้าฤดูใบไม้ร่วง พอไม่ระวัง ก็ป่วยเข้าให้ ก็เลยมาน้องซือให้จัดยาให้เสียหน่อย”
ซือเทียนฉีรีบตอบว่า “เช่นนั้นเดี๋ยวผมขอจับชีพจรพี่เสียหน่อย ดูซิว่ามีปัญหาตรงไหน”
คุณท่านซ่งก็ตอบรับ แล้วก็ยื่นมือออกไป
ซือเทียนฉีเอานิ้วมาลงบนข้อมือของคุณท่านซ่ง เพื่อตรวจชีพจร แล้วก็ตรวจดูอาการต่างๆ ของคุณท่านซ่ง เป็นเพียงอาการป่วย เพราะอากาศเย็นเท่านั้น ก็เลยเบาใจ
“แค่ไม่สบายเพราะอากาศเย็นครับ เดี๋ยวผมจะจัดยาให้ พี่เอากลับไปกิน 2-3วันก็หายแล้ว”
“ขอบใจน้องซือมาก” คุณท่านซ่งก็พยักหน้า แล้วก็เหมือนจะคิดอะไรออก เลยพูดว่า “เอ่อ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”
คุณท่านซ่งนิ่งไป แล้วพูดต่อไปว่า “อีกสองวันจะเป็นวันคล้ายเกิดผม พวกเราพี่น้องรู้จักกันมานาน ต้องมาให้ได้เลยนะ”
ขณะพูด คุณท่านซ่งก็หยิบเทียบเชิญชุบทองคำออกมา แล้วยื่นให้กับซือเทียนฉี
ซือเทียนฉีก็รีบมาไว้ในมือ แล้วพูดตอบรับคุณท่านซ่งว่า “พี่ซ่งวางใจเถอะครับ พอถึงวันงาน ผมจะไปแน่”
พอพูดจบ ซือเทียนฉีก็รีบไปจัดยาให้กับคุณท่านซ่ง เพื่อให้คุณท่านซ่งเอากลับไป จากนั้นก็มาส่งที่ประตู จนถึงส่งขึ้นรถไป
……
ตอนที่คุณท่านซ่งนั่งรถกลับไปบ้านตระกูลซ่งนั้น อู๋ตงไห่และอู๋ซิน ก็เพิ่งไปส่งอู๋ฉีที่สนามบิน
เพื่อป้องกันไม่ให้เขาไปอยากกินอาหารบนเครื่องบิน พวกพยาบาลก็เลยรอเขากินอาหารจนเสร็จ แล้วก็ส่งเขาขึ้นเครื่องบินไป
อู๋ฉีฟื้นขึ้นมาจากภวังค์อีกครั้ง พอได้กลิ่นว่าตนเองเต็มไปด้วยกลิ่นปาก เขาก็ร้องไห้หาพ่อ พูดสะอึกว่า “พ่อครับ จะต้องมีใครทำร้ายผมอยู่เบื้องหลังแน่ พ่อจะต้องหาไอ้ตัวคนนั้นมาให้ได้ แก้แค้นให้ผมให้ได้นะ!”
อู๋ตงไห่ก็พยักหน้า แล้วตั้งใจพูดว่า “วางใจเถอะเสี่ยวฉี พ่อจะหาตัวคนที่ทำร้ายลูกมาให้ได้ มันกล้าทำกับลูกเช่นนี้ พอจะทำให้มันทรมานแบบตายทั้งเป็น”
พูดจบ อู๋ตงไห่ก็สั่งว่า “พอลูกกลับถึงบ้านแล้ว ก็อย่าเอะอะไป อยู่รักษาตัวที่บ้าน พ่อจะหาหมอเก่งระดับโลกมารักษาแกเอง จะต้องรักษาแกให้หายให้ได้!”
อู๋ฉีสะอื้นไห้พยักหน้า แล้วก็ขึ้นเครื่องบินไปอย่างไม่อยากอำลา
เครื่องบินส่วนตัวของตระกูลอู๋บินขึ้นในสนามบินจินหลิง อู๋ตงไห่และอู๋ซินมองเครื่องบินบินขึ้นสู้ท้องฟ้า แล้วหายลับไปในก้อนเมฆ
จากนั้น อู๋ตงไห่ก็เก็บสายตา หันมาพูดกับอู๋ซินว่า “ไป กลับบ้านตระกูลซ่ง ไปสู่ขอให้แก!”
อู๋ซินก็ตื่นเต้นพูดว่า “ดีเลยครับพ่ออู๋ซิน เรื่องนี้จะจัดกสารชักช้าไม่ได้ จะต้องรีบจัดการให้เรียบร้อย!”
พูดจบ อู๋ซินก็ถามอย่างกังวลว่า “พ่อครับ ตระกูลซ่งจะไม่ปฏิเสธการสู่ขอของเราครั้งนี้ใช่ไหมครับ?”
อู๋ตงไห่พูดด้วยสีหน้ามั่นใจว่า “แกเป็นลูกหลานคนโตของตระกูลอู๋ มีลูกสาวตระกูลใหญ่ๆ มากมายมาต่อแถวให้แกเลือก ถึงแม้ซ่งหวั่นถิงจะสวยอยู่ แต่กำลังตระกูลซ่งนั้นด้อยกว่าเรามากนัก คุณท่านซ่งคงจะอยากให้ซ่งหวั่นถิงแต่งกับแกมากแน่ๆ !”
“จริงหรือครับ?” อู๋ซินพูดอย่างดีใจว่า “ถ้าเป็นอย่างที่พ่อว่า คุณท่านซ่งก็คงจะตอบรับแน่งั้นหรือครับ?”
อู๋ตงไห่ก็ยิ้มนิ่งๆ แล้วพูดอย่างมั่นใจว่า “ลูกเอ๋ย ในเจียงหนาน แกจะสู่ขอผู้หญิงคนไหน ไม่มีทางไม่สำเร็จ แกถูกใจซ่งหวั่นถิง ถือว่าตระกูลซ่งโชคดี จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้ถือว่าพวกเขาได้ของสูงเลยนะเนี่ย!”
พูดไป เขาก็พูดด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งว่า “แกเชื่อไหมว่า พอถึงบ้านตระกูลซ่งแล้ว พอพ่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา คุณท่านซ่งจะต้องรีบตอบรับอย่างแน่นอน”
อู๋ซินก็ยิ้มหน้าบาน แล้วพูดว่า “พ่อครับ เช่นนั้นพวกเราก็รีบกลับกันเถอะครับ!”
อู๋ตงไห่ก็ยิ้มๆ แล้วพูดว่า “แกก็เป็นถึงลูกหลานคนโตของตระกูลอู๋ ทำไมพอเจอซ่งหวั่นถิงเข้า ถึงใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยล่ะ ไม่ได้เรื่องเลย!”
พูดไปดังนั้น อู๋ตงไห่ก็สั่งอีกว่า “เดี๋ยวพอพวกเราไปถึงบ้านตระกูลซ่งแล้ว แกต้องวางมาดเข้มๆ เข้าไว้รู้ไหม ต้องทำให้ตระกูลซ่งได้
รับรู้ ว่าที่แต่งกับซ่งหวั่นถิง เป็นการแต่งกับคนที่สูงส่งกว่า เข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้วครับ!”