เด็กน้อยเห็นตงหลิงหวงไม่พูดอันใด จึงดึงชายเสื้อของนางอย่างออดอ้อน และจ้องใบหน้าของนางด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“พี่สาวคนสวย… ”
ตงหลิงหวงตั้งสติและลูบศีรษะของเด็กน้อย “ตกลง พี่สาวรับปากเจ้าก็ได้! ”
“พี่สาวคนสวย จริงๆ หรือ จริงๆ หรือ? ”
ตงหลิงหวงพยักหน้าอย่างหนักแน่น “อืม! ”
เด็กน้อยหันหลังกลับไปด้วยท่าทีลิงโลด และวิ่งไปหาท่านยายที่อยู่ใต้ต้นไม้ “ท่านยาย พี่สาวคนสวยรับปากว่าจะช่วยท่านแม่และพี่ชายของหลานแล้ว พี่สาวคนสวยรับปากว่าจะช่วยท่านแม่และพี่ชายของหลานแล้ว! ”
ตงหลิงหวงมองหญิงชราที่อยู่ใต้ต้นไม้
ดวงตาของหญิงชราเปี่ยมไปด้วยความหวัง เมื่อมองมาที่ตงหลิงหวง นางก็โค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ
ตงหลิงหวงนิ่งเงียบไม่พูดอันใด แม้ใบหน้าของนางจะดูเรียบเฉย ทว่าภายในใจของนางกลับไม่สงบนิ่งเหมือนการแสดงออกบนใบหน้า
นางรู้สึกหนักใจอย่างมาก
ผ่านมาครึ่งค่อนชีวิต สิบกว่าปีที่ผ่านมา นางรับภาระหน้าที่หลายอย่าง มีครั้งไหนบ้างที่ไม่หนักกว่าครั้งนี้?
แต่นางไม่เคยรู้สึกกดดันเช่นนี้มาก่อน
ความเรียบง่ายที่สุด สะอาดบริสุทธิ์ที่สุด ความปรารถนาในชีวิตของคนบริสุทธิ์และธรรมดาที่มอบภาระที่สำคัญที่สุดในชีวิตให้กับนาง ทำให้นางรู้สึกว่ามันเป็นภาระอันหนักอึ้ง
นั่นเป็นภาระความรับผิดชอบที่หนักหนากว่าการปกครองใต้หล้าและความอยู่รอดของแว่นแคว้น
ตงหลิงหวงอดหันกลับไปมองภายในหมู่บ้านไม่ได้ แม้ตอนนี้นางจะมองไม่เห็นอันใด ทว่านางรู้สึกราวกับมองเห็นดวงตาของผู้ป่วยนับไม่ถ้วนที่จ้องมองมาที่นาง ดวงตาทุกคู่แสดงถึงความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอด
มู่หรงฉีดูเหมือนจะเข้าใจหัวใจที่หนักอึ้งของตงหลิงหวง เขากุมมือของนางอย่างนุ่มนวล
“หวงเอ๋อร์ไม่ต้องกังวลมากเกินไป ข้าเชื่อในความสามารถของเจ้าและมั่นใจในตัวเจ้า อีกทั้ง… ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ”
ใบหน้าของตงหลิงหวงยังคงเรียบเฉย นางไม่พูดอันใดแม้แต่น้อย
เวลานี้ คุณชายฉู่กำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา ตงหลิงหวงจึงดึงมือออกจากมู่หรงฉีอย่างไร้อารมณ์
คนจำนวนหนึ่งเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ผู้ที่ป่วยด้วยโรคระบาดค่อยๆ ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
เมื่อกลุ่มคนที่นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของหมู่บ้านเห็นคุณชายฉู่ พวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามาหา
“คุณชายฉู่ ท่านมาแล้ว ในที่สุดท่านก็มาแล้ว! ท่านต้องช่วยพวกเรา ท่านต้องช่วยพวกเรา พวกเราไม่อยากตาย พวกเราไม่อยากตายจริงๆ ”
“คุณชายฉู่ ครอบครัวของข้ายังมีแม่เฒ่าอายุแปดสิบปี ข้าไม่ได้แต่งงานแต่มีลูก ข้ายังไม่อยากตาย โปรดช่วยข้าด้วย! ”
“เดือนที่แล้วภรรยาข้าตั้งครรภ์ได้แปดเดือน ตอนนี้นางคงคลอดลูกแล้ว ข้ายังไม่ได้พบหน้าลูกของข้าเลย ข้ายังไม่รู้ว่าเขาเป็นหญิงหรือชาย คุณชายฉู่ช่วยข้าด้วยเถิด ท่านคือผู้มีพระคุณของข้า ต่อไปภายหน้า ข้าจะเป็นวัวเป็นม้าคอยรับใช้ท่านทุกอย่าง! ”
…………
เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่นานนัก ผู้คนมากมายก็วิ่งเข้ามาหาเขา
คุณชายฉู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทุกคนรีบลุกขึ้นเถิด พวกเจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้ามาในครั้งนี้ ได้พาหมอท่านหนึ่งมาช่วยดูอาการของพวกเจ้า”
คุณชายฉู่พูดพลางชี้ไปที่ตงหลิงหวง “นี่คือฮูหยินหลิง นางมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ข้าเชื่อว่านางสามารถรักษาโรคระบาดของทุกคนได้”
ตงหลิงเป็นแซ่ของเชื้อพระวงศ์แคว้นตงเฉิน เพียงเอ่ยคำว่าตงหลิง อีกฝ่ายย่อมรู้สถานะของตงหลิงหวงทันที เพื่อปกปิดสถานะที่แท้จริงของนาง ตงหลิงหวงจึงบอกคุณชายฉู่ว่านางแซ่หลิง
สายตาของทุกคนหันไปมองตงหลิงหวงที่ยืนอยู่ข้างกายคุณชายฉู่
“ฮูหยินท่านนี้รู้วิชาแพทย์หรือ? ”
“ฮูหยินท่านนี้มาช่วยชีวิตพวกเราใช่หรือไม่? ”
……
ระหว่างการสนทนา ทุกคนต่างคุกเข่าไปทางตงหลิงหวง
“ฮูหยินท่านนี้… ฮูหยิน ฮูหยิน ท่านต้องช่วยชีวิตพวกเราให้ได้! ”
“ฮูหยิน ช่วยพวกเราด้วย! ”
“ท่านคือพระโพธิสัตว์มาโปรด เป็นเทพธิดา ท่านต้องช่วยพวกเรา! ”
ร่างกายของคนเหล่านี้สามารถแพร่เชื้อโรคได้ ใบหน้าและแขนที่เผยออกมาเต็มไปด้วยแผลเน่าเปื่อย เพียงสัมผัสบาดแผลของพวกเขา ต้องติดเชื้ออย่างแน่นอน
ทันทีที่ผู้คนเหล่านั้นวิ่งปรี่เข้ามาหาตงหลิงหวง มู่หรงฉีก็รีบเข็นรถเข็นของตนมาขวางอยู่ด้านหน้าตงหลิงหวง เพื่อบังตงหลิงหวงไว้ด้านหลัง
แววตาของตงหลิงทอประกายเล็กน้อย นางมองแผ่นหลังของมู่หรงฉีด้วยความตกตะลึงครู่หนึ่ง และรีบกล่าวว่า “ทุกคน โปรดลุกขึ้น โปรดลุกขึ้น! ข้า… ข้าจะทำให้ดีที่สุด”
“ขอบพระคุณฮูหยิน… ขอบพระคุณฮูหยิน! ”
……
ในเมื่อต้องการรักษาโรค เช่นนั้นต้องตรวจดูอาการก่อน
คุณชายฉู่พาฝูงชนออกไป และเลือกผู้ป่วยสองสามคนตามความรุนแรงของอาการป่วยมาให้ตงหลิงหวง
ตงหลิงหวงตรวจดูอาการพวกเขาทีละคน พลางสอบถามสถานการณ์บางอย่าง
“ก่อนหน้านี้ พวกเขาทานยาวิเศษตามที่หมอโอสถให้มาใช่หรือไม่? ”
“ใช่! ” คุณชายฉู่ตอบ
หมอโอสถมีมาช้านานแล้ว สมัยนั้นหมอรักษาโรคยังไม่แพร่หลายนัก มีเพียงลัทธิเต๋าที่เป็นที่นิยม ทำให้การเล่นแร่แปรธาตุมีอย่างแพร่หลาย
ไม่ว่าโรคอันใด ขอเพียงสามารถพบตัวหมอโอสถ และขอยาวิเศษจากเขาหนึ่งเม็ด ก็รักษาได้ทุกโรค
แต่มีน้อยคนที่รู้วิชาเล่นแร่แปรธาตุจริงๆ
บางคนแสร้งทำตัวลึกลับพิสดาร ยาวิเศษที่ทำขึ้นมา ไม่เพียงไม่รักษาโรค บางครั้งคนที่กินเข้าไปกลับอาการหนักขึ้นและอาจถึงตายได้เลยทีเดียว
ต่อมา คนทั่วไปไม่อาจตามหายาวิเศษได้ พวกเขาจึงเริ่มเชื่อในลิขิตสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ หมอเวทจึงปรากฏตัวขึ้น
ทว่าสิ่งเหล่านี้มีมาช้านานแล้ว
ทุกวันนี้ แม้จะมีวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ทว่าหายากอย่างมาก
แม้มีเงินทองมากมาย ก็ไม่แน่ว่าจะหายาวิเศษพบ เพราะมันหาได้ยากยิ่งกว่าลูกท้อสวรรค์ของเผ่าสวรรค์เสียอีก
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่คาดหวัง
ว่ากันตามเหตุผล หากมียาวิเศษ แม้อาการเจ็บป่วยของคนเหล่านี้ยากจะรับมือ แต่ก็ใช่ว่าจะรักษาไม่หาย!
“คุณชายฉู่ ท่านช่วยนำยาวิเศษที่พวกเขาเคยทานมาให้ข้าดูได้หรือไม่? ”
คุณชายฉู่พยักหน้า และบอกให้คนนำยาวิเศษมาให้
ตงหลิงหวงตรวจดูอย่างละเอียด ทั้งยังวิเคราะห์วัสดุที่ใช้ทำยา
มันเป็นยาวิเศษจริงๆ ไม่มีอันใดผิดปกติ และเป็นยาระดับดีพอสมควร
ทว่าเหตุใดทานแล้วกลับไม่ได้ผล
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วเล็กน้อยและครุ่นคิดอยู่นาน
คุณชายฉู่อดกังวลไม่ได้ “ยาวิเศษเหล่านี้มีปัญหาหรือ? ”
ตงหลิงหวงคืนยาวิเศษให้คุณชายฉู่ พลางส่ายศีรษะเล็กน้อย “ยาไม่มีปัญหา ทว่าในเมื่อรักษาไม่ได้ พวกเขาก็ไม่ควรทานอีก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อาการรุนแรงมากขึ้น”
คุณชายฉู่รู้สึกแบบเดียวกัน
“ฮูหยิน ท่านตรวจพบหรือไม่ว่าพวกเขาป่วยด้วยโรคอันใด? ”
ตงหลิงหวงยังคงส่ายศีรษะ “ไม่สามารถตรวจได้อย่างละเอียด โรคนี้คล้ายโรคระบาด แต่ก็ไม่เหมือนโรคระบาดทั่วไป ทว่าอาการและลักษณะบาดแผลคล้ายกับอาการของพิษบางชนิดในแคว้นไหวเจียงอย่างมาก ดังนั้นข้าสงสัยว่า… พวกเขาอาจได้รับพิษ”
“พิษ??? ”
คุณชายฉู่ขมวดคิ้ว พวกเขาไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้เลย
คนเหล่านี้ถูกวางยาพิษจริงๆ หรือ?
ทั้งยังคล้ายพิษของแคว้นไหวเจียง???
แม้คุณชายฉู่จะเร้นกายอาศัยอยู่ที่หุบเขาหลูเหว่ยมาตลอด แต่เขาเคยได้ยินสถานการณ์ภายนอกมาบ้าง เรื่องแคว้นไหวเจียง เขาก็พอทราบเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม หุบเขาหลูเหว่ยไม่เคยติดต่อกับโลกภายนอกและไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนของแคว้นไหวเจียง เช่นนั้น อาการเจ็บป่วยของคนในหุบเขาของเขาเกี่ยวข้องกับแคว้นไหวเจียงได้อย่างไร?