เล่มที่ 26 เล่มที่ 26 ตอนที่ 772 น่าประหลาดใจ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ตงหลิงหวงเห็นการแสดงออกอันงดงามของคุณชายฉู่ “แท้จริงแล้ว นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้าเท่านั้น ไม่มีหลักฐานชัดเจน หากต้องการวินิจฉัยเพิ่มเติมอาจยุ่งยากกว่านี้มาก”

“ขอถามฮูหยิน เหตุใดท่านจึงตั้งข้อสงสัยว่าพวกเขาถูกวางยาพิษ ทั้งยังคล้ายพิษของแคว้นไหวเจียง”

ตงหลิงหวงจูงเด็กคนหนึ่งมา และอธิบายอย่างละเอียด

“ท่านดูแผลที่มือและใบหน้า หากเป็นโรคทั่วไป รอยแผลควรเป็นสีขาวหรือสีขาวขุ่น เมื่อเป็นหนองก็จะมีสีเหลืองน้ำนมเล็กน้อย

แม้อาการปัจจุบันของเขาจะเป็นหนองเหมือนกัน ทว่าบริเวณรอบแผลกลับเป็นสีเขียวคล้ำ ตราบใดที่แผลเปลี่ยนเป็นสีดำ หมายความว่าต้องถูกพิษแน่นอน”

“เช่นนั้น เกี่ยวข้องอันใดกับพิษของแคว้นไหวเจียง? ”

ตงหลิงหวงขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าจริงจังมากขึ้น

มู่หรงฉีที่นิ่งเงียบอยู่ด้านข้างมาโดยตลอด นึกชื่นชมความจริงจังของนางอยู่เงียบๆ

ตงหลิงหวงหยิบเข็มเงินมาเจาะแผลที่มือของเด็กชายผู้นั้นอย่างแผ่วเบา ทันใดนั้น หนองสีเขียวอ่อนก็ไหลออกมาจากบาดแผล

ตงหลิงหวงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หนูน้อย อดทนไว้ อีกเดี๋ยวก็ไม่ปวดแล้ว”

“อืม! ” เด็กน้อยพยักหน้าพลางกัดฟันแน่น

มู่หรงฉีไม่เคยเห็นตงหลิงหวงในด้านที่อ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน มือของเขาที่วางบนรถเข็นสั่นเทาเล็กน้อย เมื่อมองอารมณ์ภายในดวงตาของตงหลิงหวง

ตงหลิงหวงให้ความสนใจกับเด็กน้อย และจดจ่ออยู่กับการอธิบายให้คุณชายฉู่ฟัง โดยไม่ได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของมู่หรงฉีที่อยู่ข้างหลัง

“ท่านดูตรงนี้ หากเป็นพิษปกติ หนองควรเป็นสีดำอ่อน ทว่าหนองกลับเป็นสีเขียว ในกรณีพิเศษ หนองที่เป็นพิษบางชนิดจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่เมื่อบีบให้มันไหลออกจนหมดจะกลายเป็นสีเลือดแดงเข้ม ทว่าเมื่อข้าบีบหนองสีเขียวออกจนหมดกลับกลายเป็นของเหลวสีดำ สิ่งเหล่านี้คือเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการติดเชื้อ ไม่ใช่เลือด”

แน่นอน เมื่อตงหลิงหวงบีบหนองสีเขียวออก หลังจากหนองถูกบีบออกจนหมด ปากแผลก็มีน้ำสีดำไหลออกมา

ตงหลิงหวงอธิบายเพิ่มเติมว่า “ยาพิษของแคว้นไหวเจียงมีความรุนแรงอย่างมาก โดยเฉพาะพิษที่ได้รับการพัฒนาโดยปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาพิษ ทำให้พิษนั้นได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้ถอนพิษยากจะรับมือ

ดังนั้น ข้าสรุปว่า ตามสภาพของผู้ป่วยเหล่านี้ พวกเขาถูกวางยาพิษจริง และมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเกี่ยวข้องกับพิษของแคว้นไหวเจียง ทั้งยังเป็นพิษแมลงอีกด้วย”

พิษแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ พิษแมลงและพิษสมุนไพร

เรื่องนี้เข้าใจได้ไม่ยาก พิษแมลงคือการสกัดพิษจากแมลงมีพิษต่างๆ หรือจากสัตว์ป่าและสัตว์มีปีก ส่วนพิษจากสมุนไพรคือการสกัดพิษจากสมุนไพร

เมื่อนำมาเทียบกัน สารพิษจากแมลงนั้นรุนแรงมากกว่าพิษจากสมุนไพร

แม้ตงหลิงหวงจะวิเคราะห์ออกมาอย่างสมเหตุสมผล และไม่มีข้อบกพร่องที่น่าสงสัย ทว่าคุณชายฉู่ยังคาดไม่ถึงเล็กน้อย

“หุบเขาหลูเหว่ยของข้าติดต่อกับโลกภายนอกน้อยมาก นับประสาอันใดกับแคว้นไหวเจียง เช่นนั้น พวกเขาได้รับพิษของแคว้นไหวเจียงได้อย่างไร? ”

ตงหลิงหวงก็สงสัยเรื่องนี้เช่นกัน นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง

“คนในหุบเขาได้ออกจากหุบเขาบ้างหรือไม่? ”

“ในหุบเขามีกฎเกณฑ์ว่าห้ามคนออกจากหุบเขา”

“โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่มีสิทธิ์ออกจากหุบเขาต้องเป็นคนจากจวนของเจ้าหุบเขา”

“ทว่าไม่ใช่ทุกคนในจวนเจ้าหุบเขาที่สามารถออกจากหุบเขาได้ เว้นแต่จะเป็นเรื่องความเป็นความตายเท่านั้น และหากมีความจำเป็นพิเศษต้องการออกจากหุบเขา จะต้องมีป้ายคำสั่งจากเจ้าหุบเขาเสียก่อน”

กล่าวคือ แม้แต่คุณชายฉู่ก็ไม่มีสิทธิ์ออกจากหุบเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต

คุณชายฉู่พูดเสริมอีกว่า “คนสกุลฉู่และสกุลเซี่ยของข้าเร้นกายอยู่ในหุบเขาหลูเหว่ยมาหลายปีแล้ว แม้ทุกคนจะอยู่ภายใต้การดูแลของจวนเจ้าหุบเขา ทว่าทุกคนสมัครสมานสามัคคีกันเป็นอย่างดี คนส่วนใหญ่ไม่อยากออกไปที่ใด หลายวันก่อน หากไม่ใช่เพื่อรักษาโรคระบาด ท่านพ่อของข้าคงไม่ออกจากหุบเขานี้เป็นแน่”

เมื่อได้ยินสิ่งที่คุณชายฉู่อธิบาย ตงหลิงหวงจึงเกิดความสงสัยเล็กน้อย คราแรก นางไม่รู้ว่าจะถามอย่างไรดี ทว่าหลังจากขบคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงถามว่า

“ตามที่คุณชายฉู่พูดก่อนหน้านี้ คุณชายฉู่ทราบสถานการณ์ภายนอกพอสมควร ทว่าสิ่งที่คุณชายฉู่เพิ่งอธิบายมาเมื่อครู่ พวกท่านแทบไม่เคยออกมาจากหุบเขาเลย เช่นนั้นท่านทราบเรื่องราวภายนอกได้อย่างไร? ”

เห็นได้ชัดว่ามีความขัดแย้งระหว่างทั้งสองเรื่อง

ทว่าคุณชายฉู่ไม่ได้ใส่ใจ และเข้าใจข้อสงสัยของตงหลิงหวงเป็นอย่างดี

“คนจากหุบเขาหลูเหว่ยของข้า โดยเฉพาะคนแซ่ฉู่ แม้ไม่เคยออกจากหุบเขาหลูเหว่ย ทว่ากลับรู้เรื่องราวในใต้หล้านี้พอสมควร ทั้งหมดล้วนอาศัยดินแดนลึกลับเสวียนคงที่อยู่ภายในหุบเขา ”

“ดินแดนลึกลับเสวียนคงหรือ? ”

ไม่คิดว่าหุบเขาหลูเหว่ยจะมีอีกโลกหนึ่ง

“ใช่แล้ว ดินแดนลึกลับเสวียนคง” คุณชายฉู่พูดพลางชี้ไปทางด้านหลังเขา “ดินแดนลึกลับเสวียนคงอยู่บนยอดของฝอซาน ซึ่งควบคุมหุบเขาหลูเหว่ยทั้งหมด ทั้งยังสร้างเขตเวทมนตร์ให้กับหุบเขาหลูเหว่ย หากคนในหุบเขาต้องการออกไปยังโลกภายนอก พวกเขาต้องผ่านดินแดนลึกลับเสวียนคง คนภายนอกเข้ามาไม่ได้ ทว่าคนแซ่ฉู่มีความสามารถพิเศษ สามารถเข้าใจสถานการณ์ภายนอกผ่านดินแดนลึกลับเสวียนคงนี้”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง…

มิน่าเล่า เมื่อครู่คุณชายฉู่ถึงพูดว่าคนในหุบเขาไม่เคยออกจากหุบเขาเลย หากมีคนออกไป จำเป็นต้องให้คนแซ่ฉู่เปิดเขตเวทมนตร์ดินแดนลึกลับเสวียนคง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาต้องรู้ว่าใครออกจากหุบเขาไปบ้าง

“ในหุบเขามีคนแซ่ฉู่กี่คน? ”

คุณชายฉู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “กล่าวตามตรง คนแซ่ฉู่มีบิดาของข้าและตัวข้าเอง”

ช่าง… หายากยิ่งนัก…

ตงหลิงฮวงแทบจะยกมือก่ายหน้าผาก

“ถ้าเช่นนั้น ผู้อื่นล้วนแซ่เซี่ยหรือ? ”

คุณชายฉู่พยักหน้าเล็กน้อย

ตงหลิงหวงจำได้ว่าคุณชายฉู่เพิ่งพูดว่า ในหุบเขามีคนแซ่ฉู่กับแซ่เซี่ย

“ในเมื่อคนในหุบเขาไม่เคยออกไปยังโลกภายนอก เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนภายนอกจะเข้ามาในหุบเขาด้วยวิธีพิเศษบางอย่าง? ”

คุณชายฉู่จริงจังอย่างมาก “นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน ความจริงแล้ว หุบเขาหลูเหว่ยทั้งหมดอยู่ภายในเขตเวทมนตร์ของดินแดนลึกลับเสวียนคง ไม่ต้องเอ่ยถึงคนจากภายนอกเลย ต่อให้แมลงวันบินเข้ามาภายในหุบเขาหลูเหว่ย บิดาและข้าย่อมรับรู้ได้ทันที”

เช่นนั้น เรื่องนี้ชักจะจัดการยากเสียแล้ว…

ในเมื่อคนข้างในออกไปไม่ได้ คนข้างนอกก็เข้ามาไม่ได้ ทั้งพิษพวกนี้ยังเป็นพิษของแคว้นไหวเจียงอย่างเห็นได้ชัด เช่นนั้น พวกเขารับพิษมาได้อย่างไร?

ครู่หนึ่ง คุณชายฉู่จึงพูดขึ้นด้วยท่าทีลังเลว่า “ฮูหยินหลิง เป็นไปได้หรือไม่ว่าการวินิจฉัยของท่านผิดพลาด บางทีอาการของพวกเขาอาจไม่ได้เกิดจากการได้รับพิษ หรือบางทีพวกเขาอาจได้รับพิษจริง ทว่าไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพิษของแคว้นไหวเจียง? ”

อาจตั้งข้อสงสัยเช่นนี้ได้ ทว่าทักษะทางการแพทย์ของตงหลิงหวง นางมีความมั่นใจอย่างมาก

หากเป็นอาการป่วยเพราะได้รับพิษทั่วไป นางไม่มีทางวินิจฉัยผิดพลาดแน่นอน ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแคว้นไหวเจียงหรือไม่นั้น…

ใบหน้าของคนผู้หนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของตงหลิงหวง คนผู้นั้นคือซูจิ่นซี

หากพระชายาโยวอ๋องอยู่ที่นี่ บางทีนางอาจตัดสินได้แม่นยำกว่านี้

อย่างไรเสีย วิชาพิษและทักษะทางการแพทย์ของนางก็ยอดเยี่ยมอย่างที่ในอดีตไม่เคยมีมาก่อน

ทว่าน่าเสียดาย… สถานที่อย่างหุบเขาหลูเหว่ยใช่ว่าใครก็เข้ามาได้ง่ายๆ พระชายาโยวอ๋องคงไม่รู้ว่านางและมู่หรงฉีอยู่ในที่แห่งนี้

ตงหลิงหวงครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางคิดว่าควรหาวิธีถอนพิษให้ผู้ป่วยเหล่านี้โดยเร็วที่สุดด้วยความสามารถของตนเอง

ในเมื่อหาสาเหตุจากทั้งภายในและภายนอกไม่ได้ เช่นนั้นต้องขุดให้พบต้นตอของมัน

“คุณชายฉู่ ขอถามว่าผู้ใดที่ป่วยด้วยโรคนี้เป็นคนแรก ช่วยพาเขาไปพบได้หรือไม่?”