บทที่ 1313 อัดร่างหลวงจีน

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ครั้งนี้..เย่ซิงเฉินไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าแพรปีศาจของตนควบคุมกระบี่คู่มารสะบั้นเทวะของตนเอีกแล้ว เพราะตอนนี้นางได้เข้าสู่ขั้นพลังชี่แล้ว และสามารถใช้พลังจิตบังคับควบคุมกระบี่คู่ของนางได้เช่นเดียวกับที่หลิงหยุนใช้พลังจิตบังคับกระบี่เหินนั่นเอง
  และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือกระบี่คู่มารสะบั้นเทวะของเย่ซิงเฉินนั้นเป็นกระบี่ไร้ด้าม จึงไม่มีพื้นที่ให้ใช้มือจับได้ ด้วยเหตุนนี้ที่ผ่านมานางจึงต้องใช้ผ้าแพรปีศาจควบคุม และง่ายต่อการจู่โจมคู่ต่อสู้ด้วย
  เวลานี้กระบี่คู่มารสะบั้นเทวะของเย่ซิงเฉินกำลังลอยอยู่กลางอากาศและหมุนด้วยความเร็วเย่ซิงเฉินไม่รีรอ นางจัดการผลักกระบี่คู่เข้าใส่ร่างของหลวงจีนวัดเส้าหลินสองรูปที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดทันที!
  กระบี่คู่พุ่งออกไปด้วยความเร็วอย่างมากอีกทั้งหลวงจีนทั้งสองรูปต่างก็กำลังมึนงงและเวียนศรีษะจากการถูกดวงดาวและพายุดาราหมุนรอบ จนไม่สามารถจับทิศทางเหนือใต้ได้ด้วยซ้ำ
  ชัวะ!
  กระบี่คู่มารสะบั้นเทวะพุ่งเข้าใส่แผ่นหลังของเป้าหมายอย่างแม่นยำแล้วโลหิตสีแดงก็พุ่งกระฉูดออกมาเป็นทางยาว!
  ความจริงแล้วด้วยความแข็งแกร่งของเย่ซิงเฉินในเวลานี้นางไม่จำเป็นต้องใช้วิชาสุญตาดูดดาวก็สามารถเอาชนะยอดฝีมือระดับห้าขั้นพลังเหนือธรรมชาติได้ไม่ยาก ดังนั้นสิบแปดอรหันต์วัดเส้าหลินจึงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง
  ยิ่งไปกว่านั้นหลวงจีนทั้งสิบแปดรูปยังอยู่ในอาการมึนงงและวิงเวียนศรีษะ จึงสูญเสียการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และการทรงตัวที่มั่นคงไป ทำให้ความสามารถในการรับมืออ่อนด้อยลงไปมาก!
  เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นหลวงจีนวัดเส้าหลินทั้งสองรูปต่างก็ถูกฟันเข้าที่แผ่นหลังได้รับบาดเจ็บสาหัส!
  เย่ซิงเฉินหัวเราะคิกคักนางเลือกใช้กระบี่คู่มารสะบั้นเทวะเพราะเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว และอีกเพียงแค่พริบตาเดียวนางก็สามารถทำให้หลวงจีนวัดเส้าหลินอีกห้ารูปได้รับบาดเจ็บในทันที หนึ่งในนั้นถูกฟันเข้าที่ลำคอเลือดพุ่ง และหวิดศรีษะขาด!
  “สลายค่ายกล!”
  ทางด้านหลวงจีนจื่อเหนิงที่กำลังประมือกับหลิงหยุนอยู่เห็นเช่นนั้นจึงรีบร้องเตือนให้หลวงจีนทั้งสิบแปดรูปสลายค่ายกลและแยกย้ายทันที!
  หลวงจีนจื่อเหนิงกระวนกระวายและร้อนใจยิ่งนักเขานึกไม่ถึงว่ามารน้อยแห่งพรรคมารผู้นี้จะใช้วิชาที่แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้จัก มิหนำซ้ำยังมีพลังที่รุนแรงและแข็งแกร่งยิ่งนัก!
  วิชาสุญตาดูดดาวทำให้จุดตันเถียนของเย่ซิงเฉินกลายเป็นแหล่งรวมพลังพายุหมุนดวงดาวและจุดซือไห่กึ่งกลางหว่างคิ้วกลายเป็นพลังดวงดาวนับไม่ถ้วน นางจึงสามารถใช้พลังแห่งจักรวาลนี้ต่อสู้กับศัตรูได้
  หลังจากที่พยายามกลับมารวมตัวเพื่อตั้งค่ายกลสิบแปดอรหันต์วัดเส้าหลินอีกครั้งจนถูกเย่ซิงเฉินทำร้ายด้วยกระบี่คู่มารสะบั้นเทวะบาดเจ็บไปหลายราย ทั้งหมดจึงต้องสลายค่ายกลตามคำสั่งของหลวงจีนจื่อเหนิง และเวลานี้หลวงจีนทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ในวงล้อมของพายุหมุนดวงดาว จากนั้นหลวงจีนทั้งสิบแปดรูปจึงแยกย้ายยืนหันหลังให้กันเป็นวงกลมพร้อมคฑาในมือ!
  ด้วยวิธีนี้..ทำให้เหล่าหลวงจีนไม่ต้องถูกเย่ซิงเฉินจู่โจมด้วยกระบี่คู่จากด้านหลังได้อีก เมื่อไม่ต้องระมัดระวังหลังเช่นนี้ ทั้งหมดจึงสามารถตั้งรับกระบี่คู่มารสะบั้นเทวะของเย่ซิงเฉินได้ง่ายขึ้น
  เคร้ง!เคร้ง!
  นับว่าได้ผลเพราะเวลานี้สิบแปดอรหันต์วัดเส้าหลินสามารถตั้งรับกระบี่คู่ของเย่ซิงเฉินได้อย่างง่ายดาย!
  “เจ้าหลวงจีนเฒ่าช่างน่ารำคาญยิ่งนัก!”   เย่ซิงเฉินกระโดดเข้าไปอยู่ในกระแสพายุหมุนดวงดาวและร่างของนางก็เริ่มเคลื่อนที่ไปตามกระแสพายุหมุนนั้นอย่างรวดเร็ว และนั่นทำให้นางค้นพบความน่าสะพรึงกลัวอีกหนึ่งอย่างของพายุหมุนดวงดาวนี้ แววตาของเย่ซิงเฉินเป็นประกายวูบวาบขึ้นมาทันที!
  เย่ซิงเฉินค้นพบว่าเมื่อนางปล่อยให้ร่างของตนเองเคลื่อนไปตามกระแสของพายุหมุนดวงดาวนี้นางจะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเดิมถึงสองเท่าเลยทีเดียว!
  เวลานี้ร่างของเย่ซิงเฉินหมุนไปตามกระแสพายุวนดวงดาวด้วยความรวดเร็วมันรวดเร็วอย่างมากจนกระทั่งสามารถเห็นร่างของเย่ซิงเฉินหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ความจริงแล้วนางเคลื่อนที่ไปตามกระแสพายุแล้วไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ!
  “โอ้!สนุกมากจริงๆ ฮ่าๆๆ”
  เย่ซิงเฉินร้องออกมาอย่างสนุกสนานราวกับเด็กน้อยที่เพิ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่จนกระทั่งหลงลืมการต่อสู้ และปล่อยตัวให้หมุนไปตามกระแสพายุดวงดาวอย่างสนุกสนาน!
  “อย่ามัวแต่เล่นสนุกล่ะเดี๋ยวผมบนหัวของเจ้าจะหายไปซะก่อน!”
  หลิงหยุนเห็นเย่ซิงเฉินที่เพิ่งค้นพบความอัศจรรย์ของวิชาสุญตาดูดดาวและกำลังเล่นสนุกด้วยความตื่นตาตื่นใจเช่นนั้น จึงอดที่จะล้อเลียนนางไม่ได้!
  “เรื่องของข้า!”
  เย่ซิงเฉินเหลือบมอบหลิงหยุนเล็กน้อยและคร้านที่จะใส่ใจเขาอีก!
  ทั้งสองคนต่างก็กำลังเผชิญหน้าอยู่กับศัตรูที่แข็งแกร่งแต่กลับหยอกล้อกันต่อหน้าคู่ต่อสู้ราวกับไม่มีอะไร นี่ยังสามารถเรียกว่าการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวได้อีกอย่างนั้นหรือ
  “เจ้าไม่ต้องกังวลใจไปข้ามีวิธีที่จะจัดการกับพวกมันพร้อมกับในคราวเดียว พวกมันจะต้องร้องเจ็บปวดโหยหวนเชียวล่ะ!”
  ดวงดาวที่ขยายใหญ่จนกลายเป็นดาวเคราะห์ขนาดเล็กที่หมุนไปด้วยความเร็วนั้นเวลานี้เริ่มพุ่งเข้าชนกันเอง และเมื่อดวงหนึ่งกระแทกเข้ากับอีกดวงหนึ่ง มันก็เข้าไปรวมตัวกันและกลายเป็นดาวเคระห์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมอีกเท่าตัว และเมื่อไปกระบทบกับดวงอื่นอีก มันก็จะรวมตัวกันขยายขนาดใหญ่ขึ้นอีก เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ!
  แปด..เก้า.. สิบ..
  ท้ายที่สุดดาวเคราะห์ทั้งสิบแปดดวงก็รวมตัวกันเป็นดาวดวงใหญ่สามดวงที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสามเมตรและทั้งสามดวงก็ยังคงหมุนวนไปรอบๆด้วยความเร็วเช่นเดิม แต่ดูเหมือนเย่ซิงเฉินจะไม่สามารถควบคุมมันได้อีกแล้ว!
  “หลิงหยุน..มันใหญ่โตเกินไป ข้าไม่สามารถควบคุมมันได้!”
  เย่ซิงเฉินถึงกับตกตะลึงเพราะดาวทั้งสามดวงนั้นใหญ่โตเกินกว่าที่ตนจะควบคุมได้!
  หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกและได้แต่พูดออกไปว่า“เจ้านี่ช่างโง่นัก! ในเมื่อควบคุมทั้งหมดสามดวงพร้อมกันไม่ได้ ก็ควบคุมทีละดวงสิ!”
  “เข้าใจแล้ว!แต่เจ้าบังอาจว่าข้าโง่ ไว้ข้าจะจัดการกับเจ้าทีหลัง!”
  แม้ทั้งสองคนจะคุยไปด้วยและต่อสู้ไปด้วยแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อพวกเขาทั้งคู่เลย เย่ซิงเฉินหันมาควบคุมดวงดาวขนาดสามเมตรหนึ่งดวงแทน และปล่อยอีกสองดวงให้หมุนไปตามกระแสพายุ
  จากนั้นนางจึงบังคับดวงดาวขนาดใหญ่สามเมตรนี้ให้พุ่งชนสิบแปดอรหันต์ของวัดเส้าหลินทันที
  เดิมทีดวงดาวขนาดหนึ่งเมตรก็มีน้ำหนักถึงห้าพันกิโลกรัมแล้วแต่นี่คือดวงดาวหกดวงที่มารวมตัวกัน น้ำหนักของมันจึงแทบไม่ต้องพูดถึง และยิ่งน้ำหนักมากขึ้นเท่าไหร่ พลังในการพุ่งก็จะรวดเร็วและรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
  “แย่แล้ว!”   หลวงจีนวัดเส้าหลินทั้งหกรูปเห็นดาวดวงใหญ่มหึมาพุ่งเข้ามาเช่นนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที และรีบยกคฑาในมือขึ้นมาจู่โจมใส่ดวงดาวนั่นพร้อมๆกัน!
  แต่ทันทีที่คฑาทั้งหกกระแทกเข้ากับดาวดวงใหญ่มหึมาพร้อมๆกันนั้นคฑาทั้งหกก็ถูกดูดเข้าไปในดวงดาวพร้อมกันทันที!
  ปัง!
  ตามมาด้วยเสียงดังปัง!ซึ่งเกิดจากดวงดาวขนาดใหญ่นั้นกระแทกเข้ากับศรีษะของหลวงจีนทั้งหกรูป!
  เสียงนั้นดังราวกับเกิดบิ๊กแบงในจักรวาลอีกครั้ง!
  เย่ซิงเฉินถึงกับนิ่งอึ้งไปพร้อมกับอ้าปกหวอด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นภาพที่น่าสยดสยองตรงหน้า!
  สิ้นเสียงดังปังคล้ายระเบิดนั้นชิ้นส่วนของดวงดาวก็ได้กระเด็นแตกกระจายไปโดนร่างของหลวงจีนรูปที่เหลือ!   “เตรียมตัวตาย!”
  แม้เย่ซิงเฉินจะตกใจไม่น้อยแต่นางก็ไม่ลืมว่าตนเองยังอยู่ในระหว่างต่อสู้ จึงรีบควบคุมกระบี่คู่มารสะบั้นเทวะเข้าใส่ร่างของหลวงจีนสองรูปที่นอนกองอยู่กับพื้นทันที!
  หลวงจีนสองรูปเพิ่งถูกสะเก็ดของชิ้นส่วนที่แตกออกกระแทกเข้าใส่ร่างล้มลงไปจึงไม่สามารถหลบกระบี่คู่ของเย่ซิงเฉินได้ทัน!
  “ห๊ะ!”
  “แย่แล้ว!”
  ทางด้านหลวงจีนจื่อเหนิงที่กำลังรับมือกับหลิงหยุนอย่างยากลำบากนั้นได้เหลือบไปเห็นเข้าพอดีเขาจึงต้องตัดสินใจกลืนโอสถลงไปถึงสามเม็ดทันที เพราะการที่จะต้านการจู่โจมจากหลิงหยุนทั้งสี่ทิศเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย เพราะเพียงแค่กระบี่โลหิตแดนใต้เล่มเดียวก็หนักนามากแล้ว..
  ทันทีที่กลืนโอสถเข้าไปอีกสามเม็ดพลังพุทธะในร่างของหลวงจีนจื่อเหนิงก็เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าทันที และเวลานี้ดูเหมือนจะมีพลังปราณแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าด้วยซ้ำไป!
  และที่เขาตัดสินใจทำเช่นนี้ก็เพื่อช่วยเหลือคน!
  สิบแปดอรหันต์วัดเส้าหลินนั้นล้วนเป็นศิษย์ที่เก่งกาจและสร้างชื่อเสียงให้กับวัดเส้าหลินอย่างมากเขาจะปล่อยให้ถูกสังหารตายไปแม้แต่คนเดียวไม่ได้ แต่นี่มีถึงสองที่กำลังตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต
  หลังจากที่หลวงจีนอาวุโสผู้นี้กลืนโอสถเข้าไปแล้วเขาจึงไม่หวาดกลัวต่อกระบี่เหินเงาธนูของหลิงหยุนอีก และเปลี่ยนจากตั้งรับมาเป็นจู่โจมทันที หลวงจีนจื่อเหนิงซัดหมัดใส่หลิงหยุนราวสิบกว่าหมัดเพื่อผลักให้เขาต้องถอยร่นออกไป จากนั้นหลวงจีนอาวุโสจึงรีบกระโดดเข้าไปหาเย่ซิงเฉินซึ่งยังคงอยู่ในพายุหมุนดวงดาว!
  หลวงจีนจื้อเหนิงซัดพลังพุทธะในร่างเข้าใส่พายุหมุนดวงดาวและเพียงแค่พริบตาเดียวเหล่าเส้นทางดวงดาวก็มลายหายไปในทันทีและไม่มีจักรวาลเล็กๆเหมือนเช่นเคยหลงเหลืออยู่อีก!
  “หลวงจีนเฒ่าเจ้ารนหาที่ตายแท้ๆ!”
  ดวงตาคู่งามของเย่ชิงเฉินเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่งและกำลังที่จะใช้พลังจิตของตนรวบรวมพายุหมุนดวงดาวออกมาอีกครั้ง
  “หึ!มารน้อยเจ้าบังอาจไปแล้ว! ข้ายังอยู่นี่ทั้งคน เจ้าอย่าหวังได้สังหารศิษย์พุทธองค์ได้แม้แต่คนเดียวเลย!” หลวงจีนจื่อเหนิงร้องตะโกนใส่เย่ซิงเฉินด้วยความโมโห
  “แสงพุทธองค์!”
  พลังแสงที่น่ากลัวแผ่กระจายออกจากร่างของหลวงจีนจื่อเหนิงลำแสงสีทองสว่างเจิดจ้าพุ่งเข้าครอบคลุมร่างของเย่ซิงเฉินไว้ในทันที และทำการสะกดไม่ให้นางสามารถใช้พลังจิตไว้ได้ เย่ซิงเฉินจึงไม่สามารถใช้วิชาสุญตาดูดดาวได้อีก
  พลังแห่งพุทธองค์นั้นสามารถสะกดการใช้พลังจิตของเย่ซิงเฉินไว้ได้นางจึงได้แต่ร้องถามหลิงหยุนทันที
  “หลิงหยุนข้าควรทำเช่นใด รีบช่วยข้าก่อนเร็วเข้า!”
  “อ่อ..ได้ๆ”
  ใบหน้าของหลิงหยุนแดงก่ำด้วยควาโกรธเพราะนึกไม่ถึงจริงๆว่าหลวงจีนเจ้าปัญญาผู้นี้จะสามารถสะกดพลังจิตของคู่ต่อสู้ได้เช่นนี้ ถึงแม้จะยังคงลังเล แต่หลิงหยุนก็จำต้องตอบเย่ซิงเฉินกลับไปให้มั่นใจ!
  “หลวงจีนเฒ่า!เจ้าบังอาจข่มเหงรังแกภรรยาของเข้า เจ้าสมควรตายยิ่งนัก!”
  ครั้งนี้ดูเหมือนหลิงหยุนจะโกรธมากจริงๆเขาจัดการเผาเสินหยวนสามหยดพร้อมกัน ทำให้เขาสามารถเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ได้ในทันที!
  จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนทรงอานุภาพขึ้นอย่างมากทำให้พลังจิตของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นตามไปด้วย จึงควบคุมให้ตราหยกจักรพรรดิขยายใหญ่ขึ้นจากเดิมเป็นสองเท่าและเวลานี้ตราหยกที่มีน้ำหนักมากกว่าหมื่นกิโลกรัมก็ค่อยกดทับลงบนร่างของหลวงจีนจื่อเหนิง..
  ครืน…
  ตราหยกจักรพรรดินั้นเคลื่อนตัวลงทับร่างของหลวงจีนจื่อเหนิงอย่างรวดเร็วและอัดร่างของเขาจมหายไปในพื้นดินกว่าหนึ่งเมตร!
  ข้ามองไม่เห็นสิ่งใดเลย!