ตอนที่ 894 ปัญหาการปกครองขุนนาง

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 894 ปัญหาการปกครองขุนนาง

ในที่สุดฟู่เสี่ยวกวนก็อธิบายทุกสิ่งที่นึกออกเกี่ยวกับน้ำมันปิโตรเลียมจนจบ

สมองของฉินเฉิงเย่รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ ทุกสิ่งที่ฝ่าบาทตรัสออกมา เขาได้จดบันทึกเอาไว้ บันทึกของเขาเล่มหนาเตอะเชียวล่ะ !

กอปรกับภาพวาดของฝ่าบาทเหล่านั้นอีก…สวรรค์ ! เมื่อนำมารวมกันแล้วเล่มหนายิ่งนัก

ฉินเฉิงเย่ตั้งตารอคอยสิ่งแปลกใหม่นี้ เนื่องจากฝ่าบาทตรัสว่าเจ้าสิ่งนี้หากศึกษาสำเร็จแล้ว ก็จะสามารถเริ่มต้นการปฏิวัติอุตสาหกรรมคราที่สองได้ !

แล้วการปฏิวัติอุตสาหกรรมคราที่หนึ่งเล่า ?

บัดนี้เครื่องจักรไอน้ำได้ผลิตต้นแบบรุ่นแรกออกมาแล้ว และได้ส่งไปยังอู่ต่อเรือเจียงเฉิงเรียบร้อยแล้ว ต้องรอผลประเมินด้านการใช้งานของอู่ต่อเรือเจียงเฉิงเสียก่อน

ฝ่าบาททรงกำชับว่าเครื่องจักรไอน้ำต้องมีขนาดเล็กเพราะโดยมากจะนำมาใช้ในภาคเอกชน อาทิเช่น เครื่องทอผ้า

“จงแบ่งคนจากสำนักวิทยาศาสตร์ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกรับผิดชอบในการปรับปรุงเครื่องจักรไอน้ำ อีกกลุ่มหนึ่งรับผิดชอบเรื่องเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน”

“ของสิ่งนี้มีข้อจำกัดเรื่องวัสดุค่อนข้างสูง ดังนั้นเมื่อกลับไปแล้วก็จงอธิบายต่อช่างเหล็กโจวเรื่องการศึกษาค้นคว้าวัสดุให้ละเอียด ให้เขาได้รับรู้เรื่องวัสดุพิเศษที่ต้องการ อีกทั้งให้พวกเขาก่อตั้งห้องทดลองวัสดุเหล่านี้ขึ้นมา เพื่อค้นหาเหล็กที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน”

“สิ่งที่ข้ามอบให้เจ้าคือภาพของเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในชนิดพื้นฐานที่สุด มันเป็นประเภทลูกสูบสองจังหวะ ใช้สำหรับกระบวนการผลิตวัสดุต่าง ๆ เมื่อเทคโนโลยีนี้ก้าวหน้าขึ้นก็สามารถสร้างกระบอกสูบและเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในที่มีกำลังแรงกว่านี้ได้”

“ใช่ ! ที่สถาบันวิจัยอาวุธปืนจงอย่าละเลยเป็นอันขาด ปืนเหมาเซ่อรุ่นที่สามเริ่มลงมือได้แล้ว หลังจากที่ค้นคว้าและผลิตปืนเหมาเซ่อได้แล้ว ข้าถึงจะวางใจได้”

ฟู่เสี่ยวกวนลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยว่า “แต่ก็อย่ากดดันมากจนเกินไปล่ะ พวกเจ้ามิต้องกลัวความล้มเหลว เพราะความมหัศจรรย์ของวิทยาศาสตร์ก็คือต้องกล้าเผชิญหน้าและเปิดใจทดลองมัน ต้องมีการตั้งสมมติฐาน ต้องมีการค้นคว้าและทดลอง อีกทั้งต้องมีความสามัคคีในหมู่คณะ”

“จงจำเอาไว้ว่าน้ำมันปิโตรเลียมอันตรายมากยิ่งนัก จะต้องทำตามที่ข้ากำชับอย่างเคร่งครัด มิเช่นนั้น…ผลเสียที่ตามมาก็ยากเกินกว่าที่ทุกคนจะสามารถจินตนาการถึง ! ”

ฉินเฉิงเย่ก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เขาทำสีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นก็ทูลว่า “กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ รับรองว่าจะมิมีสิ่งใดผิดพลาดอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ! ”

“เอาล่ะ ! แยกย้ายกันไปเถิด สำนักวิทยาศาสตร์แห่งใหม่ใกล้จะก่อตั้งเสร็จแล้ว บัดนี้สภาพแวดล้อมอาจจะยังมิเอื้ออำนวย ก็ลำบากพวกเจ้าไปก่อน ! ”

เฝิงหล่าวซื่อและคนอื่น ๆ ฉีกยิ้มกว้าง

พวกเขาพากันอำลาฟู่เสี่ยวกวนและเดินทางออกจากเขตซื่อหยางทันที

เฝิงหล่าวซื่อพาคนจำนวนหนึ่งมุ่งหน้าไปยังเขตชื่อ ส่วนฉินเฉิงเย่พาลูกน้องสองสามคนเดินทางไปยังบึงดำ

ฟู่เสี่ยวกวนถอนหายใจยาว เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่โตมากเสียทีเดียว และในที่สุดก็สามารถจัดการได้ส่วนหนึ่งแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำต่อจากนี้คือ… รอ !

รอให้เหมืองที่เขตชื่อผลิตแร่ออกมาจำนวนมหาศาล รอให้สำนักวิทยาศาสตร์ผลิตเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในตัวต้นแบบออกมา

เขายังรอผลการใช้งานเครื่องจักรไอน้ำบนเรืออู่เว้ยห้าวอยู่ หากไร้ปัญหาใด เรือรบระดับอู่เว้ยห้าวทั้งห้าลำก็จะสามารถติดตั้งเครื่องจักรไอน้ำนี้ได้ทันที

เยี่ยงไรเสียเจ้าสิ่งนี้ก็มีพละกำลังมากกว่ามนุษย์หลายเท่า หากมีเครื่องจักรไอน้ำ เรือรบอู่เว้ยห้าวย่อมสามารถแล่นได้เร็วกว่าเดิม เมื่อถึงเวลานั้นก็จะได้ออกทะเลไปสำรวจเสียที

จริงสิ ! หากมีเครื่องจักรไอน้ำก็จะสามารถสร้างรถไฟได้อีกด้วย… รถไฟนี้มีประโยชน์มากยิ่งนัก ทว่าบัดนี้โครงการค้นคว้าวิจัยของสำนักวิทยาศาสตร์แน่นขนัด ควรทำเยี่ยงไรดี ?

ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาทันใด เฮ้อ…ข้ามีเงินทองกองเท่าภูเขาเลากา แต่กลับขาดผู้มีความสามารถเสียอย่างนั้น !

เขาส่ายศีรษะเบา ๆ และได้นึกปล่อยวางเรื่องของรถไฟลงก่อน จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอก ตรงไปยังห้องที่จัวอี้สิงและคนอื่น ๆ พักอาศัยอยู่

ทั้งสามคนลุกขึ้นยืน ทว่ายังมิทันได้คารวะ ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน “นั่ง ๆ ๆ อากาศร้อนถึงเพียงนี้ พวกท่านอยู่ในเมืองกวนหยุนดี ๆ มิชอบเยี่ยงนั้นหรือ ? เอาเถิด ถึงเยี่ยงไรก็ถือว่าเป็นน้ำใจจากทุกท่านก็แล้วกัน”

เมื่อทั้งสี่คนนั่งลง ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เอ่ยเข้าเรื่องทันที “เรื่องปัญหาการทำงานของขุนนางฝ่ายปกครองนั้น มิใช่ว่าข้าบังเอิญพบในเขตซื่อหยางเท่านั้นหรอก ขอบอกพวกท่านตามตรงว่าข้าให้โจวถงถงเดินทางไปยังบริเวณแม่น้ำต้าหลิงเพื่อสืบหาเรื่องการทุจริต”

“เมื่อคืนนี้ ข้าได้รับรายงานจากโจวถงถงว่า…การทุจริตที่เปรียบดั่งแผ่นดินไหวครานี้ เกรงว่าจะเกิดผลเสียคราใหญ่ ! จากการตรวจสอบพบว่าตั้งแต่ต้นน้ำจรดปลายสายธารเล็ก ๆ ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด”

จัวอี้สิงและพรรคพวกตกตะลึงขึ้นมาทันใด เนื่องจากแม่น้ำในราชวงศ์อู๋มีทั้งสิ้น 4 สาย นั่นย่อมหมายความว่าจะเชื่อมโยงไปยังเมืองทั้งสี่แห่งซึ่งถูกควบคุมโดยกรมทางน้ำ

สำหรับแม่น้ำ 4 สายนี้ สามารถเอ่ยได้ว่าปัญหาของแม่น้ำต้าหลิงร้ายแรงที่สุด

เมื่อสองปีก่อน เกิดเหตุการณ์เขื่อนแตกในอู่หยวนโจวแห่งแม่น้ำต้าหลิง ทุกคนยังจำได้ขึ้นใจว่าครานั้นจักรพรรดิอู๋สั่งประหารขุนนางไปมากกว่า 30 คนและได้จัดสรรเงิน 30 ล้านตำลึงเพื่อสร้างเขื่อนใหม่… บัดนี้เมื่อได้ยินฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ หมายความว่าขุนนางนับร้อยคนในเขตแม่น้ำต้าหลิงจะต้องถูกลงโทษใช่หรือไม่ ?

“เสี่ยวฉี…ไปนำน้ำบ๊วยแช่เย็นเข้ามา ! ” ฟู่เสี่ยวกวนตะโกนออกไปด้านนอก จากนั้นก็หันมาเอ่ยต่อว่า “มิใช่เพียงแค่บริเวณแม่น้ำเท่านั้นเพราะขุนนางรอบอู่หยวนโจวมิต่ำกว่า 20 คนก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ! ”

“เงินจำนวน 30 ล้านตำลึงที่ใช้สำหรับสร้างเขื่อน แท้จริงแล้วนำมาใช้สร้างเขื่อนเพียงแค่ 6 ล้านตำลึงเท่านั้น ! ”

ทั้งสามคนฟังไปพลางสูดหายใจเข้าไปพลาง ให้ตายเถิด ! พวกเขาหน้ามิอายอย่างแท้จริง !

หากจะเอ่ยว่าพวกตนมิทราบเรื่องฉ้อโกงของขุนนางก็คงจะเป็นไปมิได้ หากขุนนางภายใต้การดูแลของพวกตนยื่นมือเข้าไปฉาบฉวยมาบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เดิมทีคิดว่าจากงบประมาณ 30 ล้านตำลึง อย่างมากสุดก็คงดึงออกมาสัก 3 ล้านตำลึง ย่อมเหลืออีกยี่สิบกว่าล้านตำลึงสำหรับใช้สร้างเขื่อน

ทว่าบัดนี้เมื่อได้ฟังสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยออกมา ก็ได้ล้มล้างความคิดของพวกตนโดยสิ้นเชิง

จัวอี้สิงลุกขึ้นยืนทันพลัน เขาตะคอกออกมาด้วยความเดือดดาลว่า “พวกขุนนางชั่วสมควรตาย ! ข้าจะฟันพวกมันให้สิ้นซาก ! ”

“ราชเลขาจัวอย่าได้โมโหไปเลย รอให้เรื่องของที่นี่จัดการเรียบร้อยแล้ว ข้าจะเดินทางไปที่แม่น้ำต้าหลิงด้วยตนเอง”

จังหวะนั้นเสี่ยวฉีก็เดินถือน้ำบ๊วยเย็นเข้ามา ฟู่เสี่ยวกวนหยิบมาหนึ่งถ้วย จากนั้นก็ดื่มเข้าไปอึกใหญ่ “บัดนี้พวกท่านทราบแล้วใช่หรือไม่ ว่าเหตุใดข้าจึงมิอาจอยู่แต่ในวังหลวงได้ ? ”

“ข้าขอบอกทุกท่านเอาไว้ ณ ที่นี้เลยว่า พวกเขามีวิธีการมากมายในการหลอกลวงขุนนางระดับสูง เนื่องจากพวกเขามิได้เห็นความสำคัญของราษฎร ในสมองของพวกเขาคิดเพียงแค่ว่าจะทำเยี่ยงไรราชสำนักถึงจะตรวจสอบมิได้เท่านั้น”

“ในด้านนี้พวกเขาชำนาญการมากยิ่งนัก ดังนั้นถ้าต้องการให้พวกเขาตายก็ควรใช้วิธีอย่างเหมาะสม มิควรฟันทิ้งง่าย ๆ แต่รอให้ข้าเดินทางไปดูด้วยตนเองเสียก่อน”

“ส่วนเรื่องปัญหาในการปกครองของขุนนางก็มีให้เห็นมาโดยตลอด มันเปรียบเสมือนสนามรบระยะยาว ! มนุษย์ล้วนมีความโลภจึงมิใช่เรื่องแปลก แต่ขุนนางที่ดีควรดูจากที่ใด ? ก็ดูที่จิตใจของเขาว่ามีราษฎรอยู่หรือไม่ ! หากมีอยู่ ก็หมายความว่าความโลภในใจของเขาย่อมน้อยลง ในยามที่เราจัดการพวกเขาก็ควรพิจารณาถึงความยากลำบากของพวกเขาด้วย เพราะหากขุนนางดีแต่โดนบีบบังคับให้ฉ้อโกง…ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมิน้อย”

“จริงสิ ! ใต้เท้าโหยว บัดนี้ท่านมีเรื่องให้จัดการมากมายเลยมิใช่หรือ ? แล้วเหตุใดถึงเดินทางมาที่นี่เล่า ? ”

โหยวเซียนจือครุ่นคิดในใจว่าข้ายังมิได้เอ่ยอันใดออกมาเลยด้วยซ้ำ แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับเอ่ยออกมาก่อนแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนจึงยิ้มร่าออกมาพลางเอ่ยว่า “เอาเถิด… จงวางใจ ยังคงเป็นไปตามเดิมคือให้ธนาคารซื่อทงทำงานล่วงเวลาและพิมพ์ตั๋วเงินเพิ่มขึ้นอีก ! รอให้ข้ากลับเมืองกวนหยุนก่อนเถิด ข้าจะนำทองจำนวน 10 ล้านตำลึงมอบคืนให้แก่ท้องพระคลังเอง”

ฝ่าบาททรงมั่งคั่งเสียจริง !

ขุนนางทั้งสามแสดงท่าทางตกตะลึงออกมา “ฝ่าบาททรงเอาทองคำมากมายเพียงนี้มาจากที่ใดพ่ะย่ะค่ะ ? ”