หลังจากที่จบธุระทั้งหมดกับครอบครัวของเขา หลิงตู้ฉิงก็เปิดประตูคฤหาสน์สราญรมย์ออกหลังจากที่ประตูคฤหาสน์แห่งนี้ปิดสนิทมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี

เมื่อประตูคฤหาสน์เปิดออก หลิงตู้ฉิงก็เดินออกมาและพูดกับบรรดาทาสรับใช้ของเขาทันที “พวกเจ้าทั้งหมดเข้ามาข้างใน!”

เล้งเจี้ยนชิว เย่จางเฟิง และคนอื่น ๆ ต่างก็รีบเดินเข้าไปในคฤหาสน์สราญรมย์ตามคำสั่งและเอ่ยถามกับหลิงตู้ฉิงด้วยท่าทีเคารพว่า “นายท่านมีคำสั่งใดให้พวกเราทำตามงั้นหรือ?”

หลังจากเหตุการณ์ที่สันเขาทรราช ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกล้างสมองให้กลายเป็นทาสรับใช้ พวกเขาก็คงไม่กล้าปฏิเสธคำสั่งของหลิงตู้ฉิงอยู่ดี

หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “ต่อจากนี้ข้าจะให้บรรดาลูก ๆ ของข้าเลือกพวกเจ้า ไม่ว่าจะเป็นลูกของข้าคนไหนที่เลือกพวกเจ้า พวกเจ้าจะต้องติดตามพวกเขาทำตามคำสั่งพวกเขาและปกป้องพวกเขาด้วยชีวิต!”

“รับทราบ!” บรรดาทาสรับใช้ตอบรับทันที

จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เรียกลูก ๆ ทุกคนของเขาออกมาและให้เลือกทาสรับใช้ไปคนละ 1 คน

แน่นอนว่าหลิงยู่ชาน ซึ่งเป็นพี่คนโตสุดได้เลือกเป็นคนแรกและเขาเลือก เล้งเจี้ยนชิว ส่วนหลิงว่านถิงนั้นไม่ได้เลือกเพราะนางได้รับทาสรับใช้ไปแล้วตั้งแต่อยู่ที่สำนักเต๋าสวรรค์ ยี่เทียนเลือกเย่ฉิงเสี่ยว ว่านจุนเลือกเย่จางเฟิง ฟ่างหัวเลือกหยูเจิ้นไห่ และเมื่อมาถึงคราวของหลิงเทียนหยุน ตัวเลือกมันก็เหลือแค่หยูคงหมิง ซึ่งเมื่อเลือกกันเสร็จ หลิงไช่หยุนก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยอาการตกตะลึง

“หมดแล้ว?” หลิงไช่หยุนอุทาน “ท่านพ่อ! ทำไมพอมาถึงตาข้าเลือกมันถึงหมดแล้วล่ะ!?”

หลิงตู้ฉิงกลั้นขำและตอบกลับว่า “ก็เพราะว่าพ่อมีทาสรับใช้แค่เพียง 6 คนน่ะสิ และเจ้าก็เป็นน้องคนเล็กสุด เจ้าจึงต้องเป็นผู้เสียสละยังไงล่ะ!”

หลิงไช่หยุนไม่ยินยอมทันที “ท่านพ่อ ท่านลำเอียง! หากท่านไม่มอบทาสรับใช้ให้ข้า ข้าไม่ยอมท่านแน่ ๆ!”

หลิงตู้ฉิงไม่สนใจสีหน้าของนางและถามส่วนกลับไปว่า “งั้นพ่อขอถามเจ้าหน่อย ในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเจ้าอยู่ระดับไหนแล้ว?”

หลิงไช่หยุนพ่นลมออกจมูก “ก่อนหน้านี้ข้าฝึกหนักจนแทบบ้า จนในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของข้าได้ก้าวมาอยู่ที่ขอบเขตนภาระดับ 5 แล้ว! ดังนั้นท่านต้องให้รางวัลกับความพยายามของข้าด้วยท่านพ่อ! ข้าต้องการทาสรับใช้ขอบเขตจักรพรรดิ 1 คน แต่ถ้าท่านไม่มีทาสรับใช้อีกแล้ว งั้นท่านก็ต้องออกไปจับมาให้ข้าเพิ่ม!”

อันที่จริงสำหรับหลิงไช่หยุนเรื่องทาสรับใช้มันเรื่องเล็ก แต่สิ่งที่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับนางก็คือด้วยการคุ้มครองของทาสรับใช้ที่แข็งแกร่ง มันจะสามารถทำให้นางออกไปท่องเที่ยวโลกภายนอกได้โดยที่ไม่มีใครห้าม

“มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สักหน่อยที่จับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิมาเป็นทาสรับใช้” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “แต่ว่าพ่อเพิ่งจะมีแผนที่จะไปภูเขาฟีนิกซ์พอดี ซึ่งเจ้าเองก็บ่มเพาะมาจนถึงขอบเขตนภาระดับ 5 แล้ว พ่อคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะไปที่นั่นกับพ่อแล้วล่ะนะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงไช่หยุนถึงกับยืนอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นนางหัวเราะออกมาทันทีและพูดว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้างั้นก็ยอดเลยท่านพ่อ งั้นข้าไม่ต้องการทาสอะไรนั่นแล้วแค่ให้ข้าติดตามท่านไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ก็พอ! คอยดูเถอะเมื่อข้าไปถึงที่นั่นเมื่อไหร่ ข้าจะวัดฝีมือกับหวงเซียะให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยว่าใครเหนือกว่ากัน!”

“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางในตอนนี้หรอก!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว

“ถ้างั้นเดี๋ยวข้าขอตัวไปบ่มเพาะต่อก่อน เมื่อถึงเวลาท่านก็มาบอกข้าก็แล้วกันว่าจะเริ่มเดินทางไปเมื่อไหร่!” หลิงไช่หยุนรีบพูดขึ้น

“ไปเถอะ!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า

หลิงตู้ฉิงไม่คาดคิดเช่นกันว่าลูกของฟีนิกซ์เฒ่าตนนั้นจะกลายเป็นลูกของเขา ซึ่งในตอนนี้มันทำให้เขาได้เข้าใจแล้วว่า ทำไมหลิงไช่หยุนถึงสามารถปล่อยเพลิงฟีนิกซ์ระดับสูงออกมาได้

หลังจากที่หลิงตู้ฉิงจัดการเรื่องทาสรับใช้เสร็จ ซวนหยวนก็มาขอเข้าพบพอดีเช่นกัน

เมื่อทั้งคู่เจอหน้ากัน ซวนหยวนก็มองไปที่หลิงต็ฉิงด้วยสีหน้าซับซ้อนและพูดว่า “พวกเราพร้อมที่จะพาว่านถิงกลับไปที่สำนักเต๋าสวรรค์กับพวกเราแล้วครับ!”

ในตอนนี้ ซวนหยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า เนื่องจากภาพเหตุการณ์ที่สันเขาทรราชยังคงตราตรึงอยู่ในหัวเขาอยู่เลย

เมื่อในอดีตตอนที่เขาเคยพบกับหลิงตู้ฉิง เขายังไม่เคยเห็นฉากการสำแดงเดชของหลิงตู้ฉิงมากเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อเขาได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดที่สันเขาทรราช เขาจึงได้รู้ว่าปีศาจตนนี้มันหฤโหดขนาดไหน

ภาพของพลังนั่นที่สามารถทำให้ทุกสิ่งอย่างสลายหายไปได้ทั้งหมดแม้แต่อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ ภาพเช่นนั้นมันชวนทำให้รู้สึกสิ้นหวัง เนื่องจากมันไม่มีทางใดเลยที่จะต่อต้านได้และยิ่งเมื่อเขานึกถึงว่าถ้าหากเปลี่ยนไปเป็นสำนักของเขาที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์แบบนั้นแทน…

“ว่านถิงจะเดินทางไปที่สำนักของเจ้าแน่นอน” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “แต่ว่าก่อนนางจะไป นางต้องการที่จะกินเนื้อย่างก่อน”

ซวนหยวนฝืนยิ้มและพูดว่า “งั้นเดี๋ยวข้าจะจัดให้คนของข้าย่างเนื้อให้นางเมื่อนางกลับไปถึงสำนัก”

หลิงตู้ฉิงมองไปที่ซวนหยวน และพูดว่า “แต่เนื้อย่างที่นางต้องการกินเป็นเนื้อย่างของข้า ซึ่งข้าตัดแบ่งมาจากอสูรระดับมหาจักรพรรดิ เนื้อแบบนี้ที่สำนักของเจ้ามีงั้นเหรอ? และเนื้อระดับนี้เจ้าแน่ใจเหรอว่าไม่อยากลิ้มลองสักหน่อยก่อนกลับไป?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซวนหยวนถึงกับตกตะลึง เขารีบลดเสียงคุยกับหลิงตู้ฉิงทันที “มันไม่ดีเท่าไหร่หรอกมั้งที่เราจะกินเนื้ออสูรแบบเปิดเผยแบบนี้? ว่าแต่ท่านไปได้เนื้ออสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิมาจากไหนงั้นเหรอ?”

“มันไม่เห็นจะเป็นปัญหาตรงไหนเลยกับการกินเนื้อพวกมัน” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยท่าทีสบาย ๆ “ข้ากับพวกเผ่าอสูรนั้นมีหนี้กรรมค้างกันอยู่มากมายอยู่แล้ว และที่สำคัญก่อนหน้านี้ลูก ๆ ของข้าก็เพิ่งสังหารพวกเผ่าอสูรไปอีก 1,000 ตน ดังนั้นการที่จะกินมันหรือไม่นั้นก็ไม่มีผลอะไรอีกต่อไป”

ซวนหยวนพยักหน้าขึ้นลง จากนั้นเขาตอบกลับด้วยเสียงเบา “ถ้างั้นข้าขอแบ่งมากินบ้างสักหน่อยแบบเงียบ ๆ ก็แล้วกัน และหลังจากนั้นข้าค่อยกลับไปที่สำนัก!”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

เขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่าทำไมผู้คนมากมายถึงกลัวพวกเผ่าอสูร เพราะความแข็งแกร่งของเหล่าอสูรนั้นหากเทียบกับมนุษย์ปกติแล้วมันเหนือกว่าจริง ๆ

“หลังจากที่ข้าพบกับทุกคนที่มารอทั้งหมดเสร็จ ข้าค่อยเริ่มการย่างเนื้อ” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น

หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็ให้ซวนหยวนออกไปรอที่ข้างนอกตามเดิม

ผู้มาเยือนกลุ่มต่อไปที่เข้ามาขอพบหลิงตู้ฉิงก็คือ เทียนหลี เทียนซ่งหยูและกลุ่มคนของพวกเขา

ในวินาทีแรกที่เทียนซ่งหยูเจอหน้าหลิงตู้ฉิง เขารีบเอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวลทันที “ชาน เป็นยังไงบ้าง?”

หลิงตู้ฉิงชี้นิ้วไปยังทิศทางที่ตั้งของเรือนของหลิงยู่ชาน และพูดว่า “จงไปดูเขาเองก็แล้วกัน แต่ข้าขอเตือนพวกเจ้าเอาไว้อย่าง ไม่ว่าชานจะตัดสินใจทำอะไรต่อไปพวกเจ้าไม่มีสิทธิที่จะคัดค้าน!”

“พวกเราทราบแล้ว ๆ” เทียนหลี รีบตอบกลับพร้อมกับพยักหน้าขึ้นลงซ้ำ ๆ อยู่หลายที

พวกเขาจะกล้าเอ่ยคัดค้านได้ยังไง? ที่พวกเขามาที่นี่นอกจากจะมาดูหลิงยู่ชานแล้วอีกประเด็นหนึ่งคือการมาประนีประนอมกับหลิงตู้ฉิง

เทียนหลีพูดขึ้นต่อ “คุณชายหลิง บรรพบุรุษของพวกเราฝากมาแจ้งกับท่านว่าในเมื่อบ้านเกิดของท่านอยู่ที่ทะเลชางหมางแห่งนี้ ดังนั้นพวกเราสันเขาทรราชจะขอยกเลิกการสำรวจทั้งหมดที่พวกเราเคยวางแผนเอาไว้ในที่แห่งนี้ และพวกเราเองได้ยินว่าลูกชายของท่านกำลังขยายอาณาจักรอยู่ ดังนั้นพวกเราขอมอบอาณาจักรเลือดทระนงที่อยู่ด้านนอกทะเลชางหมางให้กับลูกชายท่านเอาไว้ดูแลเลยก็แล้วกัน เมื่อไหร่ที่ลูกชายของท่านส่งคนของเขามารับมอบมัน คนของพวกเราสันเขาทรราชจะถอนตัวออกจากอาณาเขตนภาทั้งหมดทันที”

เนื่องจากทะเลชางหมางมีหลิงตู้ฉิงคอยเฝ้าดูอยู่ พวกเขาจะไปกล้าสำรวจสมบัติอะไรต่อไปอีกได้ยังไง?

ส่วนอาณาจักรเลือดทระนงนั้นมันเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่พวกเขาต้องยอมมอบให้กับหลิงตู้ฉิง ด้วยการที่อาณาจักรจันทราได้รับการสนับสนุนจากหลิงตู้ฉิง อาณาจักรเล็ก ๆ ที่พวกเขาตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นหน้าด่านสำรวจทะเลชางหมางจะไปมีปัญญาต่อต้านอะไรได้ยังไง? ดังนั้นการที่พวกเขามอบให้มันจึงถือได้ว่าเป็นการสร้างความประทับใจให้กับหลิงตู้ฉิงไปด้วยในตัว

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เมื่อถึงเวลาข้าจะบอกให้เทียนเอ๋อส่งคนไปรับมอบมันมาจากพวกเจ้า เอาล่ะพวกเจ้าไปดูชานกันได้แล้ว”

หลังจากคุยกับคนของตระกูลเทียนเสร็จ กลุ่มคนถัดไปที่มาขอเข้าพบก็คือกลุ่มของสีเป่ยเซียะ และบรรดาคนของสำนักเบญจธาตุ

สีเป่ยเซียะไม่ได้มาเพียงคนเดียว แต่สีจิ้งหมิงก็ติดตามมาด้วย เนื่องจากอาณาจักรอี้จิ๋นของเขานั้นได้ถูกยึดครองไปแล้วโดยหลิงยี่เทียน เพราะสัญญาในเรื่องการสำรวจทะเลชางหมางเริ่มมีผลแล้ว

สีจิ้งหมิงเริ่มพูดก่อนทันที “พี่หลิง ที่พวกเรามาหาท่านครั้งนี้ก็เพราะข้อตกลงที่พวกเราเคยทำกับพวกท่านเอาไว้ ไม่ทราบว่าท่านยังจำได้รึเปล่า”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “แน่นอนข้าจำได้”

สีจิ้งหมิงหัวเราะ “ถ้างั้นก็เยี่ยมเลย! ถ้างั้นพี่หลิงช่วยหยิบบรรดาสมบัติที่ท่านหาเจอในทะเลชางหมางออกมาให้กับพวกเราเลือกไปบางอย่างที 10 เกาะที่ท่านสัญญาเอาไว้ให้พวกเราสำรวจ ข้าได้ส่งคนไปเอาสมบัติออกมาหมดแล้ว แต่สมบัติที่อยู่ในเกาะเหล่านั้นมันมีเพียงแค่น้อยนิด ซึ่งข้าคิดว่ามันไม่คุ้มค่าเท่าไหร่กับราคาของอาณาจักรของข้าเลย!”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าก็เคยบอกเจ้าไปแล้วไงว่าในทะเลชางหมางไม่มีสมบัติวิเศษอย่างที่เจ้าคิด!”

สีจิ้งหมิงตอบกลับด้วยสีหน้าไม่ยินยอม “พี่หลิง นี่ท่านคิดจะเอาเปรียบข้างั้นเหรอ? คนทั่วทั้งทะเลชางหมางต่างรู้กันเป็นอย่างดีว่าสมบัติส่วนใหญ่มันถูกรวบรวมอยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์ของท่าน ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาวของท่านต่างก็มีสมบัติอันสุดแสนจะวิเศษเอาไว้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นสมบัติพลังมิติ สมบัติที่สามารถผนึกระดับการบ่มเพาะ ค่ายกลรบอันแข็งแกร่ง และอื่น ๆ อีกมากมาย พี่หลิง โปรดท่านอย่าได้เอาเปรียบพวกเราและมอบสิ่งที่มีมูลค่าคู่ควรกับเมืองของข้ามา!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงถึงกับขมวดคิ้วแน่น!