บทที่ 87 ความแกร่งของข้ารับใช้ดาบ
ข้ารับใช้ดาบทั้ง 12 ต่างยิ้มรับการโจมตีจากฟากฟ้า
อย่างไร ลงมือเล็กน้อยก็สังหารปักษาขั้น 5 ติดต่อกันมาแล้ว
ใครว่าต้องต่อสู้อย่างขื่นขมเพื่อให้รื่นรมย์ยามกำชัยกันเล่า ? นั่นมันก็ดีอยู่หรอก แต่สังหารศัตรูทิ้งง่าย ๆ ไม่ดีกว่าหรือ ?
หากเป็นไปได้ ไม่ว่าใครก็อยากทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นผุยผงแค่เพียงสะบัดมือทั้งนั้น
ข้ารับใช้ดาบทั้ง 12 ไม่ได้ใช้พลังประมือกับปักษาขั้น 5 มากมายเลย ดังนั้นจึงนับว่าตายเสียเปล่า ยิ่งเสียเปล่าแค่ไหน พวกข้ารับใช้ดาบก็ยิ่งชอบใจ
แต่ก็ได้ไม่นานนัก
พริบตาเดียวกำลังเสริมก็รุดเจ้ามา
แต่ก็ยังมีจำนวนไม่มาก
มากกันแค่ 3 คนเท่านั้น
ปักษาขั้น 6 ทั้ง 3 รุดเข้ามา
ปักษาขั้น 6 นั่นแกร่งเทียบได้กับสุดขอบด่านสู่พิสดารและด่านผลาญจิตวิญญาณ คนที่แกร่งหน่อยอาจเทียบกับด่านผลาญจิตวิญญาณได้แล้ว
หากปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 6 ทั้งหลายลงมือก่อนหน้านี้ เรือเหาะคงล่มไปแล้ว เห็นได้ชัดว่านักล่าวายุมีบางอย่างซ่อนเร้น
แต่แม้จะมีภารกิจทดสอบกำลังศัตรู ก็ไม่คิดว่าจะเสียหายหนักเช่นนี้ พวกมนุษย์มีไพ่อยู่ในมือจริง แต่กลับเป็นด่านสู่พิสดารไร้ชื่อทั้ง 12 คน ไม่มีใครต่อกรได้ ทั้งยังหน้าไม่อายอีกต่างหาก แสร้งเล่นกลอุบายสังหารปักษาขั้น 5 ไปถึง 4 คน นับว่าตายเสียเปล่า ความโกรธที่พวกนักล่าได้รับนั้นมากเกินบรรยาย
ปักษาขั้น 6 ทั้งหลายที่ปรากฏตัวชี้ให้เห็นว่ามาเพื่อสังหารข้ารับใช้ทั้ง 12 คน เป็นแน่แท้
“นี่ มาอีกกลุ่มแล้ว” หลินเซียวและพวกหัวร่อ
“มนุษย์ไร้ยางอาย !” ปักษาขั้น 6 ผู้หนึ่งตะโกนเสียงเกรี้ยวแล้วเริ่มพึมพำบทสวดโบราณออกมา
เกิดเป็นความผันผวนประหลาดรอบกาย คลื่นแสงสีแดงพลันถือกำเนิด เคล้ากลิ่นอายทำลายล้าง
รัศมีเพลิง !
มันเป็นวิชาที่อาซือถิงเคยใช้เมื่อหลายปีก่อน
ระยะวิขาขั้น 6 เริ่มปรากฏ หมายจะกลืนข้ารับใช้ดาบทั้ง 12 เข้าสู่หลุมพลังรุนแรง
แต่แค่รัศมีเพลิงอย่างเดียวนั้นไม่อาจโค่นข้ารับใช้ดาบได้ ดูท่าอีกฝ่ายหมายจะกำราบพวกเขาแค่ชั่วคราว พร้อมกันนั้นปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 6 อีกสองก็ลงมือ คนหนึ่งปล่อยพายุคลั่ง เกิดเป็นสายฟ้าฟาดลงจากฟ้า อีกคนปล่อยคลื่นแสงแห่งความตายออกมา เป็นความมืดเงียบสงัด ค่อย ๆ คืบคลานเข้าหาข้ารับใช้ดาบ โดยมีสายฟ้าฟาดวาบลงมาเป็นแสงจ้าปกคลุมเอาไว้
เผ่าปักษาทั้ง 3 ใช้วิชาต่างกัน 3 ชนิด แต่กลับเข้ากันได้ดี
ปกติแล้วการต่อสู้กลุ่มมักจะวุ่นวาย ในเมื่อต่างคนต่างดึงพลังจากภายนอก พลังแถบนั้นย่อมมีจำกัด การโจมตีของคนหนึ่งจึงกระทบต่ออีกคนหนึ่งได้
แต่การโจมตีทั้งหมดนี้ไม่ขัดกันสักนิด เห็นได้ว่าเผ่าปักษาทั้ง 3 มีความสามัคคีสูง
นี่คือความสามัคคีในผู้เชี่ยวชาญพลัง ไม่เพียงโจมตีเสริมถูกจังหวะ แต่ต้องมีกระทั่งระดับพลังเข้ากันได้เพื่อจะปล่อยการโจมตีที่ไม่รุนแรงบ้าระห่ำจนเกินไป แต่ผลของมันกลับขยายแรงขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
ปักษาขั้น 6 ทั้งหลายสู้เคียงกันมานาน เข้าใจวิถีการต่อสู้สหายดี ดังนั้นใช้พลังแค่พอเหมาะ ไม่มีการขวางหรือขัดการโจมตีกันและกันเลย
หลินเซียวยิ้มเมื่อเห็นการโจมตีกลุ่มจากปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 6
“สามัคคียิ่ง พี่น้อง เราเองก็แสดงของให้ดูหน่อยเป็นไร !” หลินเซียวตะโกน
ว่าแล้ว ข้ารับใช้ดาบทั้ง 12 ก็ลงมือ
ช่างเป็นการโจมตีที่ต่างจากเผ่าปักษาทั้ง 3 อย่างสิ้นเชิง
พวกเขาเหวี่ยงดาบไปในอากาศพร้อมกัน
ท่าการแกว่งดาบเหมือนกัน เห็นซึ่งความสามัคคีเหนียวแน่นยิ่งกว่าอีกฝ่าย เผ่าปักษาทั้ง 3 รู้ว่าตนเจอของแข็งเข้าทันที
แต่แล้วก็มีริ้วน้ำแข็งเริ่มหมุนวนไปรอบ ๆ มือข้ารับใช้ดาบทั้ง 12
วิชาอาร์คาน่าขั้น 3 วิชาแดนหิมาลัย !
เป็นหนึ่งในวิชาที่ซูเฉินถอดออกมาจากเชลยเผ่าปักษาคนหนึ่งและสอนให้กับข้ารับใช้ดาบทั้ง 12
วิชาแดนหิมาลัยสามารถใช้ซ้อนกันได้ไม่จำกัดครั้ง หากใช้มากพอก็สามารถยกระดับได้อีกขั้นเลยทีเดียว
วิชาแดนหิมาลัยทั้งสิบสองสายมุ่งเข้าหาเป้าหนึ่งเดียว คือปักษาคนที่ปล่อยลำแสงแห่งความตายผู้นั้น
แม้มันจะดูไร้ภัยใด แต่ก็อันตรายที่สุด
ดังนั้นข้ารับใช้ดาบทั้ง 12 จึงคิดจัดการเขาก่อน
เมื่อวิชาแดนหิมาลัยปะทะเป้าหมาย เผ่าปักษาก็รู้สึกถึงพลังเยือกแข็ง การใช้พลังเชื่องช้าลงมาก
ซึ่งไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่เป็นความจริง วิชาแดนหิมาลัยส่งผลต่อการใช้พลังได้ ปกติแล้วจะส่งผลไม่มาก แต่หากถูกใช้พร้อมกันมากพอก็กระทบกับปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 6 ได้เช่นกัน
แต่ก็ไม่แกร่งพอจะแช่แข็งปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 6 ได้ ได้เพียงทำให้เชื่องช้าลงเท่านั้น รวมถึงเวลาตอบสนองและความสามารถในการใช้พลังก็ช้าลงด้วย
เท่านั้นก็พอแล้ว
การต่อสู้ระหว่างผู้แกร่งกล้านั้น ตัดสินกันเพียงเฉียดฉิวเท่านั้น
ในตอนที่เผ่าปักษาผู้นั้นคิดหนี ข้ารับใช้ดาบทั้ง 12 ก็ลงดาบ
ครั้งนี้ไม่เหมือนวิชาแดนหิมาลัย.. ริ้วดาบกลับควบรวมกันกลายเป็นดาบเล่มใหญ่ !
รัศมีดาบคมกริบแผ่ออกมาราวกับจะเฉือนฟ้า ง้างใส่ปักษาที่คุมสายฟ้าฟาดผู้นั้น
เผ่าปักษาทั้ง 3 ตกใจเป็นยิ่งนัก
พวกเขาพบว่าข้ารับใช้ดาบทั้ง 12 นั้นมีความกลมเกลียวมากกว่าพวกเขาเสียอีก
คนที่ขาดการร่วมมือที่ดีย่อมโจมตีขัดกันเอง ลดผลการโจมตีลง แต่หากมีความสามัคคีก็จะสามารถโจมตีซ้อนทับกันได้โดยไม่ลดแรงโจมตีของคนอื่นแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักสู้ที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงสามารถขยายแรงการโจมตีได้ เพราะพวกเขารวมการโจมตีเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง พลังทั้งหมดจะมาบรรจบกันในคนหนึ่ง ราวกับดูดเอาพลังจากสหายร่วมรบมา ทำให้พลังบ้าคลั่งขึ้นมา นับว่าเป็นการรวมกับที่ได้ประสิทธิผลดีเยี่ยม
ทำได้ถึงขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่เพียงต้องใช้เวลาสั่งสม แต่ยังต้องมีการบ่มเพาะพลังคล้ายกัน แต่ก่อนคงจะมีแต่คนในตระกูลที่มีสายเลือดเดียวกันเท่านั้นจึงจะทำได้
แต่ข้ารับใช้ดาบทั้ง 12 ก็ได้ทำลายกฎเกณฑ์นั่นไปแล้ว
แม้จะไม่ใช่คนตระกูลสายเลือดชั้นสูง แต่ก็มีการบ่มเพาะพลังคล้ายกัน
พวกเขาใช้วิชาไร้สายเลือดของซูเฉินเพื่อทะลวงพลัง ฝึกวิชาบ่มเพาะพิสุทธิ์ และได้รับแรงสนับสนุนจากลักษณ์ของซูเฉิน เป็นซูเฉิน หลี่ฉงซานและฉือไคฮวงที่สอนวิถีดาบให้ ทั้งยังเรียนวิชาเดียวกัน เมื่อรวมวันเวลาที่ฝึกฝนร่วมกันมา จึงไม่แปลกที่จะเข้ากันได้มากเช่นนี้
กระทั่งซูเฉินยังรับมือกับท่าดาบรวมพลังเช่นนี้ตรง ๆ ไม่ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเผ่าปักษาทั้ง 3 เลย
ริ้วดาบง้างเข้ามา ทำพสุธาสะเทือนเลือนลั่น นับเป็นวิชาขั้นที่ด่านผลาญจิตวิญญาณโจมตีได้แล้ว
ปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 6 ไม่อาจต้านรับไหว เบิกตามองการโจมตีที่ใกล้เข้ามาด้วยความตกใจกลัว
แม้สายพายุสายฟ้าและรัศมีเพลิงจะยังโจมตีศัตรูได้อยู่ แต่ร่างมนุษย์และพลังด่านสู่พิสดารก็ทำให้รับการโจมตีได้ในระยะหนึ่ง อย่างไรปรมาจารย์อาร์คาน่าพวกนี้ก็ต้องตาย
แต่ในตอนนั้นเอง ก็มีอีกร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมา ปลดปล่อยริ้วแสงเข้าปะทะกับพลังดาบนั้น
ขั้น 7 !
นักล่าวายุยังเปิดไพ่ต่อ ปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 7 ที่เร้นกายได้เผยตัวเพื่อช่วยเหลือปรมาจารย์อาร์คาน่าที่เหลือแล้ว
แต่จังหวะที่ลงมือ ร่างหนึ่งก็พลิ้วเข้าโจมตีปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 7 ราวกับอสนีบาต
อวิ๋นเป้า !
เขาซ่อนตัวอยู่ ไม่ออกตัวจนกว่าจะถึงจังหวะจวนตัว กล่าวได้ว่าเรียนรู้จากซูเฉินมาดี
เผ่าปักษาขั้น 7 เหมือนเตรียมตัวมาแล้ว ปล่อยคลื่นพลังดุกันใส่อวิ๋นเป้า หมายสังหารไปพร้อมกับคลื่นดาบ ที่ดีคือกักอวิ๋นเป้าไว้ในคลื่นพลังนี้และสังหารไปพร้อมกับแรงระเบิดเสียเลย
แต่เกินคาด อวิ๋นเป้ากลับพุ่งเข้าใส่วิชาอย่างไม่เกิดผลใด
ไม่สิ เกิดผลอยู่ เผ่าปักษาขั้น 7 เห็นแล้วว่าอวิ๋นเป้าเลือดออกอยู่ภายใน นับว่าสาหัสไม่น้อย
แต่อวิ๋นเป้าก็ไม่กระเด็นไป กลับเพิ่มความเร็วเข้าประชิดตัวเผ่าปักษาขั้น 7 โดยเล็งกริชดำเข้าที่ลำคอเป้าหมาย
วิชาอาร์คาน่าย้อนกลับ !
ชื่อนี้พลันแวบขึ้นในหัวปรมาจารย์อาร์คาน่า
เขาไม่มีเวลามาสงสัยว่าอวิ๋นเป้าไปเรียนวิชามาจากไหน เพราะศัตรูเร็วกว่าที่คาดมาก กริชดำเผยกลิ่นสังหารออกมา สมองเขาสั่งการว่าหากมันถูกเขา เขาก็คงไม่รอดแน่ !
ปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 7 จึงเลือนร่างหายไป ไม่คิดสนใจใครอีก
แสงที่ต้านดาบหายไป ทำให้มันทำลายล้างไปตามทางจนถึงเป้าหมายในที่สุด
เผ่าปักษาที่ปล่อยพายุสายฟ้าสร้างเกราะกำบังกายโดยใช้เวลาที่เผ่าปักษาขั้น 7 ถ่วงไว้ให้ และกำลังล่าถอยอย่างบ้าคลั่ง กล่าวได้ว่าการตอบสนองเฉียบคมไม่น้อย แต่ริ้วดาวก็ยังรุกคืบเข้ามาปะทะ สุดท้ายเกราะแตก ก่อนจะกรีดผ่านร่างเขาเป็นชิ้น ๆ
“อึ่ก !”
ข้ารับใช้ดาบทั้ง 12 กระอักเลือดออกมาพร้อมกัน
เป็นผลจากการใช้ร่างต้านพลังพายุสายฟ้าและรัศมีเพลิงนั่นเอง
แต่ทำไปเพื่อสังหารปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 6 ได้ก็นับว่าคุ้มแล้ว
ครู่ต่อมา ข้ารับใช้ดาบทั้ง 12 ก็ปล่อยท่าดาบอีกครา
มีหรือที่เผ่าปักษาที่เหลือจะกล้ารับการโจมตีตรง ๆ อีก ? พวกเขาถอยทันที แต่ก็เห็นว่าริ้วดาบจางหายไป มันเป็นภาพลวงตาต่างหาก
ความสามารถในการร่วมมือแบบนี้แสดงไม่ง่ายเลย ข้ารับใช้ดาบทั้ง 12 ไม่อาจลงมือตามอำเภอใจได้
แต่ใช้วิชาเช่นนี้เพื่อทำให้เผ่าปักษากลัวก็เกินพอซื้อเวลาให้ข้ารับใช้ดาบทั้ง 12 ได้ฟื้นตัว จากนั้นต่างก็พากันหยิบยาขึ้นกระดกอย่างหน้าไม่อาย มีเจ้านายปรุงยาเก่งมันก็ดีเช่นนี้
บาดแผลที่พวกเขาเพิ่งได้รับเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
เผ่าปักษาที่เหลือเสียดายที่พลาดจังหวะดีไปยิ่ง
ที่อีกด้านหนึ่ง อวิ๋นเป้าก็เริ่มประมือกับปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 7 แล้ว
กริชดำที่เขาชิงมาจากฉู่ไหวเหลียงกรีดผ่านอากาศไม่หยุด ปลดปล่อยแสงสีดำออกทั่วทุกทิศทาง !!!