GGS:บทที่ 1009 นี่มันเรื่องตลกระดับชาติรึไงกัน

 

ผู้คนที่เห็นสภาพร่างกายหลังจากที่เทียนดาจูได้นำผ้าคลุมออกไปแล้วนั้น นอกจากร่างกายที่ผอมมากๆจนราวกับจะเรียกได้ว่าหนังหุ้มกระดูกแล้ว ไม่ว่ามองจากส่วนนี้ดูยังไงแล้วเขานั้นก็เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น

แต่เมื่อทุกคนมองไปยังขาขวาและแขนทั้งสองข้างที่ดำมันวาวราวกับอวัยวะเทียมแล้วทำให้พวกเขานั้นรู้สึกประหลาดใจ มันดูสูงล้ำและหล่อเท่ แต่เมื่อทุกคนดูดีๆแล้วต่างก็คิดได้ว่ามันคือแขนขาเทียมจริงๆ

 

“ฉิบ… นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่รึเปล่า”

“นี่มันอะไรกัน นี่เขาจะเอาคนพิการมาแข่งงั้นเหรอ”

“นี่มันไม่ได้เท่ากับว่าพาเขามาตายเปล่าหรอกเหรอ”

“ตอนแรกฉันนึกว่าจะเป็นปรมาจารย์ซะอีก ใครจะไปคิดว่านอกจากจะไม่ใช่นักสู้แล้ว แต่คนๆนี้ยังเป็นคนพิการ”

“มันจบแล้ว เขาต้องตายแน่ๆ”

“….แต่….เขานั้นเดินไปมาอย่างสบายๆเลยนะ ไม่ว่าฉันมองยังไงก็ไม่เหมือนกับอวัยวะเทียมที่ฉันเคนเห็นเลย ฉันว่านี่น่าจะเป็นอวัยวะเทียมที่ซูจิ้งพัฒนาขึ้นมา”

 

“อวัยวะเทียมนี้ช่างดูดีเสียนี่กระไร หากเป็นช่วงเวลาอื่นฉันก็คงจะกรี๊ดแตกไปแล้ว แต่ยังไงซะอวัยวะเทียมก็คืออวัยวะเทียมอยู่ดี หากว่าต้องนำมาใช้ในการต่อสู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักสู้มืออาชีพแบบนี้ เท่ากับว่านี่เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ”

“คราวนี้ซูจิ้งจะทำเกินไปแล้ว”

เหล่าผู้ชมที่คาดหวังไว้อย่างมาก เมื่อพวกเขาได้เห็นฉากนี้ต่างก็ทำหน้าโง่งม แม้แต่เหล่านักสู้อย่างฮู่ฮงหยาง ฮู่เฟยหยุน ไคหวูเฟิง จี้เสี่ยวถิง หวูหลง และคนอื่นๆต่างก็นิ่งเงียบไปนานและไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้

 

“ห้ะ นายจะทำอะไรกันแน่เนี่ย” ฮู่ฮงหยางที่เมื่อตั้งสติได้ก็สะดุ้งเฮือกและพูดออกมา

“อืมมมมม…. นี่นายอยากจะใช้งานประลองนี่ในการประชาสัมพันธ์อวัยวะเทียมที่นายพัฒนามาสินะ แต่ฉันว่านายควรจะเลือกวิธีการอื่นมากกว่าวิธีนี้

วิธีการนี้เท่ากับว่าเป็นการสังเวยศิลปะการต่อสู้จีนเพียงเพื่อการประชาสัมพันธ์อวัยวะเทียมนี้มันคุ้มกันเหรอ แถมหลังจากที่เทียนดาจูถูกจัดการ อวัยวะเทียมนั่นเองก็สมควรเสียหายอย่างมาก นี่ไม่ใช่ว่ามันจะขัดขวางกระบวนการผลิตรึไงกัน” ไคหวูเฟิงพูดออกมา

 

“พี่จิ้ง พี่กำลังเล่นอยู่กับไฟนะ” ฮู่เฟยหยุนที่ได้ยินก็ถึงกับพูดไม่ออก ถึงแม้ว่าเขานั้นจะชอบดูอะไรที่มันตื่นเต้นๆ แต่ในครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่มีเกียรติประวัติของศิลปะการต่อสู้จีนเป็นเดิมพันเลยนะ

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมสองพี่น้องเมื่อครู่นี้ถึงได้มีท่าทีกระวนกระวายนัก ใครจะไม่กังวลได้ล่ะหากพ่อของตัวเองที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ต้องใส่อวัยวะเทียมไปท้าสู้กับนักสู้มืออาชีพแบบนี้

นี่ไม่ต่างกับการปล่อยให้ตั๊กแตนขับรถเลยนะ

 

“ถึงแม้ว่าฉันจะใช้โอกาสนี้ในการประชาสัมพันธ์อวัยวะเทียมของฉันก็จริง แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ยังต้องการยกระดับให้กับศิลปะการต่อสู้จีนด้วยเช่นเดียวกัน

เอาน่า การประลองยังไม่ได้เริ่มเลย ใครจะไปรู้ เทียนดาจูอาจจะกระทืบฝั่งตรงข้ามจมดินไปเลยก็ได้นา…” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ห้อ นี่จะหมายความว่าเขานั้นมีโอกาสชนะ จริงๆเหรอ” จี้เสี่ยวถิงที่ได้ยินก็อดแสดงท่าทีตกใจไม่ได้

“ต่อให้ขาเทียมนั่นจะเดินได้อย่างง่ายดายก็จริง แต่เมื่อถึงเวลาต่อสู้ อวัยวะเทียมเหล่านั้นสมควรจะทำให้เกิดช่องว่างให้ถูกโจมตีไม่น้อย

โดยเฉพาะกับอีกฝั่งที่เป็นนักสู้มืออาชีพด้วยแล้ว ไม่น่าจะชนะได้ง่ายๆนะ” หวูหลงพูดออกมา

 

“อ้ะ หรือว่าเทียนดาจูผู้นี้จะเป็นนักสู้ที่ฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กงั้นเหรอ” ฮู่ฮงหยางอดไม่ได้ที่จะถามออกมา พลางคิดถึงความเป็นไปได้ที่ไม่น่าเป็นไปได้นี้ขึ้นมา และเชื่อว่าต่อให้เทียนดาจูเป็นปรมาจารย์จริงก็ยังไม่น่าจะชนะได้อยู่ดี

“เรื่องนี้…” เมื่อซูจิ้งคิดอยู่ว่าจะทำยังไงให้เหล่านักสู้พวกนี้เลิกถามและเชื่อใจเขาบ้าง สองพี่น้องก็ได้ตอบแทนซูจิ้งว่า “พ่อของพวกเราไม่เคยเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้มาก่อนเลยในชีวิตนี้ มีเพียงเมื่อสามวันก่อนเท่านั้นที่คุณซูได้ถ่ายทอดวิชาให้เขา”

“……….” ฮู่ฮงหยาง ฮู่เฟยหยุน จี้เสี่ยวถิง หวูหลง และคนอื่นๆที่ได้ยินต่างก็เงียบงันไป พวกเขารู้สึกในทันทีว่างวดนี้สมองของซูจิ้งสะดุดไปแล้วรึไงกัน ไม่อย่างนั้นเขาจะคิดวิธีการแบบนี้ออกมาได้เหรอ

 

ให้ชายร่างผอมแห้งที่มีอายุมากกว่าสี่สิบปีที่เพิ่งจะเรียนศิลปะการต่อสู้จีนได้เพียงสามวันพร้อมอวัยวะเทียมอีกสามชิ้น แถมยังเป็นการให้มาต่อสู้กับนักสู้มากฝีมือแบบนี้อีก พระเจ้าช่วยด้วยเถอะ ช่วยทำให้เขาเปลี่ยนใจที

“ไม่ได้ผลหรอกน่า เปลี่ยนคนเถอะ” ฮู่ฮงหยางพูดออกมา

“เชื่อใจผมเถอะน่า ให้เขาจัดการไปนั่นแหล่ะ” ซูจิ้งตอบ

 

“จะไม่เกินไปหน่อยเหรอที่คู่ชกคนแรกของเขาเป็นนักชกมากฝีมือแบบนี้” ฮู่ฮงหยางยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมซูจิ้งถึงได้มั่นใจในตัวเทียนดาจูนัก

“เขายังไม่เริ่มสู้กันเลยนะครับ เอาไว้เขาสู้กันเสร็จค่อยตัดสินกันก็ไม่เสียหาย หากเขาแพ้ล่ะก็ผมยอมให้เฟยหยุนไปสู้แทนก็ได้ หรือไม่ก็ผมจะลงไปสู้เองก็ไม่มีปัญหาครับ” ซูจิ้งพูดตอบ

เมื่อฮู่ฮงหยางได้ยินแบบนั้น เขาเองก็อยากจะพูดอะไรต่ออีกสักสองสามคำแต่เมื่อเห็นท่าทีของซูจิ้งแล้วเขาจึงไม่อยากจะพูดอะไรต่อ

หากว่าต้องเปลี่ยนตัวนักสู้หลังพ่ายแพ้มันก็เปรียบได้ดั่งกับการเป็นพวกไม่ยอมแพ้อยู่กลายๆ ต่อให้มชนะทีหลังก็สมควรจะเสียชื่อเสียงไปไม่น้อยเลย

ถึงแม้ว่าการที่นักสู้ชาวต่างชาติคนนั้นจะไม่ได้เสียแรงอะไรกับการจัดการเทียนดาจูแม้แต่น้อย แต่นั่นก็ยังสร้างชื่อเสียงไม่ดีอยู่ดี

 

เอาเถอะ ในเมื่อเทียนดาจูขึ้นเวทีไปแล้วล่ะก็ ต่อให้เรียกลงมาเปลี่ยนตัวตอนนี้ก็ทำให้ชื่อเสียงไม่ดีอยู่ดี ก็คงต้องปล่อยให้ซูจิ้งเป็นคนตัดสินใจเรื่องในครั้งนี้ไปแล้วกัน

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” อีกฝากของสนามประลอง วิลได้หัวเราะดังลั่นในขณะที่มองมายังเทียนดาจูอย่างอดไม่ได้ ผู้จัดการของเขาเองที่มาคอยยืนอยู่ข้างๆก็พยายามที่จะกลั้นไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน

กับฝั่งตรงข้ามที่เลือกจะส่งคนพิการออกมาท้าประลองแบบนี้ไม่ต่างไปจากพวกนั้นรนหาที่ตาย แต่ก็ดี สำหรับพวกเขาแล้วถือได้ว่าเฉือดนิ่มๆไม่ต้องเสียแรง

 

“พร้อมรึยึง” กรรมการได้ถามทั้งคู่ด้วยสีหน้าสงสัยอย่างแท้จริงโดยเฉพาะกับเทียนดาจู นี่เป็นครั้งแรกของเขาเช่นเดียวกันที่ต้องมาเป็นกรรมการการต่อสู้ให้กับผู้พิการแบบนี้และอีกฝั่งเป็นถึงนักสู้มืออาชีพด้วยแล้ว เขาเองหวังเพียงว่าจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นเท่านั้นเอง

“พร้อม”  วิลพยักหน้า

“พร้อมเสมอ” เทียนดาจูพยักหน้รับ ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประหม่าอย่างมาก แต่เขานั้นก็พยายามกดข่มอาการเอาไว้

 

“ถ้าอย่างนั้น….เริ่ม” เพียงสิ้นเสียง กรรมการได้สับมือลงตรงหน้าของคนทั้งสองเพื่อเป็นสัญญาณว่าการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว

เทียนดาจูในตอนนี้ตั้งท่าในรูปแบบป้องกันตามเพลงหมัดไท้เก๊กในทันที เหล่าผู้ชมการต่อสู้ต่างก็ตกใจกันไปหมด นั่นก็เพราะพวกเขาเห็นได้ชัดเจนว่าแขนเทียมองเทียนดาจูนั้นขยับได้อย่างอิสระ

ไม่เพียงแค่ยกแขนมาป้องกันได้ด้วยการตั้งข้อศอกขึ้น ทั้งข้อมือและข้อนิ้วของเขายังขยับได้อย่างง่ายดาย และตอนนี้เขาเองก็อยู่ในท่าเตรียมพร้อมของไท้เก๊กเรียบร้อยแล้ว

 

ทางฝั่งวิล เขานั้นไม่ได้มีท่าทีจริงจังอะไร ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะอย่งเห็นได้ชัด เขานั้นรักษาระยะห่างและเคลื่อนไหวไปรอบๆเทียนดาจูราวกับพยายามเล่นเป็นบทหมาป่าหยอกแกะ(หมาหยอกไก่)

“นายว่าเทียนดาจูจะอยู่ในเวทีได้อีกกี่วิ”

“ฉันว่าสิบ”

“ฉันว่าห้านะ สมควรจะเป็นถูกจัดการในทีเดียว”

“ฉันว่าอย่างต่ำๆกว่าจะได้เห็นฉากนั้นก็คงอีกสักสองนาทีได้น่ะ พวกนายไม่เห็นเหรอว่าหมอนั่นไม่ได้มีท่าทีจะจัดการเทียนดาจูแม้แต่น้อย ดูท่าทางของหมอนั่นสิ ฉันว่าเขาคงจะไล่อัดเทียนดาจูจนหนำใจก่อนที่จะซัดทีเดียวจอดนั่นแหล่ะ”

“เรื่องนั้นฉันว่าช่างมันเถอะ ฉันว่าอวัยวะเทียมของเทียนดาจูนี่สุดยอดไปเลยนะ”

“มันเร็วไปที่จะกล่าวชมนะ ฉันว่ามันน่าจะเป็นตัวโชว์ที่ทำดีกว่ารุ่นขายปกตินะ”

 

ท่ามกลางเสียงผู้ชมที่เซ็งแซ่ เทียนดาจูในตอนนี้รู้สึกประหม่ามากกว่าเดิม ตอนนั้นเอง วิลได้ก้าวเข้าไปข้างหน้าพร้อมทั้งต่อยหมัดแย็บซ้ายออกมาหนึ่งที เทียนดาจูเองที่เตรียมตัวไว้แล้วก็ได้ถอยล่นอย่างเร่งรีบ

แต่ด้วยความประหม่าทำให้เขานั้นเคลื่อนไหวช้าไปทำให้หมัดของวิลเข้าไปที่ใบหน้าของเขาไปหนึ่งทีจนทำให้เขากระเด็นไปข้างหลังอีกสามก้าวก่อนที่จะยืนได้อย่างมั่นคง

ด้วยการนี่เป็นเพียงหมัดแย็บ ทำให้พลังของหมัดนั้นไม่ได้สูงมากจนต้องเจ็บสาหัส แต่นี่ก็มากพอที่จะทำให้แก้มของเทียนดาจูต้องได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้แจะไม่ได้มากมายแต่แก้มของเขาก็เป็นรอยแดงช้ำขึ้นมาเล็กน้อย

แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ชมประหลาดใจที่สุดนั้นไม่ใช่การที่เทียนดาจูหลบได้ แต่เป็นขาเทียมของเขานั้นยืดหยุ่นอย่างมาก และไม่เพียงแค่ขาเท่านั้น ทั้งเข่า ข้อเท้า และนิ้วเท้าของขาเทียมนี้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระโดยแท้

 

“เทียนดาจู สงบสติลงหน่อย อย่าลืมสิ่งที่ผมสอนไปสิ” ซูจิ้งตะโกนจากข้างเวที

“ได้” เทียนดาจูที่ได้ยินดังนั้นได้ทำการสูดหายใจเข้าลึกๆและพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง

“เฮ้เฮ้” วิลยิ้มออกมาพลางคิดออกมาว่าต่อให้สงบสติอารมณ์ลงได้ก็ไม่ช่วยอะไรหรอก คราวนี้วิลได้ทำการแย็บหมัดซ้ายออกมาซึ่งในครั้งนี้เทียนดาจูก็ตอบสนองได้ทันและทำการหลบเลี่ยง

แต่นี่เป็นเพียงหมัดลวงของวิลเท่านั้น ทันทีที่เขาชักหมัดแย็บซ้อยกลับเข้ามากลางคัน เขาก็ได้ปล่อยหมัดฮุคขวาออกมาในทันที

ทุกๆคนในที่นี่รู้ดีว่าหมัดฮุคนั้นมีพลังทำลายล้างหนักหน่วงกว่าหมัดแย็บอย่างมาก โดยเฉพาะหมัดฮุคของนักสู้มืออาชีพแบบนี้ยั่งทำให้คู่ต่อสู้ล้มคว่ำมาอย่างง่ายดายนักต่อนักแล้ว

 

ตอนนี้เอง เทียนดาจูคนที่ควรจะหมอบกระแตลงไปตั้งนานแล้วกลับกลายเป็นเคลื่อนไหวร่างกายด้วยท่วงท่าที่ไหลลื่นจนทำให้ผู้คนต้องประทับใจ

เขาได้ใช้แขนเทียมข้างขวาของเขาปัดการโจมตีจากหมัดฮุคขวาของวิลได้อย่างง่ายดาย

ในขณะเดียวกันเขาก็ได้กระทืบเท้าขวาเทียมของตัวเองลงบนพื้นอย่างหนักแน่นเป็นหลักของร่างกาย

พร้อมทำการหมุนวนตัวเองโดยมือขวาของได้คว้ามือขวาวิลไว้อย่างแน่นหนา ส่วนที่มือซ้ายของเขานั้นกดลงไปที่สะบักหลังด้านขวาของวิลอย่างลื่นไหลราวสายน้ำ