ทุกคนรู้สึกตกใจ และมองเฉินกั๋วเหลียงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่เฉินตงซุ่นและเฉินจิงเย่ ก็อดไม่ได้ที่จะมองเฉินกั๋วเหลียงด้วยความตกใจ
“คุณพ่อ ทำแบบนี้ไม่ได้!” เฉินจิงเย่ห้ามปราม
เฉินกั๋วเหลียงเหลือบมองเฉินจิงเย่ และกล่าวเบา ๆ “เจ้ารอง ลูกอย่าเพิ่งพูด ฟังพ่อให้จบก่อน”
เฉินจิงเย่พยักหน้า
เฉินกั๋วเหลียงมองเฉินโม่ แล้วกล่าวต่อ “เสี่ยวโม่ ปู่บอกสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลเฉินกับหลานแล้ว โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์ของหนานกงหยู่ครั้งนี้ ตระกูลเฉินไม่สามารถต้านอุปสรรคใด ๆขภ ได้อีกต่อไปแล้ว!”
“ปู่คิดเรื่องนี้มานานแล้ว และได้ปรึกษากับปู่ใหญ่และปู่สามของหลานแล้ว พวกเราเชื่อว่ามีเพียงหลานคนเดียวเท่านั้นฌห ที่สามารถแบกรับภารกิจสำคัญในการฟื้นฟูตระกูลเฉินได้ หวังว่าหลานจะไม่ปฏิเสธ และเป็นผู้นำในการฟื้นฟูตระกูลเฉิน!”
เฉินตงซุ่นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะในตระกูลเฉิน เขาเกือบจะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำตระกูลเฉินในอนาคต แต่ตอนนี้ เฉินกั๋วเหลียงกลับส่งต่อตำแหน่งผู้นำตระกูลให้คนรุ่นหลัง!
นี่เป็นการปฏิเสธความสามารถของเฉินตงซุ่นอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วเฉินตงซุ่นจะไม่ผิดหวังได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ความผิดหวังส่วนความผิดหวัง เขารู้ว่าตนเองไม่สามารถเทียบเฉินโม่ได้จริง ๆ เพื่อตระกูลเฉินแล้ว เขาเต็มใจ
สายตาของทุกคนที่อยู่รอบ ๆ นั้นมองเฉินโม่เปลี่ยนไป ตอนที่เฉินกั๋วเหลียงเรียกพวกเขามาพบ พวกเขาสามารถเดาได้ว่าเฉินกั๋วเหลียงอาจจะเตรียมทายาทสืบทอดไว้ล่วงหน้า
แต่ว่าพวกเขานึกไม่ถึงว่าเฉินกั๋วเหลียงจะข้ามสมาชิกรุ่นที่สองของตระกูลเฉิน แล้วมอบตระกูลเฉินให้สมาชิกรุ่นที่สามของตระกูลเฉินแทน
ถึงแม้ว่าเฉินโม่จะดีพอ แต่มันไม่เหมาะสม!
ส่วนสมาชิกกลุ่มใหญ่ของตระกูลเฉินที่เป็นฝ่ายค้าน ตอนนี้พวกเขากำลังสำนึกผิดจากเหตุการณ์ของหนานกงหยู่ จึงไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นอะไรเลย
ส่วนคนที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ล้วนเป็นคนที่ไม่สามารถทนต่อสถานการณ์ที่รุนแรงได้ หรือไม่ก็เป็นคนที่ไม่มีความคิดเห็นเป็นของตนเอง
ขณะที่เฉินตงหวาและคนอื่น ๆ แอบกังวลว่าตำแหน่งผู้นำตระกูลจะเป็นของเฉินโม่ ทันใดนั้นเฉินโม่ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณปู่ คุณปู่พูดเล่นใช่ไหม? ไม่มีใครเหมาะที่จะเป็นผู้นำตระกูลเฉินมากกว่าคุณปู่แล้ว มีคุณปู่อยู่ ไม่ถึงคิวผมหรอก!”
เฉินกั๋วเหลียงคิดว่าเฉินโม่ปฏิเสธ จึงถอนหายใจ แล้วหยิบผลตรวจออกมาจากมุมเตียง “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ปู่ก็จะไม่ปิดบังหลานแล้ว หลานดูเองเถอะ!”
เฉินโม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมานานแล้ว แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทุกคนเกิดความสงสัย เขาจึงรับผลตรวจและอ่าน
จากนั้น เฉินโม่แกล้งทำเป็นประหลาดใจ “คุณปู่ มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม? ร่างกายของคุณปู่แข็งแกร่งมาโดยตลอด แล้วคุณปู่จะเป็นโรคนี้ได้อย่างไร?”
เฉินกั๋วเหลียงถอนหายใจ “เมฆฝนบนฟ้าไม่อาจคาดการณ์ มนุษย์เราย่อมมีสุขมีภัยที่คาดคิดไม่ถึง ความเป็นความตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา ไม่มีใครสามารถตัดสินได้ ตอนนี้หลานยังจะปฏิเสธปู่อีกเหรอ?”
สีหน้าของเฉินกั๋วเหลียงเคร่งขรึม มองเฉินโม่ด้วยความหวัง
เฉินกั๋วจงถอนหายใจ “เสี่ยวโม่ อย่าทำให้คุณปู่ผิดหวังเด็ดขาด!”
กล่าวตามตรงญข ช่วงนี้เฉินโม่เก็บตัวอยู่ในห้องของตนเอง เขาได้คิดวิธีรักษาอาการป่วยของเฉินกั๋วเหลียงไว้แล้ว เหลือเพียงแค่หาโอกาสเหมาะสมที่จะพูดเรื่องนี้ออกมาเท่านั้น
ตอนนี้ เฉินโม่จำเป็นต้องพูดแล้ว
“คุณปู่ ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณปู่ตามลำพัง!” เฉินโม่มองเฉินกั๋วเหลียง แล้วเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที
เฉินกั๋วเหลียงมองเฉินโม่ เห็นความจริงจังในดวงตาของเฉินโม่ แล้วกล่าวกับทุกคนว่าหบ “ในเมื่อเสี่ยวโม่มีเรื่องจะพูดกับผมตามลำพัง ถ้าเช่นนั้น พวกคุณออกไปชั่วคราวก่อน!”
เฉินจิงเย่มองเฉินโม่ด้วยสายตาดุดัน และแอบด่าว่า “เจ้าเด็กเปรต!”
หลี่ซู่เฟินรู้สึกไม่พอใจเช่นกัน มองเฉินโม่ ราวกับกำลังกล่าวว่า “เรื่องอะไรกัน คิดที่จะปิดบังแม้แต่แม่”
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเฉินกั๋วเหลียง พวกเขาสองคนทำได้เพียงออกไปข้างนอกเท่านั้น
หลังจากทุกคนออกไปแล้ว เหลือแค่เฉินโม่และเฉินกั๋วเหลียงอยู่ในห้องสองคน
เฉินโม่สะบัดมือเพื่อสร้างค่ายกลป้องกันเสียง จากนั้นมองเฉินกั๋วเหลียงที่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และกล่าวว่า “คุณปู่ สิ่งที่ผมกำลังจะพูดล้วนเป็นความจริง หวังว่าคุณปูจะเชื่อผม!”