เฉินกั๋วเหลียงพยักหน้า เขาเห็นเฉินโม่ฆ่าหนานกงหยู่ด้วยตาตนเอง แล้วยังมีอะไรที่ไม่เชื่ออีก

เพียงแต่หลังจากเฉินโม่พูดออกมาแล้ว เฉินกั๋วเหลียงยังคงรู้สึกว่าตนเองกำลังฝันอยู่

หลังจากผ่านไปสักพัก เฉินกั๋วเหลียงยังคงมองเฉินโม่ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ และกล่าวพึมพำว่า “เสี่ยว…เสี่ยวโม่ สิ่งที่หลานพูดล้วนเป็นความจริงเหรอ?”

เฉินโม่พยักหน้า “เป็นเรื่องจริงแน่นอน ผมไม่ใช่นักบู๊ แต่ผมเป็นผู้บำเพ็ญ!”

“คุณปู่ ดังนั้นผมสามารถรักษาโรคของคุณปู่ได้ แต่จำเป็นต้องให้คุณปู่เดินบนเส้นทางนี้กับผม!” เฉินโม่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ดูเหมือนว่าเฉินกั๋วเหลียงจะไม่สามารถยอมรับได้ เขากุมศีรษะและกล่าวว่า “เดี๋ยวก่อน เสี่ยวโม่ ให้ปู่ทำใจกับข้อมูลที่ได้รับเมื่อสักครู่ก่อน!”

เฉินโม่ไม่รีบร้อน เพราะเขารู้ว่าใครก็ตามที่รู้ตัวตนของเขา ก็ยากที่จะยอมรับได้ กระทั่งมองว่าเขาเป็นคนบ้า มันก็ไม่เกินไป และการแสดงออกของเฉินกั๋วเหลียงนั้นถือว่าดีแล้ว

การดำรงอยู่ของนักบู๊ สามารถทำให้คนธรรมดาทั่วไปตกตะลึงแล้ว ส่วนผู้บำเพ็ญนั้นสูงกว่านักบู๊หมื่นเท่า ซึ่งมันสามารถทำให้คนธรรมดาทั่วไปตกตะลึงมากกว่าอย่างแน่นอน

หลังจากนั้นสักครู่ เฉินกั๋วเหลียงมองเฉินโม่อีกครั้งและกล่าวว่า “เสี่ยวโม่ ถ้าสิ่งที่หลานพูดเป็นความจริง ปู่ยินดีที่จะบำเพ็ญตามหลาน แต่ปู่อายุมากแล้ว ยังบำเพ็ญได้อีกเหรอ?”

เมื่อได้ยินเฉินกั๋วเหลียงรับปาก เฉินโม่รู้สึกดีใจมาก “คุณปู่ วางใจเถอะ เช้าได้สัมผัสสัจธรรม คืนนั้นแม้ตายก็ยินดี ดังนั้นการบำเพ็ญไม่เกี่ยวกับอายุ บางทีคุณปู่อาจมีคุณสมบัติในการบำเพ็ญ คนที่บำเพ็ญทีหลังอาจก้าวหน้ากว่าคนที่บำเพ็ญก่อนก็ได้?”

“ในเมื่อหลานมีของดีเช่นนี้ สามารถให้ทุกคนบำเพ็ญได้ไหม?” เฉินกั๋วเหลียงกล่าว

เฉินโม่รู้ว่าเฉินกั๋วเหลียงเห็นเพียงแค่ความแข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญเท่านั้น แต่ไม่รู้ความยากลำบากและอันตรายของการบำเพ็ญ จึงมีความจำเป็นต้องอธิบายให้เขาเข้าใจก่อน

“คุณปู่ การบำเพ็ญมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด! ไม่เพียงต้องมีคุณสมบัติ แต่ยังต้องเข้าใจอีกด้วย แล้วยังมีอันตรายอีกมากมาย ถึงแม้จะสามารถรอดพ้นจากการตามฆ่าได้ แต่เมื่อหายนะมาเยือน หากไม่ระวังตัวแม้แต่น้อย ดวงวิญญาณก็จะแตกสลาย ดังนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเหตุสุดวิสัย ผมจะไม่ให้คุณปู่เดินบนเส้นทางนี้!” เฉินโม่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เฉินกั๋วเหลียงพยักหน้า เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ และกล่าวว่า “ปู่จะเชื่อฟังเสี่ยวโม่ หลานพูดอย่างไร ปู่ก็จะปฏิบัติตาม!”

เฉินโม่พยักหน้าและกล่าวว่า “ผมจะให้คุณปู่กินยาก่อน ซึ่งมันสามารถยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้ แต่มันไม่สามารถรักษามะเร็งตับให้หายขาดได้ ถ้าต้องการรักษามะเร็งตับให้หายขาด คุณปู่ต้องอาศัยตนเองเท่านั้น ขอเพียงแค่พลังบำเพ็ญของคุณปู่บรรลุถึงแดนเทพ คุณปู่ก็จะสามารถใช้พลังฟ้าดินเปลี่ยนแปลงร่างกายของตนเองได้”

“เหมือนกับหนานกงหยู่ในตอนนั้น เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เมื่อเขาทะลวงไปถึงแดนเทพ อาการบาดเจ็บทั้งหมดก็หายเป็นปกติ”

เฉินกั๋วเหลียงพยักหน้า “ปู่เข้าใจแล้ว!”

เฉินโม่กล่าวว่า “ผมจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้คุณปู่ คุณปู่ต้องจำไว้ว่าวิธีนี้มีเพียงคุณปู่เท่านั้นที่สามารถฝึกได้ ห้ามถ่ายทอดให้คนอื่นเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะเกิดหายนะขึ้นกับโลกใบนี้!”

เฉินกั๋วเหลียงพยักหน้าด้วยความเคร่งขรึม “วางใจเถอะ ความลับนี้จะตายไปพร้อมกับปู่!”

เฉินโม่ถ่ายทอดวิชามังกรขึ้นสวรรค์ที่ตนเองฝึกให้เฉินกั๋วเหลียง นี่คือเคล็ดวิชาขั้นพื้นฐานของสำนักเสวียนเต๋า แล้วยังเป็นวิชาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนใหม่ ตอนนี้ชี่ทิพย์บนโลกใบนี้ค่อนข้างน้อย ซึ่งการฝึกวิชามังกรขึ้นสวรรค์นั้นเหมาะสมที่สุดแล้ว

เฉินโม่ใช้ยาเสริมจิตปรับปรุงร่างกายของเฉินกั๋วเหลียง และยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ขณะเดียวกันก็ช่วยเฉินกั๋วเหลียงทะลวงเส้นลมปราณที่ถูกปิดกั้นเนื่องจากอายุ

ถึงแม้ว่าขั้นตอนการดำเนินการจะเจ็บปวดมาก แต่เฉินกั๋วเหลียงก็ไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย ซึ่งทำให้เฉินโม่รู้สึกชื่นชมเล็กน้อย

หลังจากถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้เฉินกั๋วเหลียงแล้ว เฉินโม่อธิบายอีกสองสามประโยค และกำชับเฉินกั๋วเหลียงว่าอย่าบอกคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องการบำเพ็ญ เขาถึงได้วางใจ

ตอนที่เฉินกั๋วเหลียงให้เฉินโม่เรียกทุกคนเข้ามาในห้อง คนข้างนอกเกือบจะหลับแล้ว

เฉินโม่ทะลวงเส้นลมปราณและถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้เฉินกั๋วเหลียงเป็นเวลาหลายชั่วโมง กระทั่งพวกเขาสองคนเกือบจะลืมคนที่รออยู่ข้างนอกแล้ว