สมาชิกของตระกูลเฉินกลับมาที่ห้อง พวกเขาเห็นเฉินกั๋วเหลียงลุกขึ้นยืน ร่างกายกระปรี้กระเปร่า!
เฉินจิงเย่มองเฉินโม่ด้วยความตื่นเต้น และถามว่า “เสี่ยวโม่ ลูกทำอะไรคุณปู่ ทำไมคุณปู่ถึงได้ดูดีขึ้นมาก!”
เฉินโม่หัวเราะและกล่าวว่า “ผมแค่คุยเรื่องที่น่าสนใจกับคุณปู่เท่านั้น เมื่อคุณปู่มีความสุข อารมณ์ก็ดีขึ้น ร่างกายก็ดีขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา”
แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อคำโกหกของเฉินโม่ ส่วนเฉินกั๋วเหลียงก็จำสิ่งที่เฉินโม่กำชับเอาไว้ ไม่ว่าคนเหล่านี้จะถามอย่างไร เขาก็ไม่พูดอะไร และหัวเราะกลบเกลื่อน
เมื่อเห็นว่าผู้นำตระกูลไม่เต็มใจที่จะพูด ถึงแม้สมาชิกของตระกูลเฉินจะรู้สึกสงสัยมาก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถถามต่อได้
และคราวนี้เฉินกั๋วเหลียงไม่ได้พูดเรื่องการมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้เฉินโม่ ทำให้ทุกคนรู้สึกสงสัยมาก สงสัยว่าเฉินโม่ทำอะไรเฉินกั๋วเหลียง
หลังจากเรื่องของตระกูลเฉินจบแล้ว ครอบครัวของเฉินจิงเย่อาศัยอยู่ที่ตระกูลเฉินอีกสองวัน ส่วนเฉินโม่อาศัยช่วงเวลานี้ ชี้แนะวิธีการฝึกให้เฉินกั๋วเหลียง
หลังจากเทศกาลแขวนโคมไฟ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 1 แล้ว เฉินจิงเย่ต้องไปทำงาน ดังนั้นเขาจึงลาเฉินกั๋วเหลียงและคนอื่น ๆ จากนั้นครอบครัวของพวกเขาสามคนก็เดินทางกลับไปที่อำเภอเฟิ่งซาน
สิ่งที่ทำให้เฉินโม่ประหลาดใจก็คือเวลาเพียงไม่กี่วัน เฉินกั๋วเหลียงก็สามารถนำชี่เข้าร่างได้สำเร็จแล้ว
ต้องรู้ว่าตอนที่เฉินโม่เริ่มฝึก เขานำชี่เข้าร่างได้สำเร็จไม่ได้เร็วขนาดนี้ เฉินกั๋วเหลียงอายุมากแล้ว แต่เขานำชี่เข้าร่างได้สำเร็จเร็วกว่าเฉินโม่ที่เป็นหนุ่ม ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเฉินกั๋วเหลียงมีคุณสมบัติในการบำพ็ญ
เมื่อรู้ข่าวนี้ เฉินโม่รู้สึกดีใจมาก เพราะเฉินกั๋วเหลียงมีพรสวรรค์ ดังนั้นเวลาที่จะบรรลุสู่แดนเทพก็จะเร็วขึ้น และโอกาสที่จะมีชีวิตรอดก็สูงขึ้นเช่นกัน
หลังจากเฉินโม่กลับอำเภอเฟิ่งซานแล้ว เขาถ่ายทอดวิธีการบำเพ็ญให้เฉินจิงเย่และหลี่ซู่เฟินด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับเฉินกั๋วเหลียงแล้ว พวกเขาสองคนตามหลังไกลมาก
เฉินโม่คิดว่าเป็นเพราะเฉินกั๋วเหลียงผ่านความเป็นความตายมามากมาย มีความเข้าใจอย่างกระจ่าง ดังนั้นมันจึงสอดคล้องกับสภาพจิตใจของผู้บำเพ็ญ ทำให้เขาฝึกได้อย่างราบรื่น
ส่วนเฉินจิงเย่และหลี่ซู่เฟินนั้นหมกมุ่นกับชีวิตมากเกินไป พวกเขาไม่สามารถปล่อยความหมกมุ่นที่อยู่ในใจมาหลายปีได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถทำจิตใจให้สงบเพื่อฝึกได้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถเทียบเฉินกั๋วเหลียงได้
หลี่ซู่เฟินอยู่ที่อำเภอเฟิ่งซานสองวัน หลังจากนั้นเธอก็กลับไปทำงานที่ฮ่านหยาง
เฉินจิงเย่เริ่มทุ่มเททำงานเช่นกัน พวกเขาสองคนเป็นคนบ้างาน เมื่อพวกเขาทุ่มเททำงานแล้ว นอกจากฟ้าจะถล่มลงมา มิเช่นนั้นจะไม่มีใครสามารถรบกวนพวกเขาได้
เฉินโม่ชินแล้วเช่นกัน เห็นสิ่งแปลกประหลาดจนชิน เลยเห็นว่าไม่ประหลาด
เมื่อเห็นว่าเฉินโม่กำลังจะเปิดเทอมแล้ว วันนี้เฉินซงจื่อก็เลยโทรมาหาเขา
“ฮาโหล มีเรื่องอะไร?”
เฉินซงจื่อกล่าวว่า “อาจารย์ ช่วงนี้หอเทียนจีมีการจัดอันดับใหม่ คือรายชื่อเทพ และคุณเป็นเพียงคนเดียว คุณได้ยินเรื่องนี้แล้วหรือยัง?”
เฉินโม่ตอบประโยคหนึ่ง “ผมไม่รู้เรื่องนี้? ถ้ามีเวลาว่าง ผมค่อยไปถามคนอื่น”
เฉินซงจื่อกล่าวว่า “นอกจากนี้ ช่วงที่ผ่านมาผมพบว่าจำนวนนักบู๊ในฮ่านหยางเพิ่มขึ้น นักบู๊ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ปรากฏตัวในฮ่านหยางมากมาย และพวกเขาค่อนข้างแข็งแกร่งด้วย”
เฉินโม่ถามว่า “พวกเขาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เฉินซงจื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “น่าจะหลังจากการต่อสู้ระหว่างคุณกับหนานกงหยู่แล้ว เพราะเมื่อก่อนผมไม่ได้สังเกตเห็น”
“อืม ผมเข้าใจแล้ว คุณคอยสังเกตการณ์ต่อไป ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น แค่คุ้มครองความปลอดภัยของแม่และคนอื่นๆ ก็เพียงพอแล้ว” เฉินโม่สั่ง
“ครับ!” เฉินซงจื่อตอบด้วยความเคารพ
หลังจากคุยกับเฉินซงจื่อเสร็จแล้ว เฉินโม่คิดอยู่ในใจว่า “หอเทียนจีเป็นองค์กรประเภทใด? ทำไมทุกคนถึงได้เชื่อการจัดอันดับของพวกเขา?”
การจัดอันดับ หากไม่ได้จัดทำโดยองค์กรที่น่าเชื่อถือ ก็จะไม่มีใครเชื่อ แต่หอเทียนจีสามารถทำให้คนเชื่อได้