บทที่ 90 ตัวแทน
“หลายวันมานี้ ขออภัยด้วยที่รบกวน ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ” ผู้ตรวจการคนหนึ่งยิ้มเอ่ยกับชุยอวี่คงเหินอย่างเคารพ
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าไปได้หรือยัง ?” ชุยอวี่คงเหินตอบเสียงสงบ
“แน่นอน” ผู้ตรวจการจึงส่งชุยอวี่คงเหินออกจากห้องด้วยความเคารพ
ชุยอวี่คงเหินเดินออกมาแล้วก็อดถอนหายใจโล่งอกไม่ได้
ความรู้สึกอิสระเช่นนี้มันดีจริง ๆ!
แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ประสบ ชุยอวี่คงเหินก็กดความโกรธแค้นในใจไว้ไม่ลง
มนุษย์ อย่างไรข้าก็จะฆ่าเจ้าให้ได้ !
ชุยอวี่คงเหินจึงเดินทางกลับตระกูลพร้อมกับความแค้นในใจ
ตระกูลรู้แล้วว่าเขาจะกลับมา แต่ไม่มีใครมารับสักคน ดูท่าการตกเป็นเชลยจะทำให้ฐานะในตระกูลเขาลดลง
คิดแล้วชุยอวี่คงเหินก็ถอนหายใจเศร้า
แต่อย่างไรได้อิสระคืนมาก็เป็นก้าวสำคัญที่สุด ส่วนสิ่งที่เสียไป วันหนึ่งก็จะหาทางเอากลับมาได้เอง
น่าเสียดายที่ฝันคงไม่เป็นจริงเมื่อเขาเดินมาถึงตรอกไร้คนแห่งหนึ่ง
ซูเฉินยืนอยู่เงียบเชียบ ฉีกยิ้มให้เขาอย่างน่าขนลุก
“เจ้าเองหรือ ?” ชุยอวี่คงเหินชะงักไป
ฝันร้ายในอดีตวนเวียนกลับมาอีกครั้ง
เจ้าบัดซบนี่กล้ามาเมืองล่องนภาหรือ ? เขาต้องล้างแค้นให้ได้ !
น่าเสียดายที่ยังไม่ทันทำอะไร ซูเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าแล้วตีหน้าผากเขาไปทีหนึ่ง
ผัวะ !
ชุยอวี่คงเหินหงายหลัง สีหน้าไม่อยากเชื่อ
เขาไม่รู้ว่าทำไมซูเฉินต้องรอถึงตอนนี้จึงได้ลงมือฆ่าเขา
ซูเฉินไม่เหลือบมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เพียงหยิบยาเทราดร่างชุยอวี่คงเหินจนร่างสลายไม่เหลือซาก พริบตานั้นเขาก็แปลงกายเป็นชุยอวี่คงเหิน
ลงมือแล้ว ซูเฉินก็เดินออกมาจากตรอกอย่างสงบนิ่งแล้วมุ่งหน้าไปทางตระกูลชุยอวี่คง
ตระกูลชุยอวี่คงตั้งอยู่ทิศตะวันตกของเมืองล่องนภา ฐานะโด่งดังของพวกเขาหมายความว่าพวกเขามีพื้นที่อิสระเป็นของตนเอง
สิ่งหนึ่งที่ชุยอวี่คงเหินตัวจริงไม่รู้คือแท้จริงแล้วตระกูลชุยอวี่ส่งคนมาทักทาย แต่ซูเฉินเล่นอุบายเพื่อให้คนมาถึงช้าก็เท่านั้น
ดังนั้นเมื่อซูเฉินใกล้จะมาถึงคฤหาสน์ตระกูลชุยอวี่ ก็เห็นรถม้าขนาดใหญ่ถูกลากโดยม้าสีเงินมีปีกกำลังมุ่งหน้าเข้ามา สุดท้ายก็มาหยุดตรงหน้า
ข้ารับใช้ปักษากระโดดลงมาแล้วคุกเข่าให้ซูเฉิน “นายน้อยคงเหิน ในที่สุดท่านก็กลับมา ! ข้ารับใช้ชราผู้นี้ดีใจนักที่ได้เห็นท่านยังมีชีวิตอยู่ !”
ซูเฉินเอ่ยเสียงกรุ่น “งั้นหรือ ? เกรงว่าจะมีคนอื่นผิดหวังน่ะสิ”
“หือ ?” ข้ารับใช้ชราชะงักไป “นายน้อย นี่ท่าน ?”
แต่ซูเฉินไม่เอ่ยอะไรอีกแล้วก้าวขึ้นรถไป
ตอนนี้เขาต้องทำตัวเหมือนทุกข์ร้อนจากการถูกทรมานจากมนุษย์มาก มีแต่ทำเช่นนี้จึงจะบีบให้คนอื่น ๆ ถอยห่าง ให้เชื่อว่านี่เป็นชุยอวี่คงเหินตัวจริง
แต่ก่อนหน้านั้น ก็คงต้องให้ตระกูลชุยอวี่ปรับตัวสักหน่อย
ข้ารับใช้ชราเคยรับใช้คงเหินมาก่อน เมื่อได้ยินคำซูเฉินจนชะงักไปก็ดูจะเข้าใจในพลัน “ข้ารับใช้ชราผู้นี้รู้ดีว่านายน้อยลำบากมามาก ขออภัยที่ไม่อาจช่วยเหลือท่านได้”
“หยุดพูดเรื่องนี้แล้วกลับบ้านเถอะ” ซูเฉินเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าเศร้าใจ
“ขอรับ !” ข้ารับใช้ชราตอบคำ ก่อนจะขับรถม้ากลับตระกูลชุยอวี่
ปักษาวัยกลางคนบินกลับไปมาที่หน้าประตูยามพวกเขามาถึง
เมื่อซูเฉินก้าวลงมา คนเป็นสตรีก็คว้ามือซูเฉินไว้ด้วยท่าทีตกใจ “เสี่ยวคงเหิน เจ้ากลับมาแล้ว คิดว่าจะไม่ได้เห็นเจ้าอีกคราแล้วเสียอีก”
ซูเฉินรู้ว่านางคือมารดาของชุยอวี่คงเหิน หลิงชิงอิ่ง
หลิงชิงอิ่งเกิดในตระกูลเล็ก หลังแต่งกับบิดาของชุยอวี่คงเหิน ชุยอวี่ซาง ก็มีลูกให้เขา และเพราะชุยอวี่คงเหินเป็นลูกคนเดียว นางจึงรักและตั้งความหวังทั้งหมดไว้ที่เขา
หลังชุยอวี่คงเหินถูกจับไป หลิงชิงอิ่งก็ร้องไห้จนตาแทบบอด ยามได้เห็นลูกชายอีกครั้งก็ยินดีนัก
ได้พบมารดาเช่นนี้ ซูเฉินก็ไม่อาจปฎิเสธนาง ได้แต่ปล่อยให้ ‘ท่านแม่’ กอดเขาร้องไห้ต่อไป
บิดาของชุยอวี่คงเหิน ชุยอวี่ซาง เองก็อยู่ด้วย พร้อมกับสหายสนิท พวกที่มีสัมพันธ์อันดีกับชุยอวี่ซางก็มาด้วย มีคนมากเช่นนี้จึงยากที่ซูเฉินจะระบุตัวตนได้ทุกคน แม้จะเค้นข้อมูลมาจากชุยอวี่คงเหินและมีมันสมองที่ดีมากก็ตามที เคราะห์ดีที่ยังทำตามแผนเดิม ทำทีเป็นอยู่ในสภาพย่ำแย่ ใบหน้าซีดขาว ชี้ให้เห็นว่าผ่านอะไรมามาก
หลิงชิงอิ่งเรียกคนให้พาซูเฉินกลับห้องทันทีเมื่อเห็นดังนี้
แม้กระนั้น หลิงชิงอิ่งเห็นภาพบุตรชายเดิน ‘กะเผลก’ กลับไปแล้วก้ยังปวดใจ “เสี่ยวคงเหินของข้าคงลำบากมามากเป็นแน่”
ข้ารับใช้ชราข้าง ๆ เอ่ย “เกรงว่านายน้อยคงเหินจะพบความลำบากเกินกว่าที่เราคิดถึงนะขอรับ”
ชุยอวี่ซางชะงักไป “สิ่วมู่ เจ้าว่าอะไรนะ ?”
ข้ารับใช้ชราอธิบายท่าทางก่อนหน้าของซูเฉิน ชุยอวี่ซางถึงกับใจสะดุ้ง “หรือว่าข่าวลือจะ……”
ใจเขาสะท้าน แต่ก็ไม่กล้าคิดไปต่ออีก
ซูเฉินได้ข้ารับใช้งดงามชาวปักษาคนหนึ่งพากลับห้อง อย่างแรกก็อาบน้ำ เตรียมพบกับ ‘ครอบครัว’ อีกครั้ง พลันได้ข่าวว่าเขาถูกเรียกไปเรือนฟ้าบริสุทธิ์ หัวหน้าตระกูลอยากพบหน้าเขา
เรือนฟ้าบริสุทธิ์เป็นสถานที่ที่เผ่าปักษาใช้จัดการเรื่องภายใน ฐานะชุยอวี่ซางในตระกูลชุยอวี่ไม่ได้สูงนัก ดังนั้นส่วนมากจึงไม่มีสิทธิ์มาที่นี่
นี่คงเป็นโอกาสพิเศษ ด้วยเขากลับมาจากการถูกจับตัวอย่างปลอดภัย หัวหน้าตระกูลจึงอยากพบหน้า
เคราะห์ดีที่ซูเฉินตระเตรียมมาแล้ว เขาดื่มยาปรับร่างที่จะเสริมความสามารถในการแปลงกายมากขึ้นชั่วคราว หากไม่ถูกของอย่างแสงสัจธรรม วิชาจับร่างแปลงใด ๆ ก็ไร้ผล แต่ยาก็ทำให้อ่อนแอไปวันหนึ่ง กินติดต่อกันจะทำให้ผลลดลง ดังนั้นจึงใช้โดยง่ายไม่ได้
แต่เขาก็ไร้ทางเลือกเมื่อต้องพบกับหัวหน้าตระกูลเช่นนี้
นับเป็นแผนสำรองหนึ่งที่ซูเฉินคิดมากับจูเฉินฮ่วน
เมื่อมาถึงเรือนฟ้าบริสุทธิ์ ชุยอวี่เทียนเซียงก็ออกมาต้อนรับเอง ถามไถ่ความเป็นอยู่ แม้หน้าตาจะดูเป็นห่วงเป็นใย แต่ซูเฉินก็สัมผัสถึงความแปลกแยกได้ ไม่แน่ว่าการพบหน้าเช่นนี้อาจจะทำให้เขาสนใจจริงจังได้ไม่เท่าไหร่
ถามไถ่แล้ว ซูเฉินจึงได้รับอนุญาตให้เขาไปโดยไร้เรื่องใด ยาปรับร่างเหมือนจะใช้ไปเปล่าประโยชน์เสียจริง
แต่ซูเฉินก็รู้ว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่ลงทุนไม่ได้ แม้โอกาสจะมีเพียงหนึ่งในร้อย แต่มีแค่หนึ่งก็สามารถสังหารเขาได้แล้ว
ทักทายหัวหน้าตระกูลแล้ว ซูเฉินก็ได้พบกับสหายสนิท ซึ่งหมายความว่าเขาค่อนข้างยุ่งอยู่ระยะหนึ่ง เช่นนี้ทำให้ได้รู้จักกับคนตระกูลชุยอวี่ได้อีกนิดหน่อย แม้จะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ก็จำได้จากคำอธิบายของชุยอวี่คงเหิน บวกกับมันสมองของเขาแล้ว มองคราเดียวก็จำหน้าทุกคนได้
วันหนึ่งผ่านพ้นไป ซูเฉินก็เข้าใจสถานการณ์ในตระกูลชุยอวี่พอสมควรจากการได้ข้อมูลจากชุยอวี่คงเหินร่วมด้วย
ตระกูลชุยอวี่ค่อนข้างซับซ้อน เพราะมีตระกูลย่อยมากเกือบ 30 สาย และเพราะมีอยู่มากมาย แต่ละสายจึงมีหัวหน้าตระกูลเป็นของตน คอยดูแลตระกูลชุยอวี่ร่วมกับหัวหน้าตระกูลใหญ่
ชุยอวี่เทียนเซียงเป็นหนึ่งในหัวหน้าตระกูลสาขา ไม่ใช่หัวหน้าตระกูลทั้งหมด
หัวหน้าตระกูลจริงมีฐานะสูงมากจนกระทั่งชุยอวี่ซางยังหาเวลาพบหน้าได้ยาก
แต่เพราะชุยอวี่คงเหินค่อนข้างมีฝีมือ เก่งกาจติดหนึ่งในสิบของตระกูลสาขา ดังนั้นจึงได้รับความเคารพอยู่บ้าง
เผ่าปักษาหลายคนที่ดูจะมีสัมพันธ์ดีกับชุยอวี่ซางจึงยินดีที่เห็นชุยอวี่คงเหินกลับมา
แต่แน่นอนว่ามีคนดีใจ ก็ต้องมีคนไม่ดีใจด้วย
เช้าวันนั้น ซูเฉินเดินเล่นในคฤกาสน์ตระกูลชุยอวี่เพื่อดูภาพรวม จดจำทุกอย่างเอาไว้ในหัว
ระหว่างเดินอยู่นั้น ก็มีเสียงดังขัดขึ้น “ก็คิดอยู่ว่าใครกัน ! เป็นคนเก่งประจำตระกูลสาขา น้องชุยอวี่คงเหิน ที่เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมานี่เอง !”
ซูเฉินหันไปเห็นปักษาหนุ่มคนหนุ่งมุ่งหน้าเข้ามา ตามมาด้วยพวกอีกหลายคน
ซูเฉินไม่เคยเห็นปักษาหนุ่มมาก่อน หมายความว่าอีกฝ่ายไม่ได้เข้าร่วมงานฉลองเมื่อคืนแน่ ดูจากน้ำเสียงแล้ว เห็นได้ชัดว่าคงมีสัมพันธ์ไม่ดีกับชุยอวี่คงเหิน
แต่ตอนที่ถามชุยอวี่คงเหินว่ามีใครไม่พอใจกันหรือไม่ ชุยอวี่คงเหินกลับตอบว่าไม่มีใครเป็นพิเศษ
แล้วเจ้านี่มาจากไหนกัน ?
ซูเฉินชะงักโดยแรง แต่สีหน้ายังนิ่งขรึม จ้องอีกฝ่ายกลับเงียบ ๆ
ปักษาเห็นเขาไม่ตอบก็หน้าบึ้ง “ชุยอวี่คงเหิน มองหน้าข้าเช่นนี้หมายความเป็นนัยอะไร ?”
ซูเฉินคิดเล็กน้อยก่อนตอบ “อภัยให้ด้วย ข้าจำท่านไม่ได้”
เขาพูดจริง แต่อีกฝ่ายกลับรู้สึกว่าคำของเขาเต็มไปด้วยรอยถากถาง ราวกับชุยอวี่คงเหินไม่สนการมีอยู่ของเขา
สีหน้าปักษาหนุ่มจึงแปรเปลี่ยน “โอหังจริง ถูกจับไปแดนมนุษย์แต่ยังถือตนสูงขึ้นอีก จำข้าไม่ได้… นั่นสินะชุยอวี่คงเหิน เจ้าคงเห็นว่าข้าเป็นมดตัวจ้อย จึงไม่สนจะกล่าวถึงกระมัง ? แต่นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้คือตอนนี้ ! เจ้าเองก็ไม่ใช่เจ้าคนก่อน และข้าก็เช่นกัน !”
“พูดถึงขนาดนี้ แต่ยังไม่แนะนำตัวเลย” ซูเฉิน
เขาทำทีเป็นนิ่งเฉยทั้งที่จำศัตรูไม่ได้ ทำให้ปักษาผู้นั้นโกรธมากเมื่อได้ยินคำยั่วยุดังนั้น
เขาหัวเราะอย่างเย็นชาก่อนกล่าว “ชุยอวี่คงเหิน แสแสร้งเก่งจริง ๆ แต่ก็คงไม่อาจปิดมลทินที่ถูกพวกมนุษย์ทรมานมาได้หรอก เกือบถูกขืนใจจนตายแล้วยังจะกล้าทำเป็นไม่รู้อะไรต่อหน้าข้าอีกหรือ ? มีหน้ากล้ากลับมาได้อย่างไร ?”
ได้ยินดังนั้นซูเฉินก็ไม่แปลกใจ แต่กลับยินดีอยู่ภายใน
ถึงเวลาแล้วหรือ ?
เขารอจังหวะนี้มาโดยตลอด
อย่างไรก็ไม่แปลกที่ศัตรูจะรู้เรื่องของชุยอวี่คงเหิน เพราะซูเฉินเป็นคนส่งข่าวมาเอง ไม่เช่นนั้นหากไร้คนรู้ ที่เขาลงมือจะไปมีประโยชน์อะไร ? ชุยอวี่คงเหินย่อมไม่บอก ดังนั้นซูเฉินจึงหาวิธีอื่นบอกผู้อื่น
ตระกูลจูแพร่ข่าวได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ผ่านมาหนึ่งวันแล้ว ซูเฉินยังไม่ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตัวเขาเลย
จนถึงตอนนี้… !
ในที่สุดก็มาสักที ! ซูเฉินคิด แล้วก็ทำสีหน้าบึ้งตึงออกมา