ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 619 เยี่ยนจ้าวเกอในมาดผู้วิเศษ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ก่อนหน้านี้หลังจากได้ยินคำพูดของพวกเติ้งเซิน หยางจ่านหัว และซุนฮ่าวแห่งสำนักแสงสว่าง เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้แล้วว่าภาษาที่แพร่หลายในโลกซ้อนโลกในปัจจุบัน คล้ายคลึงกับภาษาโบราณที่ใช้กันก่อนมหาภัยพิบัติ

ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ใกล้เคียงกันมาก ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ สามารถใช้ติดต่อกันได้ ไม่กระทบต่อการสนทนา

บุรุษเสื้อแพรผู้นี้มองเยี่ยนจ้าวเกอ ใบหน้าฉายแววซาบซึ้ง แต่ก็ระมัดระวังตัวเช่นกัน

เขาลังเลครู่หนึ่ง ค่อยกล่าวว่า “ข้าน้อยไม่ใช่ลูกศิษย์ของสำนักความมืด”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “ท่านไม่ต้องรีบร้อนเพียงนี้ ข้าไม่ได้มากับศัตรูของท่าน คิดหลอกลวงหรือวางกับดักท่าน ถ้าไม่ใช่คนที่มาจากสำนักความมืดผู้นี้ได้รับบาดเจ็บสิ้นสติ ข้ายินดีพูดกับเขามากกว่า”

“ข้าได้พบโครงกระดูกโครงหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมแห่งสำนักความมืดเหลือไว้ ตอนนี้คิดจะส่งคืนสำนัก ดังนั้นจึงต้องการถามหาผู้สืบทอดของสำนักความมืด”

ชายหนุ่มเสื้อแพรประสานมือ “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ข้าต้องขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือชีวิตข้า”

เขามองจอมยุทธ์อาภรณ์ดำ กล่าวว่า “โจรเสวียนประพฤติชั่ว สร้างความปั่นป่วนให้กับใต้หล้า สำนักต่างๆ เช่นสำนักแสงสว่างและสำนักความมืดชูธงลุกฮือ คิดโค่นล้มการปกครองของเขา จอมยุทธ์จากแต่ละที่ต่างขานรับ ผู้เข้าร่วมมีมากมายดุจหมู่เมฆ ข้าเป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น

“ท่านจาง จางเชียนซง เป็นคนรู้จักเก่าของข้า ข้าได้รับอิทธิพลจากเขา จึงตัดสินใจอุทิศตนเพื่อทำลายโจรเสวียน แต่ข้าไม่ใช่ลูกศิษย์ของสำนักความมืดจริงๆ”

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “ขอถามว่าที่นี่คือทะเลหวงเจียใช่หรือไม่?”

คนหนุ่มเสื้อแพรงงงันอีกครั้ง “ที่นี่คือทะเลหวงเจียจริงๆ ใต้เท้า…”

“ข้าไม่ใช่คนในทะเลหวงเจีย ข้าบอกแล้วว่าข้ามาที่นี่เพื่อส่งกระดูกของผู้อาวุโสสำนักความมืดคนหนึ่งคืนสำนักกลับบ้านเกิด” เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ พูดด้วยรอยยิ้ม

อีกฝ่ายกล่าวอย่างระมัดระวัง “ท่านเป็นผู้วิเศษจริงๆ มีลักษณะของคนโบราณ”

เขาโล่งอกเล็กน้อย ค่อยๆ พูดมากขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอยามนี้ถึงรู้ ว่าหลายปีมานี้ทะเลหวงเจียเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายเหมือนกับตอนที่ผู้อาวุโสม่อยังอยู่

หนึ่งร้อยกว่าปีก่อน มียอดฝีมือคนหนึ่งมายังทะเลหวงเจีย เรียกตัวเองว่าเสวียนอ๋อง ขยายดินแดนที่นี่ สุดท้ายก่อตั้งรากฐานของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องขึ้น

สุดท้ายราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องครอบงำดินแดนที่ใหญ่ยิ่งกว่ามหาอำนาจแปดพิภพ ซึ่งก็คือทะเลหวงเจีย

นอกจากสำนักแสงสว่างและสำนักความมืดที่เป็นขุมกำลังระดับสุดยอดซึ่งมีอยู่น้อยแล้ว จอมยุทธ์ที่อาศัยอยู่ในทะเลหวงเจียต่างสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องทั้งสิ้น

แต่ว่าสิบปีก่อน เสวียนอ๋องต้นบรรพบุรุษแห่งต้าเสวียนสิ้นชีวิต พลังของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องลดลงอย่างใหญ่หลวง

การปกครองของเสวียนอ๋องในอดีตโหดร้ายทารุณ โดยเฉพาะตอนนี้เสวียนมู่อ๋องที่สามในรัชสมัยปัจจุบันฟุ่มเฟือยและมัวเมาในกาม รีดนาทาเร้นจอมยุทธ์มากมายในทะเลหวงเจีย

ปัจจุบันราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเดินลงสู่ทางลาด เกิดความปั่นป่วนขึ้นภายใน

ขุมกำลังที่มีสำนักแสงสว่างและสำนักความมืดเป็นผู้นำ หาญกล้าโจมตีราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ทะเลหวงเจียในปัจจุบันต่างเต็มไปด้วยไฟสงคราม

ในขณะที่พวกเขารับมือกับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ก็ปลุกระดมยอดฝีมือที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องรวบรวมไว้ อีกทั้งยังกระตุ้นจอมยุทธ์คนอื่นในทะเลหวงเจีย ไม่ว่าจะมีพลังฝึกปรือสูงหรือต่ำ ให้ก่อความวุ่นวายร่วมกัน สั่นสะเทือนรากฐานการปกครองของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องทุกทาง

เหมือนกับจางเชียนซง จอมยุทธ์สำนักความมืดที่ได้รับบาดเจ็บจนสลบไปผู้นี้ ยังมีสหายของเขากำลังทำเรื่องเช่นนี้อยู่ด้วย

ทางราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องย่อมพยายามปราบปรามอย่างเต็มที่ ทั้งสองฝ่ายสู้กันไม่อาจเลิกรา

ไม่เพียงแต่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ความปั่นป่วนของสงครามลุกลามไปทั่วทะเลหวงเจีย

เยี่ยนจ้าวเกอฟังจนพยักหน้าติดต่อกัน ‘ยิ่งปั่นป่วนยิ่งประเสริฐ สถานการณ์สับสนมากเท่าไร ยิ่งถูกพวกเราใช้เป็นหนังหน้าไฟได้สะดวกเท่านั้น’

ดูจากตอนนี้ ไม่เพียงแต่เป็นสำนักความมืดที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตเท่านั้น สำนักแสงสว่างยังมีศัตรูฝ่ายอื่นในทะเลหวงเจียอีก

เพียงแต่น่าเสียดาย ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องไม่ใช่เป้าหมายที่ควรร่วมมือ

ดูแค่สำนักแสงสว่างและสำนักความมืดที่เป็นศัตรูคู่อริต่างลงมือโจมตีอีกฝ่ายพร้อมกันเช่นนี้ ก็เห็นได้แล้วว่าราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องไม่ได้ใจคนขนาดไหน

กอปรกับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องยังโหดร้ายทารุณ การร่วมมือกันย่อมเป็นการฝากเนื้อไว้กับพยัคฆ์

แต่ว่าสภาพอลหม่านของทะเลหวงเจียตรงหน้านี้ สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิง เป็นผลดีอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงอย่างไรกลุ่มสำนักที่ยิ่งใหญ่อย่างสำนักแสงสว่าง ถ้าหากมีอิสระเสรี ย่อมบดขยี้มหาอำนาจแปดพิภพและโลกผืนสมุทรได้

ตามคำพูดของผู้อาวุโสม่อ ตั้งแต่จักรพรรดิประกายกาฬที่ปกครองใต้หล้าตายตก พลังของสำนักประกายกาฬก็ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ยอดฝีมือระดับสุดยอดจำนวนมากในสำนักเสียชีวิต สุดท้ายก็แตกฉานซ่านเซ็น

ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น สำนักแสงสว่างในอดีตก็ยังคงมียอดฝีมือที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกคอยคุ้มกัน อีกทั้งเมื่อเทียบกับมหาอำนาจแปดพิภพแล้ว ยังมียอดฝีมือในสำนักมากมายดุจหมู่เมฆ

กอปรกับเมื่ออยู่ในโลกซ้อนโลก พวกเขาจะไม่ถูกจำกัดพลังฝึกปรือ สามารถลงมือด้วยสภาวะสมบูรณ์ของตนเอง

เยี่ยนจ้าวเกอมองชายหนุ่มในเสื้อแพรเบื้องหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พูดมาครึ่งวัน ยังไม่ทราบว่าท่านมีคำเรียกหาว่าอะไร?”

ชายหนุ่มเสื้อแพรลังเลเล็กน้อย เยี่ยนจ้าวเกอช่วยเขากับจางเชียนซง เขาไม่บอกชื่อย่อมเป็นการเสียมารยาทอย่างร้ายแรง

แต่เขายังกลัวว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะเป็นคนของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง และตอนนี้กำลังใช้แผนหลอกให้ตายใจ

ตระกูลเว่ยซื่อของเขามีชื่อเสียงอยู่บริเวณเกาะหลวนเซียงบนทะเลหวงเจียอยู่บ้าง หากบอกว่าแซ่เว่ย คนที่เคยได้ยินส่วนใหญ่ล้วนคิดเชื่อมโยงถึงตระกูลเว่ย

ตอนที่ติดตามจางเชียนซงออกมาก่อการปฏิวัติ เป็นความคิดของตัวเขาเอง ไม่ได้บอกผู้อาวุโสในตระกูล

ครู่ต่อมา ชายหนุ่มเสื้อแพรค่อยถอนใจ ตอบอย่างซื่อสัตย์ “ข้างน้อยเว่ยหลาง ไม่ทราบว่าคุณชายชื่ออะไร”

“ข้าแซ่เยี่ยน เยี่ยนจ้าวเกอ”

ถึงแม้อาจจะหลุดไปถึงหูสำนักแสงสว่างได้ แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้แจ้งชื่อปลอม เขาพิจารณาเว่ยหลางตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพูดด้วยความสนอกสนใจ “ดูจากวรยุทธ์ที่ท่านใช้ ถึงแม้ไม่อาจเรียกได้ว่าสุดยอดที่สุด แต่ก็มีจุดที่ใช้ได้ อาจารย์หรือตระกูลของท่านสมควรไม่ใช่คนไร้ชื่อกระมัง?”

ถ้าหากคนของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องหลอกเอาชื่อตระกูลเว่ยไปได้ ก็คงจะลงมือสร้างความลำบากให้แก่พวกเขาแน่

ครั้นได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเช่นนี้ เว่ยหลางกลับถอนใจโล่งอก เพราะรู้แล้วว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ใช่คนที่อยู่ในทะเลหวงเจีย

เขาผ่อนคลายลงมาก ตอบว่า “ข้าน้อยเรียนวรยุทธ์ของตระกูล ตระกูลเว่ยของข้าน้อยพอมีเชื่ออยู่ในเกาะหลวนเซียงบนทะเลหวงเจียอยู่บ้าง”

เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังจอมยุทธ์ในอาภรณ์สีดำ “เขาชื่อจางเชียนซงกระมัง? บาดเจ็บสาหัสไปบ้าง คงไม่ฟื้นขึ้นมาชั่วขณะ ท่านรู้วิธีการติดต่อกับจอมยุทธ์สำนักความมืดคนอื่นหรือไม่?”

เว่ยหลางตอบอย่างลำบากใจ “สหายเยี่ยน ข้าไม่ได้โกหก ข้าไม่ใช่ลูกศิษย์สำนักความมืดจริงๆ”

“สำหรับจอมยุทธ์สำนักความมืดคนอื่น ถึงแม้ข้าจะเคยเจอมาหลายคน แต่ก็ไม่ทราบว่าควรจะติดต่ออย่างไร”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็ตบหน้าผากของตนเล็กน้อย หัวเราะขื่นขมในใจ ‘จริงๆ เลย…’

หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็เชื่อมต่อความคิดกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ก่อนที่อีกฝ่ายจะผละไปอย่างเงียบงัน

ครั้งนี้ที่มายังโลกซ้อนโลก ทางหนึ่งเพื่อศึกษาสถานกาาณ์ ติดต่อกับครู่อริของสำนักแสงสว่าง อีกทางหนึ่งคิดหาวิธีหยุดยั้งไม่ให้คนในสำนักแสงสว่างตามหาของวิเศษของพระราหูเจอ

ตอนนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะได้ผูกมิตรกับสำนักความมืด แต่จะพัฒนาได้ตอนไหน ยังบอกไม่ได้ เยี่ยนจ้าวเกอจึงตัดสินใจทำสองสิ่งไปพร้อมๆ กัน

ตนผูกมิตรกับสำนักความมืด ส่วนร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไปสืบหาเรื่องของวิเศษของพระราหู

มีเฟิงอวิ๋นเซิงอยู่ข้างกาย หากได้รับเบาะแสของของวิเศษพระราหูมา ก็ไม่กลัวว่าจะเสียเวลา

เว่ยหลางย่อมสัมผัสอะไรไม่ได้ ตอนนี้เขามองจางเชียนซงอย่างเป็นห่วง

ในตอนนี้เอง สีหน้าของเว่ยหลางพลันเปลี่ยนแปลง หยิบกระเรียนกระดาษที่พับจากยันต์วิญญาณตัวหนึ่งออกมา

ฉับพลันที่กระเรียนกระดาษกระพือปีก เว่ยหลางก็ตกใจ “ผู้อาวุโสของตระกูลกำลังตามหาข้าอยู่ใกล้ๆ นี้”