เล่มที่ 26 เล่มที่ 26 ตอนที่ 779 อยากให้กอด อยากให้จูบ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

หากซูจิ่นซีต้องการสงบศึกสงครามกับแคว้นตงเฉิน ตอนที่มู่หรงฉีกระโดดหน้าผาตามลงไป นางคงถอนกำลังไปแล้ว ไม่เช่นนั้นนางจะถือป้ายคำสั่งขนนกทองคำของแคว้นเพื่อดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการชั่วคราวเพื่อเหตุใด?

ซูจิ่นซีกำลังคิดอันใดอยู่?

คงไม่ง่ายอย่างนั้นแน่นอน

ตงหลิงหวงครุ่นคิด “ใช่ว่าจะเจรจาสงบศึกชั่วคราวไม่ได้ ทว่า… อาจยากอย่างมาก”

“ไม่ว่าจะยากเพียงใด องค์รัชทายาท พวกเราต้องลองดู! ”

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากยืนกรานที่จะพยายาม คงต้องยกดินแดนหรือจ่ายค่าชดเชยให้ ทว่าอีกฝ่ายสามารถใช้โอกาสนี้รวบแคว้นตงเฉินทั้งหมด พวกเขาจะยอมละทิ้งโอกาสเพื่อผลประโยชน์เล็กๆ อย่างการยกดินแดนหรือชดใช้ค่าเสียหายหรือ?

ทุกคนย่อมรู้ดีแก่ใจว่า หากต้องการสงบศึกสงคราม ต้องมีสิ่งล่อตาล่อใจมากพอที่จะดึงดูดอีกฝ่าย

พวกเขาไม่ได้พูดอันใดอยู่ครู่หนึ่ง

ผ่านไปสักพัก ไม่รู้ว่าตงหลิงหวงคิดอันใดอยู่ นางไม่ได้พูดถึงเรื่องพักรบ และเปลี่ยนเป็นหัวข้ออื่นแทน “หากสามารถพักรบชั่วคราวกับแคว้นหนานหลีได้ เรื่องเมืองหลวงจะจัดการอย่างไร? ท่านแม่ทัพมีความเห็นอย่างไรบ้าง? ”

เมื่อรัชทายาทกล่าวเช่นนี้ แสดงว่าเรื่องพักรบชั่วคราวคงอยู่ในใจนางแล้ว ทุกคนจึงไม่พูดถึงอีกและเปลี่ยนหัวข้อหารือตามตงหลิงหวง

แม่ทัพฮัวพูดขึ้น “สำหรับหลู่หยางอ๋อง กระหม่อมเสนอให้รบ ยิ่งเร็วยิ่งดี”

“สถานการณ์เช่นนี้ คงไม่อาจเจรจาอย่างสันติ กระหม่อมก็คิดเช่นเดียวกับแม่ทัพฮัว รบให้แตกหัก” แม่ทัพซ่งพูดสำทับ

“กระหม่อมเสนอให้รบ”

“กระหม่อมเสนอให้รบ”

ความเห็นของแม่ทัพผางและแม่ทัพซืออวิ๋นตรงกับแม่ทัพฮัว “ทว่าคำถามตอนนี้คือ จะรบอย่างไร พวกเราต้องวางแผนให้รอบคอบ”

ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของแม่ทัพผาง ตงหลิงหวงก็ลุกขึ้น นางพาทุกคนไปยังแผนที่ทรายจำลอง จากนั้นทุกคนก็หารือเกี่ยวกับวิธีรับมือกับสถานการณ์ จนกระทั่งกลางดึก แม่ทัพทั้งห้านายจึงออกไปจากกระโจมของตงหลิงหวง

ตงหลิงหวงนั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณและนวดหว่างคิ้วไม่หยุด

อู๋ซวงมองด้วยความปวดใจ “องค์รัชทายาท หม่อมฉันต้มน้ำร้อนให้พระองค์ใหม่แล้ว พระองค์… ชำระพระวรกายก่อนดีหรือไม่… ”

ตงหลิงหวงไม่ได้ต่อต้าน อู๋ซวงจึงกำชับให้ผู้ดูแลเปลี่ยนน้ำหลังฉากกั้น

หลังจากตงหลิงหวงชำระร่างกายเสร็จ นางก็ผล็อยหลับไปตอนเกือบรุ่งสาง

มู่หรงฉีไม่อยู่ ซูจิ่นซีจึงเป็นผู้บัญชาการค่ายทหารแคว้นหนานหลี

ทว่าอย่างไร ซูจิ่นซีก็เป็นสตรี สถานะของนางไม่ชัดเจน จึงมีหลายคนไม่ยอมเชื่อฟัง

แม้จะรบกับแคว้นตงเฉินสองครั้งและได้รับชัยชนะกลับมา ทว่าในสายตาของเหล่าทหาร แน่นอนว่าพวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีอ่านรายงานทางการทหารตั้งแต่เช้ามืดจนถึงบ่าย และตอนบ่ายยังมีการหารือเรื่องสำคัญเกี่ยวกับกองทัพกับเหล่าแม่ทัพจำนวนหนึ่ง

นอกจากนี้ นางยังต้องจัดการกับจดหมายที่ส่งมาจากราชสำนักอีกด้วย

เรื่องที่มู่หรงฉีตกหน้าผา นางต้องปกปิดกับทางฝั่งเมืองเย่หลิน เอกสารของฝั่งนั้นส่งมาที่ค่ายทหารตรงเวลาทุกวัน เพื่อไม่ให้ราชสำนักพบความผิดปกติ ซูจิ่นซีจึงจัดการกับจดหมายให้แล้วเสร็จ และให้คนส่งกลับไปอย่างตรงเวลาทุกวัน

วันนี้ กว่าซูจิ่นซีจะจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงกลางดึก หลังจากจัดเอกสารบนชั้นทั้งหมด ซูจิ่นซีก็ปาดหน้าผากตนเองด้วยความเหน็ดเหนื่อย นางไม่อยากขยับตัวแม้แต่น้อย เมื่อหอบสังขารมาถึงเตียงก็ไร้เรี่ยวแรงแล้ว

ทันใดนั้น แผ่นหลังของนางก็จมลงเล็กน้อย ซูจิ่นซีเหลือบมอง เห็นเยี่ยโยวเหยาที่สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่นอนอยู่ด้านข้าง

เพื่อปกปิดสายตาของผู้อื่น เยี่ยโยวเหยาจึงสวมชุดธรรมดาเวลาอยู่ข้างกายซูจิ่นซี แม้จะเป็นเพียงเสื้อผ้าเรียบง่าย ทว่าเมื่อสวมอยู่บนร่างของเยี่ยโยวเหยาก็ยากที่จะปกปิดรัศมีความสูงศักดิ์ของเขาได้

คนเรา… หล่อเหลาอันใดเช่นนี้

เมื่อซูจิ่นซีมองเยี่ยโยวเหยา ความเหนื่อยล้าในใจก็ลดลงไปไม่น้อย

นางยื่นมือออกไปจับนิ้วของเยี่ยโยวเหยา

เยี่ยโยวเหยาจึงฉวยโอกาสดึงซูจิ่นซีเข้าสู่อ้อมกอด

“ไม่ต้องคิดอันใด เรื่องที่แก้ไขไม่ได้ ข้าจะทำให้”

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เยี่ยโยวเหยาแอบช่วยนางไปมากแล้ว หากให้เยี่ยโยวเหยาจัดการมากเกินไป แม่ทัพในกองทัพอาจสงสัยได้

นอกจากนั้น ซูจิ่นซีไม่ต้องการหลบอยู่ด้านหลังเยี่ยโยวเหยาไปทั้งชีวิต นางไม่อยากหยุดพัฒนาตนเอง ไม่อยากหยุดเติบโต ด้วยวิธีนี้เท่านั้น นางจึงจะคู่ควรกับเยี่ยโยวเหยาอย่างภาคภูมิใจ!

ซูจิ่นซีถอนหายใจหนักหน่วง “ยังไหว ไม่มีเรื่องยากอันใด ทว่า… หน่วยสอดแนมรายงานว่าตงหลิงหวงกลับมาถึงค่ายทหารแล้ว แคว้นตงเฉินเกิดความวุ่นวายภายใน ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินย้ายไปประทับที่หลานโจวชั่วคราว ตอนนี้กำลังทหารของตงเฉินกลับคืนสู่มือของตงหลิงหวงทั้งหมด ไม่รู้ว่าพี่ชายของข้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าเป็นกังวล… ”

ประโยคหลัง ซูจิ่นซียังพูดไม่ทันจบ เยี่ยโยวเหยาก็คาดเดาได้ว่าซูจิ่นซีจะพูดอันใด

“เจ้าเป็นกังวล แม้มู่หรงฉีจะพ้นขีดอันตรายแล้ว ทว่ากลับตกไปอยู่ในมือของศัตรู ตอนนี้สองกองทัพกำลังทำสงคราม ทั้งแคว้นตงเฉินยังมีปัญหาภายใน หากสู้รบเช่นนี้ต่อไป ตงหลิงหวงจะจับมู่หรงฉีเป็นตัวประกัน”

แม้อาจไม่เป็นเช่นนั้น ทว่าซูจิ่นซีก็ไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น

นางรู้ดีว่าในใจตงหลิงหวงมีมู่หรงฉี

ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะเอาชนะแคว้นตงเฉิน หากไม่ฉวยโอกาสนี้ คงต้องรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเพื่อสู้รบกันอีกครั้ง เช่นนั้น เส้นทางการรวบรวมแผ่นดินของเยี่ยโยวเหยาก็ไม่รู้ว่าอีกยาวไกลเพียงใด

นอกจากนั้น… วิชาการหล่อขึ้นรูปที่ต้องนำมาไขความลับของอั้นหรานเซียวหุนก็อยู่ที่แคว้นตงเฉิน วันต้นฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้ว หากไม่เอาชนะแคว้นตงเฉิน และนำวิชาหล่อขึ้นรูปมาก่อนวันต้นฤดูหนาว คงเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก

ซูจิ่นซีคิดมาถึงตรงนี้ก็เริ่มปวดศีรษะ นางนวดหว่างคิ้วไม่หยุด

เยี่ยโยวเหยามองซูจิ่นซีด้วยสายตาเจ็บปวด เขาอุ้มซูจิ่นซีขึ้นมา และเดินตรงไปที่อ่างอาบน้ำหลังฉากกั้นซึ่งเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว

“คืนนี้ไม่ต้องคิดอันใด มีเรื่องอันใดค่อยหารือกันพรุ่งนี้”

ซูจิ่นซีไม่ได้คิดอันใดจริงๆ นางพิงศีรษะกับอ้อมแขนของเยี่ยโยวเหยา ปล่อยให้เยี่ยโยวเหยาอุ้มนางไปที่อ่างน้ำและแช่ตัวด้วยกันราวครึ่งชั่วยาม เยี่ยโยวเหยาช่วยขัดร่างกายของนางจนสะอาดและอุ้มไปที่เตียง

เมื่อเยี่ยโยวเหยาทำสิ่งเหล่านี้ให้ซูจิ่นซี คราแรก ซูจิ่นซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าระยะหลัง นางไม่กล้าหันไปมองเยี่ยเหยาแม้แต่น้อย

นางกลัวตนเองจะทนไม่ไหวและปล่อยตัวปล่อยใจ แม้นางจะปล่อยตัวปล่อยใจ และทำมันหลายครั้งแล้วก็ตาม

ซูจิ่นซีไม่คิดเลยว่า โยวอ๋องผู้หยิ่งทะนงตน โอหังถือดี และไม่สนโลกในตอนแรก วันหนึ่งจะอ่อนโยนและรักใคร่นางเช่นนี้

หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่รู้ว่าจะหักอกสตรีที่ชื่นชอบเยี่ยโยวเหยากี่ราย

เยี่ยโยวเหยา ชีวิตนี้มีท่าน ข้าก็ไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว

แม้ซูจิ่นซีจะข่มตา ทว่านางไม่ได้หลับตั้งแต่ต้น

เยี่ยโยวเหยาวางนางลงบนเตียงและกำลังจะลุกขึ้น แต่ซูจิ่นซีกลับดึงชายเสื้อของเยี่ยโยวเหยาไว้เบาๆ

เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ปล่อยมือ”

“ไม่ปล่อย”

ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปาก

“ซูจิ่นซี ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด อย่ามาทดสอบการควบคุมตนเองของข้า ข้ารู้ว่าพักนี้เจ้าเหนื่อย ร่างกายอ่อนเพลีย ข้าอดกลั้นไฟในตนเองมากพอแล้ว”

หากซูจิ่นซียังดึงดันอีก เยี่ยโยวเหยาคงรับประกันไม่ได้ว่าตนเองจะทำอันใดต่อไป

ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเห็น หลังจากเห็นซูจิ่นซีอ่อนล้า เขาก็เจ็บปวดใจอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม เยี่ยโยวเหยาคิดไม่ถึงว่า ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของเขา วินาทีถัดมา ซูจิ่นซีที่นอนข่มตาอยู่บนเตียงจะลุกขึ้นมาและจุมพิตริมฝีปากของเขา

“ท่านอ๋อง ช่วยกอดหม่อมฉันที! ”

เยี่ยโยวเหยาพลันตกตะลึง ดวงตาดำขลับล้ำลึกมีประกายแห่งความปรารถนา ทว่าในไม่ช้า เขาก็อดกลั้นเอาไว้

เขาพยายามผลักซูจิ่นซีอย่างสุดความสามารถ “ซูจิ่นซี ปล่อย! ”

“ท่านอ๋อง จูบหม่อมฉัน! ”

ซูจิ่นซีไม่มีความคิดที่จะปล่อยแม้แต่น้อย

ไม่เพียงเท่านั้น นางยังโอบรอบลำคอของเยี่ยโยวเหยา ริมฝีปากนุ่มนิ่มสีแดงเข้มขบเม้มริมฝีปากของเยี่ยโยวเหยาอย่างดูดดื่ม กรงเล็บปีศาจน้อยทั้งสองข้างเริ่มก่อกวนบริเวณเอวของเยี่ยโยวเหยาแล้ว

เดิมที เยี่ยโยวเหยาก็ไม่อาจต่อต้านซูจิ่นซีได้อยู่แล้ว เช่นนั้น เขาจะทนการยั่วยวนของซูจิ่นซีได้อย่างไร?

ในไม่ช้า เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบก็ผุดขึ้นมาบนหน้าผากเป็นชั้นๆ

ฝ่ามือกว้างโอบรอบเอวเล็กเรียวของซูจิ่นซี พลางลูบไล้ซูจิ่นซีที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างเร่าร้อน จากนั้นก็พลิกตัวอย่างสวยงามและเข้าสู่ห้วงความสัมพันธ์อันเร่าร้อนฉันท์สามีภรรยา

“ซูจิ่นซี เป็นเจ้าที่เริ่มก่อน อย่าโทษที่ข้าไม่นึกถึงร่างกายเหนื่อยล้าของเจ้า และไม่รู้จักควบคุมตนเอง”

อืม… แพ้ราบคาบ…

ความยับยั้งชั่งใจของท่านอ๋องเพิ่มขึ้น หรือเสน่ห์เย้ายวนของนางลดลง?

ครั้งนี้ใช้เวลานานมากในการจัดการกับท่านอ๋องผู้ชั่วร้าย

ดูเหมือนว่าจะนานกว่าครั้งก่อน… นานยิ่งนัก…

พระชายาต้องทบทวนตนเอง… อืม ต้องทบทวนจริงๆ…