ลู่ฝานรีบมองเข้าไปในห้อง ห้องขนาดใหญ่อยู่ในสายตาทั้งหมด แต่เขากลับไม่เห็นคนที่พูด

ขณะนั้นเอง จู่ๆ เด็กผู้หญิงผูกฉันหางม้าคนหนึ่ง โผล่หัวออกมาจากด้านหลังผ้าห่มที่พับไว้เรียบร้อย

คาบถังหูลู่ไว้ในปากหนึ่งไม้ มองลู่ฝานด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “คุณชายลู่ ฉันขอเชิญนายดื่มชาสักแก้วได้ไหม”

ลู่ฝานมองเธออย่างไม่เข้าใจ ลูกหลานตระกูลหลู่ที่อยู่ข้างๆ พูดเสียงเบาเหมือนยุงว่า “คุณชายลู่ นี่คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลู่ ทางที่ดีนายเข้าไปตามที่เธอพูดเถอะครับ ไม่งั้นจะแย่”

ลู่ฝานขมวดคิ้วเบาๆ เขาได้ยินความหวาดกลัวออกมาจากคำพูดของลูกหลานตระกูลหลู่คนนี้ ตอนที่คนนี้กำลังพูด เสียงก็สั่นเครือ ราวกับด้านในไม่ใช่เด็กผู้หญิงแสนน่ารัก แต่เป็นสัตว์อสูรน่ากลัวที่สามารถกินคนได้

ลู่ฝานพยักหน้าให้สิบสาม เพื่อบอกให้สิบสามยืนด้านนอก ส่วนตัวเองก้าวเข้าไปข้างใน

เด็กผู้หญิงค่อยๆ ปีนมาที่ขอบเตียง ลู่ฝานเพิ่งสังเกตเห็นว่าขาทั้งสองข้างของเธอดูเหมือนจะหัก

ยื่นมือมาดึงรถเข็นไม้จากข้างเตียง เด็กผู้หญิงนั่งลงไปบนรถเข็น จากนั้นเข็นมาตรงหน้าลู่ฝาน

เบิกตาโตเป็นประกายแวววาว เด็กผู้หญิงนวดหน้าอมชมพูดของตัวเอง แล้วพูดว่า “คุณชายลู่ ฉันรอนายมานานมาก”

ลู่ฝานมองเธอด้วยรอยยิ้ม ยื่นมือไปหยิบแก้วชาบนโต๊ะ เทชาให้เด็กผู้หญิงหนึ่งแก้ว และเทให้ตัวเองด้วยหนึ่งแก้ว

“รอฉันนานมาก เธอรู้เหรอว่าฉันจะมาตระกูลหลู่”

เด็กผู้หญิงพูดอย่างได้ใจว่า “เดายากตรงไหน ลู่ฝานนักกระบี่แห่งตงหวา ศักยภาพน่าตกใจ แต่กลับไม่มีทุนทรัพย์อะไรเลย พละกำลังโดดเด่นกว่าคนอื่น อีกทั้งยังไม่อาศัยอำนาจใด ปู่ต้องเรียกคนแบบนี้มาลองเชิงที่ตระกูลหลู่อยู่แล้ว ดูว่านายเป็นกำลังสำคัญของชาติได้หรือเปล่า ดังนั้นฉันจึงพูดกับเสี่ยวลิ่วจื่อเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าปู่บอกให้เขาพานายไปห้องรับรองแขก ให้พานายมาที่นี่”

คำพูดอย่างผ่อนคลายของเด็กผู้หญิง ตรงประเด็นสำคัญ ทำให้ลู่ฝานเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งทันที

เขาเพิ่งรู้ว่าหลู่เฉิงเซี่ยงกำลังพิจารณาเขาเรื่องอะไร

จริงๆ เลย ถ้าพูดอย่างนี้ตั้งแต่แรกก็เข้าใจแล้ว จำเป็นต้องทำลับๆ ล่อๆ พาเขาวาร์ปมาที่นี่ไหม แค่จดหมายฉบับเดียว ไม่แน่เขาอาจวิ่งสะบัดตูดมาเลยก็ได้

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “เด็กน้อยช่างฉลาดมีไหวพริบจริงๆ ใครสอนเธอเหรอ”

เด็กผู้หญิงย่นปากยู่มองลู่ฝาน แล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้ชื่อเด็กน้อย ฉันเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในบรรดาคนอายุน้อยของตระกูลหลู่ ฉันคือหลู่ยิน!”

พูดจบ หลู่ยินชี้หน้าลู่ฝานแล้วพูดว่า “หึ ถ้าเรียกฉันว่าเด็กน้อยอีก ระวังนายจะออกไปจากประตูนี้ไม่ได้”

ลู่ฝานยกมือยอมจำนน แล้วพูดว่า “โอเคๆ คุณหนูหลู่ยิน บอกได้ไหมว่าที่เธอตั้งใจเรียกฉันมาเป็นพิเศษ เพราะอะไรเหรอ”

จู่ๆ หลู่ยินเอาภาพวาดวิวทิวทัศน์กับปากกาออกมา แล้วพูดว่า “พี่ลู่ฝาน เซ็นให้ฉันหน่อย!”

ลู่ฝานหมดคำจะพูดไปครู่หนึ่ง ส่วนหลู่ยินเอามือกอดอก รอยยิ้มเต็มใบหน้า

ไม่ว่าใครโดนเด็กผู้หญิงน่ารักขนาดนี้จ้องใส่ ก็ต้องยอมจำนน ลู่ฝานมองภาพวาดในมือด้วยรอยยิ้ม เป็นภาพวาดวิวทิวทัศน์ที่ใช้พู่กันจุ่มหมึกและสะบัดลงไป เป็นภาพที่ไม่เลว คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กคนหนึ่งจะชอบของแบบนี้ ลู่ฝานกวาดสายตาลงบนม้วนภาพสองสามครั้ง จู่ๆ ลู่ฝานรู้สึกว่าปราณชี่ของตัวเองผิดปกติเล็กน้อย

ไม่ใช่สิ ทำไมภาพนี้ถึงมีความรู้สึกพิเศษบางอย่าง

ลู่ฝานเงยหน้ามองหลู่ยิน ในใจเกิดความหวาดระแวงขึ้น เมื่อมีสิ่งผิดปกติย่อมมีอะไรประหลาด เขาระวังไว้ก่อนจะดีที่สุด!

เมื่อคิดเช่นนี้ ลู่ฝานเซ็นตัวหนังสือสองตัวลงบนภาพวาด จากนั้นคืนให้หลู่ยิน

หลู่ยินรับภาพมา ยิ้มอย่างมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง