ตอนที่ 1380 ปีกของฟินิกส์

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1380 ปีกของฟินิกส์ โดย Ink Stone_Fantasy

ลำตัวมันดูเรียวยาว ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ล้วนแต่เป็นเส้นโค้งที่ดูราบเรียบ ผิวที่เป็นมันวาวสามารถสะท้อนเงาคนออกมาได้

ตรงห้องคนขับเครื่องบินมีกระจกใสครอบเอาไว้เหมือนฟองอากาศที่ปูดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ามีการคิดถึงเรื่องผลกระทบจากกระแสอากาศในตอนที่บินด้วยความเร็วสูง ยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่นั่งคนขับยังค่อนไปทางด้านหลัง ด้านท้ายฟองอากาศสูงกว่าด้านหน้า แล้วก็ผสานเข้ากับตัวเครื่องบินได้อย่างแนบสนิท ข้อดีของการออกแบบเช่นนี้นั้นเรียกได้ว่าแค่มองดูก็รู้ การที่ด้านหน้าต่ำด้านหลังสูงนั้นจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้กับนักบิน ด้านท้ายกระจกครอบรับไปกับหางของเครื่องบินได้อย่างพอดิบพอดี ทำให้ทุกๆ ส่วนของลำตัวเครื่องบินดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ส่วนจุดที่แตกต่างจากเครื่องบินรุ่นเก่ามากที่สุด แล้วก็เป็นจุดที่นักเรียนทุกคนต่างสังเกตเห็น นั่นก็คือส่วนหัวเครื่องบินไม่มีใบพัด!

เมื่อไม่มีเครื่องยนต์แบบสูบนอน ส่วนหัวเครื่องบินทั้งหัวก็ลู่กลายเป็นทรงกรวยเรียวยาว ให้ความรู้สึกทะลุทะลวงไปในหมู่เมฆ ลำตัวเครื่องบินส่วนใหญ่ถูกทาด้วยสีแดงส้ม ทำให้มันดูเหมือนเปลวเพลิงที่เรียวยาว เส้นตัดสีขาวสามสี่เส้นลากยาวตั้งแต่ส่วนหัวไปจรดปลายหาง นี่ยิ่งทำให้เครื่องบินเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

ต่อให้เป็นคนที่ไม่รู้เรื่องเครื่องบินก็ยังสัมผัสได้ถึงความสวยงามและสง่างามของมัน

แวบแรกที่ได้เห็นเครื่องบิน ทิลลีก็พบว่าตัวเองตกหลุมรักมันในทันที

แต่ว่า…ถ้าไม่มีใบพัด เจ้าเครื่องบินนี้มันจะบินขึ้นไปได้ยังไง?

ไม่ใช่แค่ทิลลีเท่านั้น หลายๆ คนที่มองดูมันต่างก็คิดเช่นนี้ด้วย

จนกระทั่งตู้คอนเทนเนอร์อีกสองตู้ถูกเปิดออก ข้อสงสัยนี้จึงได้รับคำตอบ

ตู้คอนเทนเนอร์ตู้ที่สองบรรจุปีกกับหางเครื่องบินเอาไว้ เมื่อดูจากจำนวนแล้ว มันมีแค่ปีกคู่หนึ่งเท่านั้น ซึ่งไม่เหมือนกับเฮฟเว่นเฟลมที่มีสองคู่ ด้านใต้ปีกมีข้อต่อที่สมมาตรกันอยู่สองแห่ง เห็นได้ชัดว่าเอาไว้ต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่น

ในตู้คอนเทนเทอร์ใบสุดท้ายมีเครื่องยนต์สองเครื่อง

แต่ถ้าบอกว่ามันเป็นแค่เครื่องยนต์ ขนาดของมันก็ดูจะใหญ่ไปเสียหน่อย

เมื่อเทียบกับเฮฟเว่นเฟลมแล้ว มันเหมือนเป็นเครื่องยนต์สำเร็จรูปที่สามารถทำการเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ทิลลีสังเกตมันอย่างละเอียด ก่อนจะเห็นว่าผิวของมันถูกทาสีเป็นสีแดงเหมือนกับตัวเครื่องบิน ด้านบนมีรูสำหรับมองเข้าไปดูในเครื่องยนต์อยู่หลายรู ส่วนรูที่อยู่ใต้เพลามีอาวุธสีดำติดตั้งเอาไว้อยู่

เมื่อคิดถึงเรื่องข้อต่อที่เหลือเอาไว้ตรงปีกเครื่องบิน ภายในหัวเธอก็ค่อยๆ มีหน้าตาคร่าวๆ ของเครื่องบินรุ่นใหม่ปรากฏขึ้นมา

ตัวเครื่องไม่ต้องแบกรับระบบขับเคลื่อน ปีกที่เรียวยาวติดตั้งอยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่อง ทำให้มีแรงต้านลดลง เครื่องยนต์สองเครื่องติดตั้งอยู่ที่ปิดเครื่องบินทั้งสองด้าน ทำให้เพิ่มแรงดันให้เครื่องบินเป็นสองเท่า…

เธออยากจะขึ้นไปขับมันในตอนนี้เลย!

“เออใช่” มอลลี่หยิบเอาจดหมายออกมาจากกระเป๋ากางเกง “นี่เป็นจดหมายที่ฝ่าบาททรงส่งมาพร้อมกับของเพคะ บนจดหมายเขียนว่าต้องให้พระองค์เป็นคนเปิดจดหมายเองเพคะ”

ทิลลีหยิบเอาจดหมายออกมากางอ่าน

‘น้องสาวที่รัก’

‘นี่คือของขวัญที่ข้าสัญญาเอาไว้ หวังว่าเจ้าจะชอบมันนะ’

‘เรื่องรายละเอียดและวิธีการใช้งานอย่างละเอียดของมันอยู่ในคู่มือที่อยู่ในห้องคนขับแล้ว แต่ข้าคิดว่าเจ้าคงจะรีบขึ้นไปขับมันโดยไม่ได้อ่านมันอย่างละเอียด’

‘ถ้ามันขึ้นบินตอนนี้ได้ อย่างนั้นแม้แต่จดหมายฉบับนี้เจ้าก็คงโยนทิ้งไม่อ่านแล้ว นี่จึงเป็นเหตุผลที่ข้าส่งมันไปที่อาณาจักรดอว์น อย่างน้อยในตอนที่คนงานประกอบมัน เจ้าก็จะได้มีเวลาอ่านคู่มือของมัน’

‘เพราะโครงสร้างและความสามารถของมันแตกต่างจากเฮฟเว่นเฟลมโดยสิ้นเชิง ถึงแม้เจ้าจะเป็นอมนุษย์ แต่การทำความเข้าใจมันก่อนที่จะขึ้นบินก็ไม่มีอะไรเสียหาย’

อะไรเนี่ย…ทิลลีมุ่ยปากอย่างเขินๆ ข้ามองออกง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?

“ฝ่าบาทบอกว่าอะไรเหรอเพคะ? ข้าก็อยากอ่านบ้าง…” มอลลีชะโงกหน้าขึ้นมา

เธอรีบหันตัวบังเอาไว้ “แค่กๆ ไม่มีอะไร ไม่ต้องอ่านหรอก”

“เอ๋..”

“อยากกินเครื่องดื่มยุ่งเหยิงไหม?”

“อยาก!”

“ไปเอาที่ห้องทำงานข้าสิ”

ทิลลีชี้บอกทาง มอลลีรีบวิ่งไปยังทิศทางที่เธอชี้อย่างดีใจ

เธอถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันกลับมาอ่านจดหมายอีกครั้ง

‘นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องชื่อของเครื่องบินลำนี้’

‘เดิมข้าอยากจะใช้ชื่อยูนิคอร์นก่อนหน้านี้ แต่มันดูไม่ค่อยเข้ากับสีแดงที่เป็นสีของผู้ปกครองท้องฟ้าเท่าไร ด้วยเหตุนี้ข้าก็เลยเปลี่ยนชื่อให้มันใหม่’

และนั้นก็เป็นชื่อที่ทิลลีไม่เคยได้ยินมาก่อน นี่เป็นชื่อที่โรแลนด์สร้างขึ้นมาใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย

เธอพยายามอ่านมันออกมา

“ฟินิกส์..”

‘ที่โลกของข้า ฟินิกส์คือนกวิเศษชนิดหนึ่ง มันมักจะเกี่ยวข้องกับไฟ ซึ่งเข้ากับสีแดงพอดี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือตำนานบอกว่าฟินิกส์ไม่มีวันตาย ทุกๆ 4,600 วันฟินิกส์จะสร้างรังไหมสีทองขึ้นมา และหลังจากนั้นอีก 4,600 วันมันจะเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง’

‘และนี่คือสิ่งที่ข้าอยากจะบอก ไม่ว่าจะเจอกับศัตรูแบบไหน ข้าก็หวังว่าเจ้าจะรอดกลับมา’

‘เหมือนกับนกฟินิกส์’

‘ข้าจะพาแอสเชสกลับมาให้เจ้า ดังนั้นเจ้าเองก็ต้องรักษาคำสัญญาเหมือนกัน’

‘พวกเราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ใช่ไหมล่ะ?’

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ทิลลีพลันรู้สึกกระบอกตาของตัวเองชื้นขึ้นมา

เธอกะพริบตาแรงๆ เพื่อหยุดไม่ให้น้ำตาไหลออกมา พร้อมกับสูดหายใจลึกๆ

“ฟินิกส์ที่ไม่มีวันตายงั้นเหรอ…” เธอใช้เสียงที่มีแต่ตัวเองที่ได้ยินบ่นพึมพำขึ้นมา “เป็นชื่อที่ไม่เลวนี่ ของขวัญชิ้นนี้ข้าขอรับไว้แล้วกันท่านพี่”

“…องค์หญิง?” องครักษ์งุนงง

“ไม่มีอะไร” ทิลลีโบกมือ “ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน บอกให้พวกเขาประกอบฟิสิกส์ให้เร็วที่สุด ข้าอยากจะลองขับมันแล้ว”

….

หลังจากนั้นสามวัน เครื่องบินลำใหม่ที่ประกอบเสร็จเรียบร้อยก็เคลื่อนตัวออกมาจากโรงจอดเครื่องบิน ก่อนจะค่อยๆ ไถลไปบนรันเวย์

‘โอ้? นี่คือเครื่องบินของพระองค์ที่ว่าเหรอเพคะ? ดูแล้วไม่เลวจริงๆ ด้วย’

ในรูนสดับมีเสียงไลต์นิ่งดังขึ้นมา

ทิลลีเงยหน้าขึ้น เมื่อมองผ่านกระจกฝาครอบออกไป เธอก็มองเห็นนักสำรวจทั้งสองคนบินวนอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน ในฐานะที่เป็นการบินครั้งแรกของฟินิกส์ เธอจึงเรียกตัวไลต์นิ่งกับเมซี่มาเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

ต้องยอมรับเลยว่าการออกแบบภายในเครื่องบินลำนี้ดูดีกว่าภายนอกเสียอีก

ในตอนที่เธอเข้าไปประจำที่นั่งคนขับ เธอพลันเกิดความรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นแค่เครื่องบินรบธรรมดาๆ เท่านั้น อย่างเช่นที่นั่งที่ทั้งหนาและนุ่ม เวลานั่งไปนานๆ ก็ไม่รู้สึกปวดเอวปวดหลัง คันบังคับและปุ่มกดต่างๆ ล้วนแต่ออกแบบมาให้ใช้ได้อย่างสะดวกสบาย แถมยังมีช่องเอาไว้สำหรับใส่รูนสดับโดยเฉพาะด้วย ถึงแม้จะทำการรบอยู่ ก็ยังสามารถพูดคุยกับคนอื่นๆ ที่ถือรูนสดับดูได้อย่างสบายๆ

เมื่อเทียบกับยูนิคอร์นแล้ว มันเหมือนเป็นเครื่องบินที่ออกแบบมาเพื่อเธอโดยเฉพาะจริงๆ

“อีกเดี๋ยวลองมาแข่งกันดูหน่อยไหมว่าใครเร็วกว่า?” ทิลลีตอบยิ้มๆ

‘อย่าเลยเพคะ ก่อนหน้านี้แม้กระทั่งร่างนกนางแอ่นทะเลของเมซี่ เฮฟเว่นเฟลมก็ยังสู้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมาแข่งกันหม่อมฉันเลยเพคะ’ น้ำเสียงของไลต์นิ่งแฝงเอาไว้ความภูมิใจที่ไม่มีการปิดบัง ‘ข้าพูดถูกไหม?’

‘ใช่ แม้แต่ข้าก็ยังสู้ไม่ได้เลยจิ๊บ!’

“ไม่ลองแข่งแล้วจะรู้ได้ยังไง?” ทิลลีเร่งเครื่อง เสียงของเครื่องยนต์ทั้งสองด้านพลันดังขึ้นมากกว่าเดิม เมื่อเทียบกับการเร่งความเร็วที่เชื่องช้าของเฮฟเว่นเฟลมแล้ว ตัวเครื่องของฟินิกส์เบาจนเหมือนกับไม่มีน้ำหนักอย่างไรอย่างนั้น ภาพทิวทัศน์ที่อยู่รอบๆ ถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว เธอแค่ดึงคันบังคับเบาๆ เครื่องบินก็ส่งเสียงคำรามแล้วพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

………………………………………………………..