บรรพชนราตรีนิรันดร์จ้องมองบุรุษชุดขาวตรงหน้า ผ่านการลอบโจมตีเมื่อครู่ เขาก็เข้าใจว่าหากสู้กันตัวต่อตัว เขาก็ไม่สามารถต้าน ‘คนวิถีจิตฟ้า’ ผู้ลึกลับผู้นี้เอาไว้ได้
“น้องรอง” บรรพชนราตรีนิรันดร์เริ่มต้นติดต่อกับ ‘บรรพชนนิจรัตติกาล’ พี่น้องร่วมเป็นร่วมตายของเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านจัดการคนวิถีจิตฟ้าผู้นั้นไม่ได้หรือ ต้องให้ข้าช่วยแล้วหรือ” บรรพชนนิจรัตติกาลถ่ายเสียงพูดเย้ยหยัน แม้จะบอกว่าคนทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตาย ผจญภัยมาด้วยกันตั้งแต่ก่อนหน้าสงครามประเทศโบราณครั้งที่หนึ่งเป็นระยะเวลายาวนาน แต่อุปนิสัยก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่
บรรพชนราตรีนิรันดร์มีความสันโดษกว่าอยู่พอสมควร เคล็ดวิชาลับก็ร้ายกาจกว่า ดูอย่างผิวเผินก็ยังใส่ใจรักษาหน้าตาอยู่ เพียงแค่ถึงช่วงเวลาวิกฤติเท่านั้นจึงจะสามารถฉีกหน้ากากลง จึงจะนับได้ว่าไร้ยางอายพอ ยามปกติทั่วไปก็ยังต้องรักษาหน้าตาเอาไว้
ส่วนบรรพชนนิจรัตติกาลนั้นไม่สนใจหน้าตาโดยสิ้นเชิงเลยจริงๆ! ถึงขนาดที่ทำการ ‘รังแก’ ‘สาป’ และอื่นๆ ต่อผู้อ่อนแออย่างเป็นธรรมชาติราวกับหายใจก็มิปาน
คู่นี้…
วิถีที่เชี่ยวชาญกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ผสานรวมกันขึ้นมาแล้วพลังรบก็แข็งแกร่งอย่างที่สุด
“อย่ามัวเปลืองน้ำลายอยู่เลย เจ้ามาให้เร็วที่สุดเถิด ร่วมมือกันจับเป็นร่างแยกนี้ของคนวิถีจิตฟ้าเอาไว้ให้ได้” บรรพชนราตรีนิรันดร์ถ่ายเสียงเร่งเร้า
“เขาเป็นยอดฝีมือวิถีอากาศ มีร่างแยกมากมาย”
“ขอเพียงแค่จับร่างแยกนี้แล้วผนึกวิญญาณของเขาเอาไว้ให้ได้ ทำให้เขามิอาจฆ่าตัวตายได้ ก็จะสามารถสอดแนมตัวตนของเขาได้อย่างแท้จริงแล้วล่ะ” บรรพชนราตรีนิรันดร์พูด “เจ้ากับข้าร่วมมือกันทำการลอบโจมตีก็ยังพอมีหวังที่จะจับกุมตัวเอาไว้ได้”
“ได้ แต่ว่าจะต้องส่งศิษย์คราวก่อนของท่านที่สู้ร่วมกันกับข้ามาให้เป็นศิษย์ของข้านะ”
“ได้สิ! แต่จะต้องจับกุมตัวมาให้สำเร็จล่ะ”
……
พวกเขาสองคนลอบวางแผนกันอย่างลับๆ แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับยืนอยู่กลางเวหา มองดูบรรพชนราตรีนิรันดร์ที่ยืนประจันหน้ากันอยู่ผู้นั้น “บรรพชนราตรีนิรันดร์ ท่านเป็นถึงหนึ่งในสองบรรพชนของรัฐโบราณบรรพชน จำเป็นจะต้องลงมือกับผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอเหล่านั้นโดยไม่สนใจสถานะด้วยหรือไร”
“ข้าคิดอยากจะทำเช่นไร เจ้าสมควรที่จะตั้งคำถามอย่างนั้นหรือ” บรรพชนราตรีนิรันดร์ยิ้มเย็น
“แน่นอนว่าข้ามีสิทธิ์ที่จะสงสัยอยู่แล้ว ท่านสังหารข้ามิได้ หรือแม้กระทั่งคุกคามข้าไม่ได้เสียด้วยซ้ำ แต่ข้ากลับสามารถคุกคามท่านได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยต่อไป
บรรพชนราตรีนิรันดร์สีหน้าเคร่งขรึม
เป็นถึงประมุขรัฐคนหนึ่ง… แน่นอนว่าต้องมีผู้ใต้บังคับบัญชามากมาย และเขาย่อมไม่สามารถจัดการธุระต่างๆ มากมายก่ายกองได้ด้วยตนเองทั้งหมดอยู่แล้ว ก็จำเป็นต้องให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปจัดการ
ด้วยอุปนิสัยของคนวิถีจิตฟ้าผู้นี้ รังเกียจความชั่วร้ายดุจคู่แค้น ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับมารเลยแม้แต่น้อย และตัวเขา บรรพชนราตรีนิรันดร์ก็มีอุปนิสัยเช่นนี้ เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชากลุ่มใหญ่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่มีนิสัยเป็นมารร้าย ‘คนวิถีจิตฟ้า’ ผู้นี้ก็จะทำการลอบสังหารจริงๆ ยอดฝีมือวิถีอากาศคนหนึ่งทำการลอบสังหาร รัฐโบราณบรรพชนก็ต้องมีเทพจักรวาลตายตกไปเป็นจำนวนมากพอดูเลยทีเดียว
“เจ้าคุกคามข้าอย่างนั้นหรือ” นัยน์ตาของบรรพชนราตรีนิรันดร์มีประกายหนาวเหน็บกะพริบวาบ
“บรรพชนราตรีนิรันดร์ ท่านจำเป็นด้วยหรือไร” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะ “ต้องการจะรวบรวมวิญญาณจริงๆ เชื่อว่าเดิมทีทั่วทั้งรัฐโบราณบรรพชนก็ใหญ่โตเหลือคณาอยู่แล้ว มีนักโทษที่ละเมิดกฎเหล็กของรัฐโบราณมากมาย นักโทษที่ถูกคุมขังเอาไว้เหล่านั้นถูกตัดสินโทษตายไปชุดแล้วชุดเล่า ท่านก็รวบรวมวิญญาณของพวกเขาเอาไว้ ข้าก็ย่อมไม่มีทางไปยุ่งวุ่นวายอยู่แล้วล่ะ”
บรรพชนราตรีนิรันดร์เงียบขรึม
วิญญาณของนักโทษหรือ
แน่นอนว่าเขาย่อมต้องรวบรวมเอาไว้ก่อนแล้ว! ด้วยอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาลของรัฐโบราณ จำนวนที่รวบรวมเอาไว้ก็มิใช่น้อย แต่เมื่อเทียบกับความต้องการของ ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ แล้วก็ยังห่างกันมากมายเหลือเกิน
การเก็บรวบรวมครั้งใหญ่จำนวนนับล้านล้านจึงจะได้มาอย่างรวดเร็วกว่า!
“สิ่งที่เจ้าพูดมา…” บรรพชนราตรีนิรันดร์ขมวดหัวคิ้วเล็กน้อย “แม้จะมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ว่า…”
เอ่ยวาจายังมิทันจบ
ปัง! ปัง!
พลานุภาพอันน่าหวาดหวั่นสองขุม
ด้านหนึ่งคือรัศมีอันระยิบระยับจับตาไร้ที่สิ้นสุด ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือความมืดมืดที่ชวนให้คนใจสั่น
ความมืดมิดและรัศมีก็มีความสุดยอดราวกับฟ้าดินก็มิปาน
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกเพียงว่าโลกบริเวณรอบๆ เคลื่อนหมุน เคลื่อนหมุนอย่างต่อเนื่อง วิญญาณของตนก็ยังรู้สึกวิงเวียนอยู่บ้างภายใต้ ‘การเคลื่อนหมุน’ เช่นนี้ แต่ร่างเดิมของเขาเองก็เป็นยอดฝีมือเขตลวงโลกเทียมระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีโลหิตหัวใจมารดามังกรหมื่นสัมผัสหยดหนึ่งผสานรวมเข้าไปอีกด้วย วิญญาณแกร่งกล้าเพียงพอก็ยังสามารถรักษาสติอันแจ่มชัดที่เป็นพื้นฐานเอาไว้ได้
“เป็นการลอบโจมตี” ความคิดในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงวูบไหว
พรึ่บ
ร่างแยกร่างนี้กระจายตัวหายไปอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียงราวกับฝุ่นผงก็มิปาน หายไประหว่างฟ้าดิน ไม่เหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย
“อะไรกันนี่”
บุรุษผ้าคลุมดำอีกคนหนึ่งก็ค้นพบแล้ว ด้านบนผ้าคลุมของเขาดำสนิททั้งผืน สามารถมองเห็นลวดลายสีแดงโลหิตมากมายได้อย่างรางๆ เขาก็คือบรรพชนนิจรัตติกาลนั่นเอง
บรรพชนราตรีนิรันดร์และบรรพชนนิจรัตติกาล
“พ่ายแพ้เสียแล้วหรือ” บรรพชนนิจรัตติกาลส่ายศีรษะเบาๆ “คนวิถีจิตฟ้าผู้นี้วิญญาณแข็งแกร่งน่าดู ถึงกับสามารถรักษาสติอันแจ่มชัดเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ สามารถสลายร่างแยกนี้ไปได้ในทันทีเลยทีเดียว”
เพียงแค่มึนงงไปชั่วขณะเท่านั้นเอง
รอให้สติแจ่มชัดยิ่งกว่านี้ วิญญาณก็ต้องถูกผนึกแล้ว! ถึงแม้ว่าจะมีเคล็ดวิชาลับที่ซ่อนเร้นกลิ่นอายบางอย่างอยู่ แต่เมื่อถึงเวลาบรรพชนราตรีนิรันดร์และบรรพชนนิจรัตติกาลต่างก็สามารถให้พละกำลังแทรกผ่านเข้าสู่วิญญาณได้โดยตรง แล้วค้นพบกลิ่นอายวิญญาณที่แท้จริงของ ‘คนวิถีจิตฟ้า’ ได้อย่างง่ายดาย! แล้วอาศัยสิ่งนี้ค้นพบตัวตนของคนวิถีจิตฟ้า
เหตุใดคนวิถีจิตฟ้าจึงได้โอหังเช่นนี้ สามารถทำให้เหล่ามารทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาสิ้นไร้หนทางเช่นนี้ได้เล่า
ก็เป็นเพราะว่าตัวตนของเขายังคงเก็บเป็นความลับ ไม่มีจุดอ่อนให้ตามได้อย่างไรเล่า!
“คราวนี้ล้มเหลวเสียแล้ว คราวหน้าก็ยิ่งไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลยน่ะสิ” บรรพชนราตรีนิรันดร์ทั้งโมโหทั้งจนใจ
พรึ่บ
บุรุษชุดขาวคนหนึ่งเดินออกมาจากความว่างเปล่า
“บรรพชนทั้งสองร่วมมือกันจัดการข้า ข้า คนวิถีจิตฟ้าช่างหน้าใหญ่เสียจริงเชียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางหัวเราะฮ่าๆ ในเมื่อเขาเป็นผู้เริ่ม ‘กระตุ้น’ ยืนหยัดขึ้นมา! ก็ย่อมไม่มีทางไม่ระมัดระวังอยู่แล้ว!
ถึงแม้ว่าร่างแยกทั้งเก้าผสานรวมกับดอกบัวเพลิงห้วงอากาศ เขาก็ย่อมมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าเขายืนหยัดขึ้นมาก็เป็นเป้าหมายเสียแล้ว!
ใครจะไปรู้ว่าบรรพชนราตรีนิรันดร์จะมีกลเม็ดอย่างไรบ้าง อย่างเช่นร่วมมือกับบุคคลผู้ไร้เทียมทานสองสามคนทำการล้อมจับ หรืออย่างเช่น ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ ที่ร้ายกาจยิ่งกว่าผู้นั้นมาร่วมวงด้วยก็เป็นได้มิใช่หรือ
เขามิอาจพ่ายแพ้ได้!
ตอนนี้เขาไม่อยากเปิดเผยตัวตนเลย
ดังนั้นจึงได้ส่งแค่ร่างแยกธรรมดาๆ มาร่างหนึ่ง มิได้พกพาสมบัติล้ำค่าใดๆ มาด้วยเลย
ร่างแยกของเขามีเกินกว่าหมื่นร่าง ร่างแยกธรรมดาๆ ร่างหนึ่งมา สลายตัวไปแล้วก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลย
“สองท่านหรือ ยังต้องการจะจัดการข้าอยู่หรืออย่างไร” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองบรรพชนราตรีนิรันดร์และบรรพชนนิจรัตติกาลที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็แย้มยิ้มน้อยๆ พรึ่บ ร่างแยกนี้ของเขาสลายตัวไปอีกครั้ง
จากนั้น…
ก็มีบุรุษชุดขาวคนหนึ่งเดินออกมาจากความว่างเปล่าอีก
“เป็นถึงผู้บำเพ็ญวิถีอากาศระดับสุดยอด มีร่างแยกมากมายนัก สลายไปร่างหนึ่งก็มีมาอีกร่างหนึ่ง ไม่จบไม่สิ้นหรอก! ความเร็วในการสลายตัวของข้ายังสู้ความเร็วในการบำเพ็ญร่างแยกของข้ามิได้เลย” ร่างแยกที่ปรากฏขึ้นใหม่ของตงป๋อเสวี่ยอิงร่างนี้ยิ้มตาหยีมองบรรพชนนิจรัตติกาลและบรรพชนราตรีนิรันดร์ที่อยู่ตรงหน้า
บรรพชนราตรีนิรันดร์และบรรพชนนิจรัตติกาลประสานสายตากันคราหนึ่ง
คนวิถีจิตฟ้าผู้นี้…
ไม่เหมือนกับขั้นสุดยอดธรรมดาทั่วไป เขาเป็นขั้นสุดยอดทางด้านวิถีอากาศ! ร่างแยกมากมายเหลือเกิน! พวกเขาคิดจะจับเป็นแล้วผนึกเอาไว้อย่างนั้นหรือ แต่วิญญาณของอีกฝ่ายดูเหมือนจะแกร่งกล้าเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้การร่วมมือลอบโจมตีอย่างสุดกำลังของพวกเขาก็ยังไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้เลย พวกเขาสองคนก็ยิ่งหมดหนทางแล้ว
“สวบ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ที่นั่น แล้วด้านข้างก็มีบุรุษชุดขาวเดินออกมาจากความว่างเปล่าอีกคนหนึ่ง หยิบเอาสุราไหหนึ่งออกมาแล้วเงยหน้าดื่มสุรา
สีหน้าของบรรพชนราตรีนิรันดร์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในทันใด
สุราไหนี้…
อยู่ภายใน ‘เมืองราตรีนิรันดร์’ แห่งรัฐโบราณบรรพชน เมื่อสักครู่นี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงได้ส่งร่างแยกร่างหนึ่งสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาแฝงตัวเข้าไปยังห้องเงียบที่บรรพชนราตรีนิรันดร์ใช้บำเพ็ญตามปกติ แล้วคว้าเอาสุรามาไหหนึ่ง ก่อนจะมายังที่แห่งนี้ในทันที
“ข้าจะสังหารมารจำนวนหนึ่งในรัฐโบราณบรรพชนก็เป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสองคนต่างก็ถือจอกสุราขึ้นดื่มพลางเอ่ยว่า “แน่นอนว่าข้าย่อมมิได้มีเจตนาจะเป็นอริกับท่านบรรพชนทั้งสองเลย ข้าก็แค่นึกอยากจะช่วยเหลือผู้บำเพ็ญอ่อนแอที่น่าสงสารเหล่านั้นก็เท่านั้นเอง ท่านบรรพชนทั้งสองก็ช่วยมีความกรุณา มีจิตเมตตา ให้หนทางรอดแก่พวกเขาสักทางหนึ่งเถิด การรวบรวมวิญญาณหรือ ก็ยังมีหนทางอื่นอยู่ ก็แค่สิ้นเปลืองเวลาสักหน่อยก็ใช้ได้แล้วนี่”
บรรพชนนิจรัตติกาลและบรรพชนราตรีนิรันดร์ประสานสายตากัน
ในใจทั้งเดือดดาลทั้งจนใจ
นี่ก็คือเหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทาน เผชิญหน้ากับความจนใจของเหล่าพญามารผู้ไร้เทียมทานบนดินแดนจิตโลกาบางคน บรรดาพญามารผู้ไร้เทียมทานเหล่านั้นต่างก็หยิ่งทระนงกันเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดที่กล้าไปก่อให้เกิดภัยพิบัติในหกรัฐโบราณกันเป็นประจำ!
เพื่ออะไรน่ะหรือ
ก็เพราะเหล่าพญามารผู้ไร้เทียมทาน อาศัยการที่บุคคลผู้ไร้เทียมทานก็ยังฆ่าพวกเขาไม่ตาย และการที่บุคคลผู้ไร้เทียมทานมีภารกิจในมือมากมาย ย่อมไม่กล้าฉีกหน้าพวกเขาอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ ‘คนวิถีจิตฟ้า’ผู้นี้เป้นปฏิปักษ์ต่อเหล่าพญามารผู้ไร้เทียมทาน เขานึกอยากจะช่วยเหลือผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอเหล่านั้น ว่ากันตามจริงแล้วเขาก็มีความคล้ายคลึงกันกับเจ้าเมืองอนันต์เป็นอย่างยิ่ง! เจ้าเมืองอนันต์ก็กำลังปกปักรักษา รักษาความเป็นระเบียบของดินแดนจิตโลกา รักษาให้ผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนเพิ่มจำนวนกันตามปกติ แต่เห็นได้ชัดว่า ‘ความเป็นระเบียบ’ ในสายตาของเจ้าเมืองอนันต์นั้นกินพื้นที่กว้างใหญ่กว่า แม้ว่าเมืองสักแห่งหนึ่งจะถูกสังหารหมู่ก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ต้องการจะรักษาความเป็นระเบียบในความคิดของเขาเช่นเดียวกัน!
ความเป็นความตาย การต่อสู้ และการตกต่ำของการบำเพ็ญตามปกตินั้นเขาก็ย่อมไม่ใส่ใจอยู่แล้ว
แต่การสังหารหมู่นับล้านล้านชีวิตนั้น…ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวอย่างแน่นอน!
“ทำอย่างไรดีเล่า” บรรพชนนิจรัตติกาลถ่ายเสียงพูดกับบรรพชนราตรีนิรันดร์ “ราตรีนิรันดร์ พวกเรายังไม่รู้ความเป็นมาของคนวิถีจิตฟ้าผู้นี้อย่างแน่ชัด คุกคามเขาไม่ได้หรอก สำหรับการรวบรวมวิญญาณ ก่อนหน้านี้ท่านก็คงจะรวบรวมอย่างเงียบๆ มาเนิ่นนานมากแล้วกระมัง”
“รวบรวมมากว่าร้อยล้านปีแล้วล่ะ ข้าก็ระมัดระวังมากแล้วนะ แค่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ก็ยังถูกค้นพบเข้าเสียแล้ว” บรรพชนราตรีนิรันดร์ถ่ายเสียงพูด
“ท่านรวมรวมมากว่าร้อยล้านปีเพิ่งจะถูกค้นพบ เช่นนั้นก็รับปากเขาไปชั่วคราว แอบรวบรวมอย่างเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นไปก่อนก็แล้วกัน! แม้กระทั่งยามที่รวบรวมก็ต้องพยายามอย่างสุดกำลังอย่าให้คนวิถีจิตฟ้าผู้นี้ค้นพบได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับท่าน” บรรพชนนิจรัตติกาลถ่ายเสียงพูด “ขอเพียงแค่ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เจียมเนื้อเจียมตัวมากขึ้นสักหน่อย…คนวิถีจิตฟ้าผู้นี้อยากจะค้นให้พบก็มิได้ง่ายดายถึงเพียงนั้นแล้วล่ะ”
“ก็คงได้แต่เป็นเช่นนี้แล้วสินะ” บรรพชนราตรีนิรันดร์เอ่ยพึมพำ
ในใจเขาก็รู้สึกเศร้า แต่กลับจนใจไม่รู้จะทำเช่นไรได้
เผชิญหน้ากับผู้แกร่งกล้าที่ไร้ซึ่งความกังวลแม้แต่น้อยพรรค์นี้ จะฆ่าก็ฆ่าไม่ตาย อีกทั้งยังมีร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วจะทำเช่นไรได้เล่า
“วางใจเถิด เขาไม่สามารถรักษาตัวตนเอาไว้เป็นความลับอย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้ได้ตลอดไปหรอก ในท้ายที่สุดก็ต้องเปิดเผยตัวตนอยู่ดี” บรรพชนนิจรัตติกาลถ่ายเสียงพูด “ตอนนี้พวกเราก็อดทนกันไปก่อน รอให้ถึงเวลาที่เขาเปิดเผยตัวตน แล้วค่อยเอาคืนจากเขา! ไม่เพียงแค่พวกเราเท่านั้น เหล่ามารจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกทำให้ตื่นตระหนก เมื่อถึงเวลาก็จะต้องเอาคืนอย่างหนักหน่วงอยู่แล้ว รอให้ถึงวันที่ตัวตนของเขาเปิดเผย เขาก็จะได้เข้าใจว่าเหตุใดแต่ไหนแต่ไรที่ดินแดนจิตโลกาจึงไม่เคยมีผู้ใดกล้าทำเช่นนี้มาก่อนเลย”
“อืม” บรรพชนราตรีนิรันดร์พยักหน้า “ก็ทนเอาหน่อยแล้วกัน”
บำเพ็ญมาอย่างยาวนานไร้ที่สิ้นสุด พวกเขาก็มีความอดทนกันเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันที่คนวิถีจิตฟ้าเปิดเผยตัวตนวันนั้น
……………………………