แท้จริงแล้วชายหนุ่มคนนี้ถูกพิษที่ร้ายแรงมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือผ่านการวิ่งหนีแบบสุดชีวิตครั้งนี้แล้ว พิษยิ่งแผ่ซ่านไปทั่วกายรุนแรงมากขึ้นไปอีก แทบจะถึงหัวใจแล้ว หากไม่รีบรักษา ไม่นานเขาก็จะเป็นแค่ไร้ร่างวิญญาณ 

 

 

หลินหันเยียนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของนาง จึงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “คุณหนู ยุ่งยากมากหรือเจ้าคะ” 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้า กล่าวตอบตามความจริงว่า “ถูกพิษ หากไม่รักษาให้ทันเวลา กลัวว่าจะอันตรายถึงชีวิต” 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ป้องปากตัวเองด้วยความตกใจ ก็ว่า นางแค่ผลักเบาๆ ครั้งหนึ่ง เหตุใดชายหนุ่มคนนี้จึงล้มลงไปบนพื้นได้ แท้จริงคือถูกพิษ แต่ดูจากภายนอกแล้ว ก็ไม่มีอาการถูกพิษแต่อย่างใด 

 

 

ไตร่ตรองสักพัก หวงฝู่สือเมิ่งจึงเอ่ยว่า “พาเขากลับโรงเตี๊ยม ดูว่าท่านแม่ของข้ามีวิธีหรือไม่” 

 

 

“คุณหนู นี่…จะนำปัญหามาให้พวกเราหรือไม่เจ้าคะ” หลินหันเยียนเตือนอย่างอ้อมค้อม 

 

 

ฐานะของพวกเขาทั้งหกคนนั้นพิเศษ แม้จะอยู่ในรัฐหมิง แต่ก็ไม่สามารถแสดงฐานะออกมาได้ง่ายๆ ไม่เยี่ยงนั้นในช่วงเวลาที่พิเศษแบบนี้อาจสร้างปัญหาใหญ่หลวงขึ้นมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือดูฐานะของชายหนุ่มคนนี้แล้วก็ไม่ธรรมดา หากเวลานี้พวกนางพาเขากลับไป ใช่ว่าจะมีผลดีอะไร 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งก็รู้ผลดีและผลเสียนี้ดี แต่ความวู่วามเมื่อครู่ของตนนั้น ช่วยชีวิตเขาไว้แล้ว หากตอนนี้จะให้วางมือแล้วไม่สนใจไยดีอะไร ก็ทำไม่ลง กัดริมฝีปาก แล้วกล่าวว่า “ข้ากลับไปอธิบายให้ท่านพ่อท่านแม่เอง เราคิดวิธีกลับโรงเตี๊ยมกันก่อนเถิด” 

 

 

หวงฝู่เฮ่าก้มตัวลง “พี่ใหญ่ ข้าแบกเขาเอง” 

 

 

หวงฝู่เฮ่าอายุยังน้อย แม้ว่าจะเรียนวิชาต่อสู้มาแล้วแต่ก็ยังคงเป็นเด็ก หวงฝู่สือเมิ่งรู้สึกปวดใจเล็กน้อย ทนให้เขาแบกไม่ได้ กวาดสายตาไปรอบๆ ผู้คนที่มองมาด้วยความแปลกใจหนึ่งรอบแล้ว ชี้ไปที่ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง ส่งสายตาให้หลินหันเยียนไปถามว่าเขาสามารถนำคนไปส่งที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ พวกเขาให้ครึ่งตำลึง 

 

 

ถนนที่ครึกครื้นนั้นไม่ไกลมากจากโรงเตี๊ยม ห่างกันแค่สองตรอกซอย ทันทีที่ชายรูปร่างสูงใหญ่ได้ยินคำพูดของหลินหันเยียนก็เดินเข้ามาด้วยความดีใจทันที ไม่พูดจาอะไร แบกชายหนุ่มขึ้นมาแล้วเดินไปข้างหน้าทันที 

 

 

“เฮ่าเอ๋อร์ เจ้าไปดูข้างหน้า คนที่ไล่ตามเขาไปไกลหรือยัง” หวงฝู่สือเมิ่งสั่ง 

 

 

หวงฝู่เฮ่ารีบวิ่งไปข้างหน้าทันที 

 

 

จิตใต้สำนึกของหลินหันเยียนอยากจะยกขาตามไป แต่ก็คิดได้ว่าหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่เข้าใจภาษาของรัฐหมิง จึงหยุดเท้าของตัวเอง แล้วตามหลังทั้งสองติดๆ และเงยหน้ามองไปข้างหน้าด้วยความร้อนใจหลายครั้ง กลัวว่าหวงฝู่เฮ่าจะหายไปจากสายตาของทุกคน 

 

 

กลับโรงเตี๊ยมด้วยความตกใจแต่ไม่เป็นอันตราย 

 

 

เถ้าแก่เห็นว่ามีคนตามพวกนางกลับมาเพิ่มสองคน ก็คิดในใจ แล้วเงยหน้ามองพินิจพิเคราะห์ชายรูปร่างสูงใหญ่และชายหนุ่มที่อยู่บนหลังเขา ชายรูปร่างสูงใหญ่นั้นเห็นชัดเจน เป็นคนรัฐหมิง แต่ชายหนุ่มที่อยู่บนหลังเขานั้นถูกหวงฝู่สื่อเมิ่งใช้ผ้าที่ฉีกขาดปิดใบหน้าไว้ จึงมองไม่ชัด เห็นเพียงเสื้อผ้าที่แสดงออกมาด้านนอก เป็นเสื้อผ้าที่คนชนชั้นสูงของรัฐหมิงเท่านั้นที่จะมีใส่ 

 

 

สั่งชายรูปร่างสูงใหญ่ให้มาถึงหน้าห้องของหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวบนชั้นสอง แล้วเคาะประตูห้องเบาๆ  

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็เพิ่งกลับมาถึง ได้ยินเสียงเคาะประตู ก็สบตากันด้วยความแปลกใจ หวงฝู่อี้เซวียนเดินไป เปิดประตู เห็นสถานการณ์หน้าห้อง หยุดชะงักไป 

 

 

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ให้พวกข้าเข้าไปกันก่อน มีอะไรเดี๋ยวข้าจะอธิบายอย่างละเอียดให้พวกท่านฟัง” หน้าประตูถูกชายรูปร่างสูงใหญ่บังไว้ หวงฝู่สือเมิ่งจึงได้แต่พูดจากด้านหลังเขา 

 

 

ฟังออกว่าเป็นเสียงของนาง หวงฝู่อี้เซวียนจึงหลีกทาง ชายรูปร่างสูงใหญ่จึงแบกชายหนุ่มเข้าไปในห้อง แล้ววางลงบนเตียงอย่าง ยกแขนเสื้อขึ้น แล้วเช็ดเหงื่อที่ออกมาบนหน้าผาก หันหลัง มองไปทางหวงฝู่สือเมิ่ง 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งหยิบตั๋วเงินออกมาครึ่งตำลึงให้เขา 

 

 

ชายรูปร่างสูงใหญ่รับมาด้วยความดีใจ ใส่เข้าไปในอก แล้วเดินก้าวขายาวออกไปทันที 

 

 

หลินหันเยียนเรียกเขาไว้ แล้วกำชับว่า “เรื่องวันนี้ เจ้าอย่าพูดให้ผู้ใดฟังเป็นอันขาด จะได้ไม่สร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นให้กับตัวเอง” 

 

 

ชายรูปร่างสูงใหญ่พยักหน้า กล่าวตอบพึมพำว่า “ข้ารู้แล้ว แม่นางวางใจเถิด ข้าไม่พูดออกไปแน่นอน” 

 

 

หลินหันเยียนพยักหน้า “ขอบใจมาก” 

 

 

ชายรูปร่างสูงใหญ่โบกมือ แล้วเดินออกไป 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปทางหวงฝู่สือเมิ่ง 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งไม่ได้อธิบาย แต่กลับเอ่ยก่อนว่า “ท่านแม่ ชายหนุ่มคนนี้ถูกพิษ ท่านดูสิว่า สามารถถอนพิษให้เขาได้หรือไม่” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกมา แล้ววางลงบนชีพจรของชายหนุ่ม คิ้วก็เหมือนกับหวงฝู่สื่อเมิ่งเมื่อครู่ ขมวดคิ้วขึ้นมา “พิษที่เขาถูกร้ายแรงมาก ต้องรีบแก้พิษทันที ไม่เยี่ยงนั้นจะอันตรายถึงชีวิต” 

 

 

พูดจบ ก็ลุกขึ้น หยิบกระเป๋าตัวเองมา เปิดออก แล้วหยิบชุดเข็มเงินในนั้นออกมา ส่งสายตาให้หวงฝู่สือเมิ่งยกเก้าอี้มาหนึ่งตัว วางลงบนนั้น แล้วเงยหน้าขึ้น กล่าวกับหวงฝู่อี้เซวียนว่า “ข้าพูดเจ้าเขียน เขียนสูตรยาสำหรับแก้พิษหนึ่งสูตร ให้เสี่ยวเอ้อร์ไปช่วยซื้อยามา” 

 

 

หลินหันเยียนหันหลังไปเอาพู่กันและหมึกมาทันที 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มฝังเข็มให้ชายหนุ่มแล้ว ทันทีที่ฝังเข็มลงไป ก็เริ่มมีไอดำลอยขึ้นมาทันที ไม่นานแม้แต่เข็มเงินก็กลายเป็นสีดำทันที 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งกัดริมฝีปาก หวงฝู่เย่าเย่ว์และหวงฝู่เฮ่าตกใจจนตาโต ในใจของหลินหันเยียนก็เหมือนดั่งคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง นางรู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวมีฝีมือการรักษาโรค แต่ไม่คิดว่าฝีมือนางจะเก่งกาจเยี่ยงนี้ แม้แต่แก้พิษก็ทำได้ 

 

 

ฝังเข็มเสร็จแล้ว บนหน้าอกของชายหนุ่มเริ่มมีไอดำมากมายมารวมกัน เหมือนกับว่าไอดำทุกส่วนถูกบังคับให้มารวมกันที่จุดนี้ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยสูตรยาหนึ่งสูตร หวงฝู่อี้เซวียนรีบเขียนทันที แล้วส่งให้หลินหันเยียน 

 

 

หลินหันเยียนรับมาแล้วลงไปหาเสี่ยวเอ้อร์ที่ชั้นล่าง 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งพูดเหตุการณ์ทั้งหมดออกมา มองเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความกังวล “ท่านแม่ ข้าทำผิดใช่หรือไม่” 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งไม่เคยทำเรื่องวู่วามเยี่ยงนี้ มองดูชายหนุ่มที่หลับตาแน่น สลบไม่ฟื้นอยู่บนเตียง แล้วมองลูกสาวคนโตของตัวเอง ก็ถอนหายใจในใจเบาๆ ยื่นมือออกมา ลูบศีรษะนาง กล่าวกับนางด้วยรอยยิ้มว่า “ช่วยคนหนึ่งชีวิตยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น เจ้าทำได้ดีมาก” 

 

 

ได้รับคำชม แต่หวงฝู่สือเมิ่งก็ไม่ได้ยิ้มออกมา 

 

 

แต่หวงฝู่เย่าเย่ว์ที่เสื้อผ้าถูกทำลายกลับอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย “เสื้อผ้าใหม่ของข้าถูกเขาทำลายเยี่ยงนี้ หลังจากเขาฟื้นขึ้นมาข้าจะให้เขาชดใช้ให้ข้าแน่นอน ไม่เยี่ยงนั้น เขาอย่าคิดจะออกจากโรงเตี๊ยมเป็นอันขาด” 

 

 

ฟังคำพูดที่ปัญญาอ่อนของลูกสาวแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหัวไปมาอย่างจนใจ ทั้งๆ ที่ทั้งสองก็ออกมาจากท้องของตัวเองเหมือนกัน เวลาก็ไม่ได้ห่างกันมาก เหตุใดนิสัย ความคิดจึงแตกต่างกันเยี่ยงนี้ คนหนึ่งไม่ทำให้ทุกคนกังวลใจแม้แต่น้อย อีกคนทำให้ทุกคนปวดหัวแทบตาย 

 

 

ผ่านไปครึ่งชั่วนาม ไอดำบนหน้าอกของชายหนุ่มค่อยๆ หายไป เมิ่งเชี่ยนโยวดึงเข็มออกมาทั้งหมด เก็บทุกอย่างเข้าไปในชุดเข็มเงิน แล้วใส่เข้าไปในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง ตอนออกจากจวน นางตั้งใจนำชุดเข็มเงินนี้มาด้วย เพราะกลัวว่าหวงฝู่เย่าเย่ว์จะถูกวางยาพิษ จะได้แก้พิษให้นาง แต่ไม่คิดว่าจะได้ใช้บนตัวชายหนุ่มคนนี้ 

 

 

ชายหนุ่มคร่ำครวญเบาๆ แล้วค่อยๆ ลืมตา ทันทีที่เห็นว่ามีผู้คนมากมายในห้อง ก็หยุดชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานก็กวาดสายตาไปรอบๆ เห็นว่าในท่ามกลางผู้คนมีหวงฝู่สือเมิ่งอยู่ ก็โล่งอกทันที แล้วแสดงรอยยิ้มที่อ่อนแรงให้กับนาง 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวเห็นทุกอย่างพร้อมกัน ก็ไม่สบายใจขึ้นมาทันที ออกเสียง “หึ” ออกมาพร้อมกัน 

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหยุดชะงักไป เงยหน้าแล้วมองมา 

 

 

“เจ้าถูกพิษ แล้วยังถูกคนไล่ฆ่า ลูกสาวของข้าจิตใจดีช่วยชีวิตเจ้ากลับมา นางแค่จิตใจดี เจ้าอย่ามีความคิดอื่นใด” หวงฝู่อี้เซวียนออกเสียงตักเตือน ราวกับไม่เห็นใบหน้าที่ขาวซีดของเขา 

 

 

สีหน้าของชายหนุ่มหยุดชะงักไป ไม่นานบนใบหน้าขาวซีดก็เริ่มแดงขึ้นมาทันที 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็เริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ว่า “มองฐานะของเจ้า ดูดีมีสง่าราศี พวกข้าช่วยเจ้าไว้ ก็ไม่ได้ต้องการให้เจ้าตอบแทน สามีข้าพูดถูก เจ้าอย่ามีความคิดไม่ดีใดๆ ทั้งสิ้น ไม่เยี่ยงนั้นพวกข้าก็จะไม่เกรงใจกับเจ้า” 

 

 

สีหน้าแดงบนใบหน้าของชายหนุ่มหายไป มองสามีภรรยาคู่นี้ด้วยความตกใจ อาจเป็นเพราะไม่เคยได้ยินคำพูดตรงๆ แบบนี้มาก่อน 

 

 

มองสายตาที่ใสบริสุทธิ์คู่นั้นของเขา เหมือนมีความสามารถเฉพาะตัวในการดึงดูดผู้คน หวงฝู่อี้เซวียนทนไม่ไหว “หึ” ออกมาอีกครั้ง สั่งหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีว่า “พวกเจ้าสองคนกลับไปที่ห้องของตัวเอง หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามเข้ามาเป็นอันขาด” 

 

 

คำพูดของเขาและเมิ่งเชี่ยนโยว หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ได้ยินอย่างชัดเจน นิสัยของหวงฝู่เย่าเย่ว์นั้นไม่อินังขังขอบ ไม่ได้ใส่ใจอะไร คิดอย่างไร้เดียงสาว่าหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวนั้นแค่ตักเตือนชายหนุ่มเท่านั้น เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งตอนที่อยู่ในเมืองหลวง แต่หวงฝู่สือเมิ่งกลับหน้าแดง หลังจากตอบรับเบาๆ ก็หันหลังเดินออกไปทันที 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์รีบตามหลังออกมาทันที 

 

 

สายตาของชายหนุ่มนั้นมองตามหลังทั้งสองอย่างไม่รู้ตัว 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนยิ่งไม่สบายใจมากขึ้นไปอีก จ้องหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาแข็งกร้าว จับมือเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วก็จับมือหวงฝู่เฮ่าเดินออกไปทันที เดินไปด้วยสั่งหลินหันเยียนไปด้วย “ไปเรียกเสี่ยวเอ้อร์ขึ้นมาช่วยดูแลเขา จะเพิ่มตั๋วเงินให้ต่างหาก” 

 

 

ชายหนุ่มตกใจอีกครั้ง รอจนตอนที่รู้สึกตัวขึ้นมา ในห้องก็ไม่มีผู้คนแล้ว เหลือเพียงเขาคนเดียว 

 

 

วันนี้ช่วยซื้อม้า ได้ผลตอบแทนไม่น้อย เสี่ยวเอ้อร์จึงไปช่วยซื้อยากลับมาอย่างขยันขันแข็ง ต้มเสร็จแล้วยกขึ้นมาให้ด้วยตัวเอง พยุงชายหนุ่มขึ้นมา แล้วให้เขาดื่มลงไป 

 

 

หลินหันเยียนนำคำพูดของหวงฝู่อี้เชวียนพูดให้เขาฟัง แล้วบอกเขาตรงๆ ว่าจะให้วันละหลายสิบอีแปะ 

 

 

เสี่ยวเอ้อร์ไม่กล้าตกลง จึงลงไปขอคำแนะนำจากเถ้าแก่ 

 

 

ปกติมีแขกในโรงเตี๊ยมไม่สบาย ก็มีเสี่ยวเอ้อร์ช่วยเหลือ ตอนนี้แค่ให้เสี่ยวเอ้อร์แบ่งเวลาออกมาช่วยดูแล ยังได้ตั๋วเงิน เถ้าแก่ก็ตกลงทันทีด้วยความยินดี และก็ถามพวกเขาว่าจะเปิดห้องพักที่ดีที่สุดอีกห้องหรือไม่ 

 

 

เจ็ดคน ห้องพักสามห้องไม่พอแน่นอน หลินหันเยียนพยักหน้า 

 

 

เถ้าแก่ยิ่งดีใจมากขึ้นไปอีก แม้แต่ท่าทางก็ยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้นไปอีก 

 

 

จัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลินหันเยียนก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง 

 

 

หนึ่งวันผ่านไป สงบไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

 

 

วันที่สอง ยังคงมีข่าวคราวสู้รบของทั้งสองรัฐออกมาเรื่อยๆ เทียบกับการสู้รบเมื่อวานแล้ว วันนี้รุนแรงมากกว่าเดิม ได้ยินว่าเสียงฆ่าฟันกันนั้นดังมากกว่าเดิมครึ่งวันเต็ม ๆ ศพทหารของทั้งสองฝั่งนั้นรวมกันเป็นภูเขาเล็กๆ แล้ว 

 

 

สงครามในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่องค์ชายใหญ่ที่มีดวงตาแดงก่ำ ฉู่เหวินเจี๋ย ท่านอ๋องฉีและเมิ่งชิงก็ตาแดงก่ำ 

 

 

เป็นอีกครั้งที่เสมอกัน จึงตีฆ้องให้ทหารถอยทัพ