ข่าวคราวเกี่ยวกับการสู้รบของทั้งสองรัฐมีออกมาเป็นระลอกๆ หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่นิ่งต่อไปไม่ได้แล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวยกพู่กันขึ้นมาเขียนชื่อยาบางอย่าง แล้วยื่นให้เสี่ยวเอ้อร์ ให้เขาช่วยไปซื้อมา
ชายหนุ่มบาดเจ็บ เสี่ยวเอ้อร์เป็นผู้ดูแลตลอดเวลา เขาคิดว่าครั้งนี้ก็ไปซื้อยาให้ชายหนุ่ม จึงไม่พูดพร่ำทำเพลง นำรายชื่อยาแล้วไปซื้อยากลับมาอย่างรวดเร็ว แต่ว่ายาพวกนี้ให้เสี่ยวเอ้อร์ในร้านยาบดเป็นผงทั้งหมด ตามคำสั่งของเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา กลับไปที่ห้องตัวเอง เปิดถุงยาออก แล้วดมอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็นำส่วนผสมที่มีสัดส่วนไม่เหมือนกันมาทำเป็นยาสลบ ใช้กระดาษห่อไว้ แล้วแจกให้ทุกคน และกล่าวกับเด็กทั้งสามคนและหลินหันเยียนด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เหตุที่ท่านแม่ทัพฉู่เปิดศึกสู้รบเยี่ยงนี้กับองค์ชายใหญ่ คาดว่าเป็นเพราะไม่ได้รับข่าวคราวของพวกเราเสียที จึงร้อนใจ อยากจะรีบทำลายรัฐอิง เพื่อตามหาพวกเรา ฉะนั้น พวกเรารอต่อไปไม่ได้แล้ว เช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าวิธีใด พวกเราก็ต้องผ่านชายแดนรัฐหมิงไปให้ได้ แล้วกลับไปที่รัฐอู่ ในนี้เป็นยาสลบ พวกเจ้าเก็บไว้ให้ดี หากพรุ่งนี้ต้องเผชิญหน้าจริงๆ ก็โยนออกไปได้เลย แต่จงจำไว้ เป้าหมายของเราคือกลับรัฐอู่ ไม่ใช่ฆ่าคน”
ทั้งสี่คนพยักหน้าตอบรับ รับยามา แล้วเก็บไว้ให้ดี ต่างคนต่างกลับไปในห้องเก็บสัมภาระของตัวเอง เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางในเวลาเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้
ยังเก็บไม่เสร็จ ชั้นล่างก็มีเสียงดังขึ้นมา “เถ้าแก่ โรงเตี๊ยมของพวกเจ้ามีคนที่บาดเจ็บมาพักหรือไม่”
เถ้าแก่กะพริบตา แล้วเดินออกมาจากข้างในโต๊ะจ่ายเงิน ก้มตัวทำความเคารพด้วยรอยยิ้ม “นายทหาร ดูท่านเอ่ยเข้า ที่นี่คือโรงเตี๊ยม ไม่ใช่โรงหมอ จะมีคนบาดเจ็บมาพักที่นี่ได้อย่างไร”
ทหารดันตัวเขาออก น้ำเสียงเริ่มดุดันขึ้นมา “อย่าพูดมาก ข้าไปสืบมาแล้ว โรงเตี๊ยมของเจ้ามีกลิ่นยาลอยออกไปทุกวัน มิใช่ว่ามีคนบาดเจ็บหรือ”
ในใจของเถ้าแก่กระตุกไปหนึ่งครั้ง รีบกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นายทหาร มีกลิ่นยาลอยออกไปจากโรงเตี๊ยมของข้านั้นเป็นเรื่องจริง เพราะว่ามีเสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่งไม่สบาย มิใช่ว่ามีคนบาดเจ็บมาพักที่โรงเตี๊ยมอย่างที่ท่านเอ่ยแต่อย่างใด”
“มีหรือไม่มี ให้พวกข้าค้นก็จบแล้ว เจ้าจะพูดมากอะไร” นายทหารดันตัวเขาออกอีกครั้งด้วยความหงุดหงิด ยกขาแล้วเดินไปชั้นบนทันที
“โธ่ นายทหาร นายทหาร” เถ้าแก่รีบขวางหน้าเขาทันที “ชั้นบนเป็นที่พักที่ดีที่สุด มีแขกผู้หญิงมากมายพักอยู่ หากท่านอยากจะค้น ให้ข้าไปบอกกล่าวก่อนได้หรือไม่ จะได้ไม่ทำให้แขกตื่นตกใจ ไม่เยี่ยงนั้นต่อไปก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาพักในโรงเตี๊ยมของข้าอีก”
นายทหารจะฟังคำพูดของเขาได้อย่างไร ยื่นมือผลักตัวเขาออก ในขณะที่เถ้าแก่อยากจะเข้าใกล้อีกครั้งนายทหารชี้จมูกของเขาแล้วเอ่ยว่า “ข้าพูดด้วยดีๆ แล้วแต่เจ้าอย่ามารนหาที่ วันนี้ข้าได้รับคำสั่งมา หากเจ้ายังกล้าขัดขวางอีก ข้าจะให้คนจับตัวเจ้าเข้าเรือนจำทันที เจ้าเชื่อหรือไม่”
เถ้าแก่ไม่กล้าขยับอีก เหงื่อบนหน้าผากไหลลงมาเรื่อยๆ เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปทางห้องพักที่เรียงกันสี่ห้องของหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยว ในใจนั้นรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่เห็นแก่ค่าที่พักของพวกเขา แล้วให้ชายหนุ่มบาดเจ็บที่ถูกแบกเข้ามาคนนั้นพักที่โรงเตี๊ยม
หลังจากที่นายทหารเอ่ยจบ ก็เดินก้าวขายาวขึ้นไปชั้นบนทันที ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้ากังวลใจของเถ้าแก่
ทหารทุกนายมาถึงชั้นสอง ก็เริ่มเคาะประตูทีละห้อง แล้วตะโกน
หวงฝู่อี้เซวียนและทั้งห้าคนเดินออกมา
นายทหารก้าวออกมา แล้วมองพินิจพิเคราะห์พวกเขาทุกคนอย่างละเอียด พอเห็นสองใบหน้าที่เหมือนกันและงดงามมากของหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์แล้ว ก็แสดงสีหน้าตะลึงออกมาทันที
สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนเริ่มไม่ค่อยดี กำมือที่ไขว้หลังอยู่ไว้แน่น เมิ่งเชี่ยนโยวก็มีสายตาอยากฆ่าคนขึ้นมาแวบหนึ่ง
ยังดีที่นายทหารก็แค่ทำสีหน้าตะลึง ไม่ได้มีการกระทำอื่นๆ ตะคอกถามว่า “พวกเจ้าเป็นคนรัฐอู่หรือ”
หลินหันเยียนยิ้มแล้วกล่าวว่า “ใช่ นายทหาร ครอบครัวเรามาเที่ยวที่รัฐหมิง ใครจะรู้ว่าจะถูกติดค้างให้อยู่ที่นี่พอดี ก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับเมื่อใด”
ตั้งแต่ฮ่องเต้คนใหม่ของรัฐอู่ขึ้นครองราชย์ ก็กระทำเรื่องต่างๆ ออกมาเรื่อยๆ ส่งเสริมการผลิต ฝึกทหารองครักษ์ ลดภาษี ภายในเวลาสั้นๆ หลายปีนี้ บ้านเมืองรัฐอู่เจริญรุ่งเรือง กำลังทหารเข้มแข็ง รัฐรอบๆ ไม่สามารถเทียบได้เลย เหตุฉะนั้นรัฐรอบๆ ก็เกิดความยำเกรงและการป้องกันต่อรัฐอู่ขึ้นมา รวมถึงการสู้รบกับรัฐอิงในครั้งนี้ เมื่อวานได้ยินว่า เกือบจะทำลายชายแดนของรัฐอิงได้แล้ว ในเวลาสำคัญแบบนี้ นายทหารไม่กล้าใช้คำพูดและสีหน้าที่รุนแรงต่อคนพวกนี้จริงๆ จึงใช้น้ำเสียงที่อ่อนลง กล่าวถามว่า “มีเพียงพวกเจ้าหกคนหรือ”
“ใช่ นี่เป็นพี่รองของข้า พี่สะใภ้รองและหลานสาวสองคน ส่วนนี่เป็นลูกชายของข้า” หลินหันเยียนแนะนำทีละคน
นายทหารดูทุกคนอีกหนึ่งรอบ แล้วเก็บสายตา “เปิดประตูออก ข้าจะเข้าไปตรวจสอบในห้องด้วยตัวเอง”
ฟังจบประโยคนี้ ใจของเถ้าแก่ก็ขึ้นมาอยู่ตรงที่คอทันที ไม่เพียงแต่หยาดเหงื่อบนหน้าผากที่ยิ่งอยู่ยิ่งไหลเร็วขึ้นเรื่อยๆ ขาก็เริ่มสั่น คร่ำครวญในใจว่า จบแล้ว จบแล้ว ครั้งนี้จบสิ้นแล้วจริงๆ
หลินหันเยียนตอบรับ หันหลัง เปิดประตูห้องพักที่ดีที่สุดทั้งสี่ห้องออก ให้นายทหารตรวจสอบ
นายทหารที่นำหน้าโบกมือ ทหารที่อยู่ด้านหลังก็ไปห้องอื่นๆ ทันที นายทหารที่นำหน้าเดินเข้าไปในห้องที่ชายหนุ่มรักษาตัวอยู่พอดี
สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนและทั้งห้าคนนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
เถ้าแก่เดินขาสั่นตามเข้าไป เมื่อเห็นว่าในห้องไม่มีผู้ใด ก็ตาโตอย่างเหลือเชื่อทันที มองซ้ายมองขวา สุดท้ายมองไปที่ใต้เตียง จ้องมองตรงๆ ไม่ละสายตา
นายทหารที่นำหน้ากวาดสายตาไปที่เครื่องเรือนทุกอย่างในห้องหนึ่งรอบ มองครั้งเดียวก็เห็นได้ชัด ว่าไม่มีที่ที่สามารถซ่อนตัวได้เลย
ก้าวขายาวมาที่หน้าเตียง ก้มตัวลง จะเปิดผ้าปูที่นอนขึ้น มือกำลังจะโดนผ้าปูที่นอน
“นายทหาร” เถ้าแก่ตะโกนเสียงดังออกมา
นายทหารที่นำหน้าตกใจทันที หันหลังกลับไป แล้วจ้องเขาด้วยความโมโห
เถ้าแก่คิดว่าคนนั้นซ่อนอยู่ใต้เตียง เห็นว่านายทหารจะเปิดผ้าปูที่นอนออก ก็ตกใจกลัวมาก จึงร้องออกมาตามสัญชาตญาณ เห็นนายทหารหันกลับมาจ้องเขาด้วยความโมโห จึงจะรู้สึกตัวขึ้นมา ตกใจจนสั่น กลืนน้ำลายด้วยความกังวล กล่าวติดอ่างว่า “คือ คือ คือว่า นายทหาร ไม่ต้องค้นใต้เตียงหรอกขอรับ เสี่ยวเอ้อร์ของข้าไม่สบายหลายวัน ไม่มีเวลาทำความสะอาด สกปรกมาก”
เห็นสีหน้าผิดปรกติของเขา นายทหารยิ้มมุมปาก เถ้าแก่ยังไม่ทันรู้สึกตัว หันหลัง แล้วเปิดผ้าปูที่นอนขึ้นทันที
เหมือนเห็นภาพตัวเองถูกจับตัวเข้าเรือนจำ เถ้าแก่แขนขาอ่อนแรงขึ้นมาทันที ตุ้บ ล้มลงบนพื้น
เปิดผ้าปูที่นอนขึ้น ใต้เตียงสะอาดสะอ้าน อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่ใยแมงมุมก็ไม่มี
นายทหารวางผ้าปูที่นอนลง ลุกขึ้นยืน ขมวดคิ้วแล้วหันกลับไปมองเถ้าแก่ แล้วไปที่ข้างเตียงอีกตัว
ไม่มี…ไม่มีจริงๆ ตัวเองไม่ต้องเข้าเรือนจำแล้ว เถ้าแก่มีแรงขึ้นมาทันที อยากจะลุกขึ้นจากบนพื้น
ใต้เตียงของอีกเตียงก็สะอาดสะอ้าน ไม่มีอะไร
นายทหารลุกขึ้นยืน สงสัย ตอนที่เขาเดินเข้ามา ทั้งๆ ที่ได้กลิ่นยา แม้ว่ากลิ่นจะไม่แรง แต่มีจริงๆ แต่หกคนด้านนอกนั้น เมื่อครู่เขาดูอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีคนบาดเจ็บ
หันกลับไป มองไปทางเถ้าแก่ ความสงสัยในใจยิ่งมากขึ้นไปอีก ทั้งๆ ที่เถ้าแก่นี้มีท่าทางร้อนตัวเป็นอย่างมาก ต้องมีคนทานยาแน่นอน แต่เพราะเหตุใดจึงหาตัวไม่พบ
ขมวดคิ้ว คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก
ก็ยังไม่มี รอดตัวไป เถ้าแก่แทบจะดีใจจนน้ำตาไหล รีบลุกขึ้นมาจากบนพื้น กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นายทหาร ท่านดูสิ ข้าบอกแล้วว่าไม่มี ท่านก็ไม่เชื่อ”
เห็นท่าทางที่แตกต่างกับเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคนของเขาแล้ว นายทหารกะพริบตา อ้าปาก อยากจะกล่าวถามเพิ่มเติม แต่ทันใดนั้นก็คิดอะไรออก กลืนคำพูดที่จะเอ่ยลงไป ตบไหล่ของเถ้าแก่แรงๆ หลายครั้ง แล้วเดินก้าวขายาวออกไป
เถ้าแก่เดินตามหลังออกมาอย่างมีความสุข
ทหารที่ค้นอีกสามห้องก็ออกมา ต่างบอกว่าไม่มีอะไร
“ห้องที่เหลือก็ค้นให้หมด”
ทหารทุกคนรับคำสั่ง “ขอรับ” แล้วแยกย้ายกันไป
ในห้องนี้ไม่มี ห้องอื่นก็ยิ่งไม่มี เถ้าแก่ก็ไม่ร้อนตัวอีก ขาก็ไม่สั่นแล้ว มองดูทหารทุกคนค้นห้องพักที่มีแขกและไม่มีแขกทุกห้อง แล้วกลับมารายงานว่าไม่พบอะไรเลยอย่างสบายใจ
“เถ้าแก่ คนที่พวกข้าตามหานั้นเป็นผู้ร้ายที่สำคัญของราชสำนัก หากรู้เห็นเป็นใจ หรือซ่อนตัวผู้ร้าย แล้วถูกพวกข้าตรวจสอบเจอ เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร” นายทหารที่นำหน้าพูดเหมือนตักเตือนและขมขู่
สีหน้ามีความสุขบนใบหน้าของเถ้าแก่หยุดชะงักไป
นายทหารที่นำหน้ามองเขาด้วยสายตาที่มีความหมายแฝงอยู่ ไม่พูดจาอะไร หันหลัง นำคนลงไปชั้นล่าง ออกจากโรงเตี๊ยม แล้วไปค้นหาที่อื่น
เห็นเหล่าทหารหายไปจากหน้าประตู เถ้าแก่ถอนหายใจออกมาแรงๆ หนึ่งครั้ง ยกแขนเสื้อขึ้น เช็ดเหงื่อที่ออกมาอีกครั้งเพราะตกใจในคำพูดของนายทหาร กล่าวถามว่า “พวกท่าน พวกท่านว่า…”
“เถ้าแก่วางใจเถิด ไม่ทำให้เจ้าเดือดร้อนแน่นอน พรุ่งนี้เช้าตรู่พวกข้าทั้งครอบครัวก็จะไปทันที รวมทั้งคนที่พวกข้าพากลับมาด้วย” หลินหันเยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่จบประโยคของนาง ใจของเถ้าแก่ก็กลับมาอยู่ที่เดิม แม้ว่าพวกเขาไปแล้ว ตัวเองจะไม่ได้ค่าที่พัก แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับตัวเอง ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับโรงเตี๊ยม จึงพยักหน้า “ก็ดี แต่ยาของคืนนี้…”
“ไม่ต้องต้มแล้ว อย่าสร้างปัญหาให้เถ้าแก่”
เถ้าแก่ยิ้มแล้วยกมือขึ้นขอบคุณ “ขอบคุณแม่นางที่เข้าใจ ข้าก็ไม่มีวิธีอื่นจริงๆ เพราะว่าพวกข้าทั้งครอบครัวยังต้องพึ่งโรงเตี๊ยมนี้เพื่อทำมาหากินจริงๆ”
“พวกข้ารู้ จะไม่สร้างปัญหาให้เถ้าแก่เป็นอันขาด”
“ถ้าเยี่ยงนั้นก็ดี ถ้าเยี่ยงนั้นก็ดี ก็หวังว่าทุกท่านจะไม่คิดมาก ต่อไปถ้ามารัฐหมิงอีก ก็มาพักที่โรงเตี๊ยมข้าอีก”
“แน่นอน เถ้าแก่วางใจเถิด”
เถ้าแก่พยักหน้า แล้วเดินลงบันไดไป
หวงฝู่อี้เซวียนที่เข้ามาให้ห้องก็รีบเดินไปที่ข้างหน้าต่างทันที เปิดหน้าต่างที่ถูกปิดไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วดึงชายหนุ่มที่ถูกผ้ายาวมัดตัวไว้ แล้วถูกแขวนไว้ข้างนอกเข้ามา
อากาศเย็นมาก เวลานี้ชายหนุ่มนั้นหนาวจนสีหน้าขาวซีด ริมฝีปากซีดสั่นไปหมดแล้ว
หลังจากที่หวงฝู่อี้เซวียนดึงเขาขึ้นมาแล้ว วางลงบนเตียง ยื่นมือไปเอาผ้าห่มห่มลงบนตัวของเขา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหนาวหรือตกใจ ร่างกายของชายหนุ่มสั่นเล็กน้อย
หวงฝู่สือเมิ่งไปเทน้ำหนึ่งแก้วที่ข้างโต๊ะมาแล้วยื่นให้หวงฝู่เฮ่า ส่งสายตาให้เขายกไปให้ชายหนุ่มคนนั้น
ชายหนุ่มมือสั่นแล้วรับมา ค่อยๆ ดื่มลงไป ร่างกายเริ่มอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย สีหน้าเริ่มแดงขึ้น ริมฝีปากก็ไม่สั่นแล้ว กล่าวออกเสียงเบาๆ ว่า “ขอบคุณ”