หลังจากกล่าวจบ โทรศัพท์ก็เชื่อมต่อ จางจื่อเจี้ยนกล่าวด้วยความนอบน้อมว่า “ลุงหวาง ผมเอง ผมคือจื่อเจี้ยน เรื่องราวเป็นแบบนี้ ผมกับเพื่อนนักเรียนมาร้องเพลงที่ KTV ของคุณลุง และพบปัญหาเล็กน้อย รบกวนคุณลุงส่งคนมาจัดการให้ด้วย!”

“โอเค โอเค ขอบคุณลุงหวาง วันหลังถ้ามีเวลาว่าง เชิญคุณลุงมาดื่มเหล้ากับพ่อของผมที่บ้าน!”

หลังจากวางสาย จางจื่อเจี้ยนจ้องมองชายหนุ่มคนนั้นด้วยความลำพองใจ “แกรอก่อน อีกสักครู่ ก็จะมีคนมาจัดการแก!”

ชายหนุ่มแสดงสีหน้าไม่เกรงกลัว และกล่าวเยาะเย้ยว่า “ตกลง ฉันจะคอยดูว่าใครกันแน่ที่จะถูกจัดการ!”

จางจื่อเจี้ยนตะโกนเสียงดังไปทางเพื่อนนักเรียน “เพื่อนนักเรียนทุกคนไม่ต้องกังวล ฉันโทรไปหาเถ้าแก่ของที่นี่แล้ว อีกสักครู่เขาจะส่งคนมาช่วยพวกเราแก้ปัญหา เมื่อถึงเวลานั้น ไอ้คนจองหองพวกนี้จะไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้!”

สุนัขรับใช้สองคนที่อยู่ข้างจางจื่อเจี้ยน กล่าวด้วยความลำพองใจกับพวกเพื่อนนักเรียนว่า “ทุกคนวางใจเถอะ คิดว่าทุกคนน่ารู้พลังอำนาจของคุณชายจางในอำเภอเฟิ่งซาน ขอเพียงแค่เขาช่วยเหลือ หลินเหมิงเหมิงต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน!”

เพื่อนนักเรียนรู้สึกสับสนและทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ถึงแม้จำนวนของพวกเขาจะมาก แต่พวกเขาล้วนเป็นนักเรียนที่ไม่เคยเห็นโลกกว้าง เมื่อพบเจอเรื่องแบบนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร

ตอนนี้จางจื่อเจี้ยนออกหน้าแทน เขาจึงกลายเป็นผู้นำของพวกเขาทันที

“เยี่ยมมาก โชคดีที่ครั้งนี้มีจางจื่อเจี้ยนอยู่ด้วย มิเช่นนั้น ทุกคนก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี!”

“ใช่ ต้องขอบคุณ จางจื่อเจี้ยน!”

ถานชิวเซิงมองจางจื่อเจี้ยนที่ลำพองใจ ด้วยความไม่พอใจ หันไปมองเฉินโม่และกล่าวด้วยความโมโหว่า “จะปล่อยให้เขาเสแสร้งแบบนี้ต่อไปเหรอ?”

เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ขอเพียงแค่เขาสามารถช่วยหลินเหมิงเหมิงได้สำเร็จ ก็ปล่อยให้เขาเสแสร้งต่อไปเถอะ ไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาใหม่เพิ่มเติม”

ไม่ใช่ว่าเฉินโม่ไม่อยากลงมือ แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจคนธรรมดาเหล่านี้ คนที่บำเพ็ญมาเป็นเวลาหกร้อยปี อยู่ดี ๆ จะให้เขาฆ่าคนธรรมดาที่เหมือนมดเหล่านี้ แล้วการบำเพ็ญจะมีประโยชน์อะไรล่ะ

ดังนั้นสิ่งที่เฉินโม่ปฏิบัติตามมาโดยตลอดก็คือ ถ้าไม่จำเป็นต้องลงมือ เขาก็จะไม่ลงมือ แต่ถ้ามีคนกระตุ้นต่อมโมโหของเฉินโม่ เฉินโม่ย่อมไม่ไว้หน้าอย่างแน่นอน

หลังจากนั้นไม่นาน มีเสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดิน ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ เดินมาพร้อมกับชายหนุ่มสวมชุดสูทสีดำสี่คน

“ใครคือจางจื่อเจี้ยน!” ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำถาม

“ฮ่า ๆ คนของลุงหวางมาถึงแล้ว แกรอก่อนเถอะ!” จางจื่อเจี้ยนมองชายหนุ่มคนนั้นด้วยท่าทางดุร้าย แล้ววิ่งไปหาคนเหล่านั้น

“ผม ผมคือจางจื่อเจี้ยน ลุงหวางให้พวกคุณมาที่นี่ใช่ไหม? ต้องรบกวนพวกคุณแล้ว!” ขณะที่จางจื่อเจี้ยนกำลังพูด ก็ส่งบุหรี่ให้พวกเขา

ชายวัยกลางคนเหลือบมองจางจื่อเจี้ยนด้วยความชื่นชม และพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลว คุณเป็นคนไม่เลว บอกมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

จางจื่อเจี้ยนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น และแน่นอนว่าเขาบรรยายชายหนุ่มที่อยู่ในห้องเป็นปีศาจที่โหดเหี้ยม ฉุดคร่าผู้หญิงกลางวันแสก ๆ ไม่ต่างอะไรไปจากโจร

หลังจากชายวัยกลางคนฟังจบ เขาก็ด่าว่า “เชี่ย! กล้ามาสร้างปัญหาในพื้นที่ที่ผมดูแลอยู่ คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วใช่ไหม!”

หลังจากกล่าวจบ เขาโยนก้นบุหรี่ลงบนพื้น แล้วใช้เท้าขยี้ก้นบุหรี่ พาชายหนุ่มสี่คนไป และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไป ไปดูว่าใครที่กล้ามาสร้างปัญหาในพื้นที่ของผม!”

จางจื่อเจี้ยนรีบประจบสอพลอ และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชาย ผมจะนำทางให้คุณ!”

เมื่อเห็นท่าทางที่ดุร้ายของคนเหล่านี้แล้ว พวกเพื่อนนักเรียนหลีกทางทันที ยืนอยู่ทั้งสองฝั่งและไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ

ขณะที่จางจื่อเจี้ยนเดินผ่านเฉินโม่ เขามองเฉินโม่ด้วยความลำพองใจ ราวกับกำลังโอ้อวดกับเฉินโม่

ถานชิวเซิงด่าเบา ๆ “มีอะไรน่าโอ้อวดล่ะ”