“เหมิงเหมิง!” ผู้หญิงคนที่มารายงานข่าว อุทานด้วยความตกใจ
หลินเหมิงเหมิงรู้สึกดีใจมาก และกำลังจะพูด แต่เมื่อเธอเห็นชายหนุ่มชุดขาวที่นั่งบนโซฟาหันมามอง เธอตกใจกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร
ฮู่เชียนเสวี่นเดินไปอยู่ข้างชายหนุ่มชุดขาว โค้งคำนับและกล่าวว่า “คุณชายหลิ่ว ผมพาคนพวกนี้มาแล้ว คุณคิดจะลงโทษพวกเขาอย่างไร?”
ถานชิวเซิงและคนอื่น ๆ ตกใจกลัวจนพูดไม่ออก มองชายหนุ่มคนนั้นด้วยความหวาดกลัว
ท่านฮู่แห่งหลานไห่เป็นคนระดับไหน นึกไม่ถึงว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้ เขาจะแสดงความเคารพขนาดนี้!
ชายหนุ่มคนนี้คือใครกันแน่?
ไม่ว่านักเรียนเหล่านี้จะคิดอย่างหนักเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถคิดออกว่าคุณชายหลิ่วคนนี้ มีประวัติความเป็นมาอย่างไร?
คุณชายหลิ่วมองนักเรียนเหล่านี้ และกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “พวกคุณอยากช่วยเธอใช่ไหม?”
ไม่มีเพื่อนนักเรียนคนไหนกล้าตอบ เพราะพวกเขาตะลึงกับทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้ว
ถานชิวเซิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยืนขึ้น และพยักหน้าด้วยระมัดระวัง “ใช่ เธอเป็นเพื่อนนักเรียนของพวกเรา และพวกเราไม่สามารถเพิกเฉยได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ หลินเหมิงเหมิงที่ขดตัวอยู่บนโซฟา น้ำตาคลอเบ้าตาทันที ราวกับว่าเธอเห็นญาติของตนเอง เห็นได้ชัดว่าเมื่อสักครู่เธอตกใจกลัวมาก
คุณชายหลิ่วเขย่าไวน์แดงที่อยู่ในแก้ว แล้วกล่าวแปลก ๆ “เมื่อเทียบไวน์แดงนี้กับไวน์ที่บ้านผมบ่มแล้ว รสชาติต่างกันมาก ถุย!”
คุณชายหลิ่ววางแก้วบนโต๊ะสีดำที่ตรงหน้า มองถานชิวเซิงด้วยความสนใจและกล่าวว่า “คุณรู้หรือไม่ว่าเพื่อนนักเรียนของคุณด่าและทุบตีผม และยังบอกว่าจะหาคนมาทำให้ผมพิการด้วย?”
นี่มัน……
ถานชิวเซิงและเพื่อนนักเรียนหลายคน หันไปมองผู้หญิงที่มารายงานข่าว
ตอนที่เธอกลับมารายงานข่าว เธอบอกว่าหลินเหมิงเหมิงถูกลวนลามก่อน หลังจากนั้นก็ถูกจับตัวไป เธอไม่ได้บอกว่าหลินเหมิงเหมิงด่าคนอื่น แล้วยังข่มขู่คนอื่นอีกด้วย
ผู้หญิงคนนั้นถูกเพื่อนนักเรียนจ้องมอง เธอก้มหน้าด้วยความอับอาย
“มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรปิดบังทุกคน เป็นความผิดของพวกเราเอง พวกเราไม่ควรด่าคนอื่น!”
ตอนนี้เท่ากับเธอยอมรับแล้ว
ความจริงแล้ว ความขัดแย้งครั้งนี้ เป็นความผิดของหลินเหมิงเหมิง เพราะหลินเหมิงเหมิงอาศัยว่าตนเองเป็นคนหน้าตาดี เกิดความลำพองใจ มักจะดูถูกคนอื่น แต่ผลลัพธ์คือคราวนี้เธอเจอของแข็งเข้าแล้ว!
ผู้หญิงแบบนี้ไม่คุ้มที่จะช่วย เธอควรได้รับบทเรียนบ้าง แต่อย่างไรเสีย ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนนักเรียน ซึ่งพวกเขาไม่สามารถทิ้งหลินเหมิงเหมิงไว้คนเดียวได้
และตอนนี้หลินเหมิงเหมิงตกใจกลัวมาก ถือว่าเธอถูกลงโทษแล้ว
ถานชิวเซิงแอบด่าหลินเหมิงเหมิงว่าเป็นคนโง่ แต่เขาก็กัดฟันและกล่าวว่า “ขอโทษด้วย มันเป็นความผิดของพวกเรา แต่คุณดูสิ ตอนนี้หลินเหมิงเหมิงตกใจกลัวมาก ถือว่าเธอถูกลงโทษแล้ว หวังว่าคุณจะให้อภัย ปล่อยเธอไปเถอะ!”
คุณชายหลิ่วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ปล่อยเธอไป? เธอเป็นคนแรกที่กล้าด่าผมหลิ่วจื่อเฉิง คุณคิดว่าผมจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ เหรอ?”
“พวกคุณกลับไปกันเถอะ เมื่อผมมีความสุขแล้ว ผมก็จะปล่อยเธอไปเอง!” ใบหน้าของหลิ่วจื่อเฉิงเย็นชา และมองหลินเหมิงเหมิงด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ
หลินเหมิงเหมิงรู้สึกหวาดกลัวมาก และตะโกนด้วยความตื่นตระหนก “อย่า อย่าทิ้งฉัน ถานชิวเซิง ช่วยฉันด้วย!”
หลิ่วจื่อเฉิงหัวเราะเสียงดัง “กลัวแล้วเหรอ? กลัวตอนนี้ มันสายเกินไปแล้ว!”
เพื่อนนักเรียนหญิงที่มารายงานข่าวร้องไห้ด้วยความขมขื่น เธอขอร้อถานชิวเซิง “ถานชิวเซิง ขอร้องนายได้โปรดช่วยเหมิงเหมิงด้วยเถอะ ถ้าพวกเราจากไป เธอ เธอ….. ”
หญิงสาวไม่ได้พูดคำพูดที่เหลือออกมา แต่ทุกคนรู้ดี หากสาวสวยตกอยู่ในมือของลูกเศรษฐี แล้วจะมีจุดจบที่ดีได้อย่างไร?
เพื่อนนักเรียนชายคนหนึ่งที่แอบรักหลินเหมิงเหมิง ไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไร ดูเหมือนจะถูกเรื่องราวของวีรบุรุษช่วยสาวงามล้างสมองไปแล้ว เขาชี้หลิ่วจื่อเฉิงแล้วตะโกนด่า “รีบปล่อยเพื่อนนักเรียนของผมซะ มิเช่นนั้น ผมจะแจ้งตำรวจทันที ผมไม่เชื่อหรอกว่าโลกนี้จะไม่มีกฎหมาย!”
จางจื่อเจี้ยนมองผู้ชายคนนั้นด้วยความเหยียดหยาม และด่าว่า “เจ้าโง่!”