ถานชิวเซิงขมวดคิ้วและมองผู้ชายคนนั้นเช่นกัน และแอบด่าว่า “เจ้าหมอนี้ สมองมีปัญหาหรือเปล่า? ตอนนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับการปรึกษาหารือแล้ว!”
และแน่นอนว่าสีหน้าของหลิ่วจื่อเฉิงเคร่งขรึมทันที ท่านฮู่ที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วทันที แต่ก่อนที่เขาจะหันกลับมา พี่หาวก็ตะโกนด่าผู้ชายคนนั้น “เจ้าโง่ แกกล้าข่มขู่คุณชายหลิ่ว แกเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?”
ผู้ชายคนนั้นเหลือบมองท่าทางที่น่าสงสารของหลินเหมิงเหมิง แล้วเขาเกิดความกล้าหาญทันที และกล่าวอย่างมีเหตุผลและเต็มไปด้วยความชอบธรรมว่า “ผมไม่ได้ข่มขู่เขา และเขากำลังจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคล ซึ่งมันผิดกฎหมาย!”
“ถ้าพวกคุณไม่อยากติดคุก ก็รีบปล่อยเพื่อนนักเรียนของผมซะ!”
ตอนนี้ แม้แต่ถานชิวเซิงก็ทนไม่ไหวแล้ว และตำหนิเขาว่า “เอาล่ะ หยุดพูดเถอะ!”
หลิ่วจื่อเฉิงหัวเราะเสียงดังทันที มองกลุ่มนักเรียนและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเป็นคนแรกที่กล้าข่มขู่ผม”
“ฮู่เชียนเสวี่น คุณจัดการตามที่เห็นสมควรเถอะ!”
ฮู่เชียนเสวี่นมองนักเรียนชายคนนั้นเหมือนกับมองคนโง่เขลา และกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “รนหาความตาย!”
หลังจากกล่าวจบ ฮู่เชียนเสวี่นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และโทรออก ยังไม่ถึงหนึ่งนาที ชายหนุ่มสวมชุดดำกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาล้อมนักเรียนพวกนี้เอาไว้
เมื่อเห็นว่ากำลังจะเกิดการต่อสู้ นักเรียนพวกนี้ตกใจกลัวจนอึ้ง พวกเขารวมตัวกัน แล้วมองท่านฮู่ด้วยความหวาดกลัว
จางจื่อเจี้ยนและคนอื่น ๆ ก็ถูกล้อมเช่นกัน เขาตกใจและตะโกนทันที “อย่า ท่านฮู่ พวกเราไม่ได้ล่วงเกินคุณชายหลิ่ว! พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้ จะไปเดี๋ยวนี้เลย!”
ฮู่เชียนเสวี่นเหลือบมองเขาด้วยความเย็นชา และกล่าวเยาะเย้ยว่า “เมื่อสักครู่คุณชายหลิ่วให้พวกคุณไป แต่พวกคุณไม่ไป ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว วันนี้พวกคุณไม่มีใครออกไปจากที่นี่ได้!”
“อย่า! คุณชายหลิ่ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา พวกเราแค่มาเที่ยวเท่านั้น ไม่ได้ล่วงเกินคุณชายหลิ่ว คุณชายหลิ่วได้โปรดตรวจสอบให้ชัดเจนด้วย!” จางจื่อเจี้ยนตกใจจนหน้าขาวซีด และแอบด่าผู้ชายคนนั้นอยู่ในใจ
เดิมทีพฤติกรรมของจางจื่อเจี้ยนนั้น ทำให้เพื่อนนักเรียนดูถูกเหยียดหยาม แต่ตอนนี้ทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นจึงไม่มีใครตำหนิจางจื่อเจี้ยน!
ถานชิวเซิงอดไม่ได้ที่จะด่าว่า “คนถ่อย!”
คราวนี้จางจื่อเจี้ยนโต้กลับด้วยความมั่นใจ “หลินเหมิงเหมิงเป็นคนทำผิดเอง แล้วทำไมพวกเราต้องซวยกับเธอด้วย? พวกนายอยากเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม แต่ฉันไม่อยากตายไปพร้อมกับพวกนาย!”
“พี่หาว คุณช่วยขอร้องท่านฮู่ ให้เขาปล่อยผมไปเถอะ!”
พี่หาวไม่สนใจความเป็นความตายของจางจื่อเจี้ยน กล่าวด้วยความเย็นชา “หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ไม่ได้ยินสิ่งที่ท่านฮู่พูดเมื่อสักครู่นี้เหรอ? พวกคุณไม่มีใครออกไปจากที่นี่ได้!”
เมื่อจางจื่อเจี้ยนได้ยินเช่นนั้น แทบจะร้องไห้ออกมา และเริ่มด่าแช่งเหมือนผู้หญิงปากร้าย “หวางเซิ่งลี่ มันเป็นความผิดของคนโง่อย่างนาย นายทำให้ฉันเดือดร้อนไปด้วย!”
“ทุกคนหุบปาก!” ฮู่เชียนเสวี่นทนจางจื่อเจี้ยนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขาตะโกนเสียงดัง จากนั้นมองหลิ่วจื่อเฉิงแล้วถามว่า “คุณชายหลิ่ว คุณคิดจะจัดการคนเหล่านี้อย่างไร? แต่อย่างไรเสีย พวกเขาล้วนเป็นนักศึกษา แค่สั่งสอนพวกเขาก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
หลิ่วจื่อเฉิงกล่าวด้วยความเกียจคร้าน “โอเค งั้นก็ทุบตีทุกคน จากนั้นให้พวกเขาคุกเข่าก้มกราบขอโทษ เรื่องนี้ก็ถือว่าจบกันไป!”
ทุบตีทุกคน จากนั้นคุกเข่าก้มกราบขอโทษ เรื่องนี้ก็ถือว่าจบกันไป!
บุคคลนี้คิดว่าตนเองเป็นจักรพรรดิเหรอ?
แม้แต่สวีจื่อหาวที่เป็นคนที่นิสัยสุขุมเยือกเย็นที่สุด ก็อดไม่ได้ที่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“อย่า! คุณชายหลิ่ว ผมเป็นผู้บริสุทธิ์!” จางจื่อเจี้ยนตกใจมาก และรีบร้องขอความเมตตา
หลิ่วจื่อเฉิงโบกมือและกล่าวว่า “อุดปากพวกเขาก่อน น่ารำคาญ!”
“ครับ!” ฮู่เชียนเสวี่นพยักหน้าด้วยความเคารพ จากนั้นตะโกนใส่ลูกน้องเหล่านั้น “ได้ยินคำพูดของคุณชายหลิ่วแล้วใช่ไหม? อุดปากพวกเขาซะ!”
“ครับ!” ลูกน้องเหล่านั้นเริ่มดำเนินการทันที ซึ่งทำให้กลุ่มนักเรียนตะโกนด้วยความตกใจ
ถานชิวเซิงมองเฉินโม่ “เฉินโม่ หยุดเฝ้ามองได้แล้ว ตอนนี้มีเพียงนายเท่านั้นที่สามารถช่วยทุกคนได้”