ในวังหลินอ๋อง ทุกคนมารวมตัวกันโดยมีจวินเสี่ยนนั่งอยู่ตรงที่นั่งหลัก ทั้งสองข้างของห้องโถงมีคนมากมายมารวมตัวกัน บางคนนั่ง บางคนยืน ใบหน้าประหม่าตื่นเต้นของทุกคนมีความคาดหวังปนอยู่ด้วย ท่ามกลางเสียงเอะอะอึกทึก สายตาของพวกเขาเอาแต่มองไปที่ประตูราวกับกำลังรอคอยการมาถึงของใครบางคน
จวินเสี่ยนพยายามรักษาท่าทางสงบนิ่งเอาไว้ แม้ว่าเขาจะหันหน้าไปถามจวินชิงครั้งแล้วครั้งเล่าว่า “คนที่อยู่นอกประตูเมืองเห็นอะไรหรือยัง?”
จวินชิงมองพ่อของเขาด้วยรอยยิ้มเหยเก
“ยังไม่เห็นอะไรขอรับ แต่หลงฉีส่งข้อความกลับมาว่าพวกเขาจะมาถึงวันนี้แน่นอน ท่านพ่อโปรดรอสักครู่ ไม่ต้องใจร้อนไป ดื่มชาก่อนขอรับ” จวินชิงยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาส่งให้พ่อของเขา จวินเสี่ยนรับชามาจิบ กระแอมแล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้ใจร้อน ข้าแค่ถามเฉยๆ”
ใช่สิ ไม่ใจร้อนเลย หลังจากได้ข่าว ท่านถามคำถามนี้เป็นครั้งที่ 76 แล้ว
เยว่เย่นั่งยองๆอยู่ข้างประตูพร้อมกับชะโงกหัวออกไปมอง เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆนางและชะเง้อมองเช่นเดียวกัน
“พี่ชายยังไม่กลับมาอีกหรือ?” เด็กหนุ่มบิดชายเสื้อของตนและถามขึ้น ใบหน้าของเขางดงามราวกับหยก แต่แฝงด้วยความกระวนกระวาย
“อาจารย์อาน้อยไม่ต้องกังวล อาจารย์จะมาถึงเร็วๆนี้แหละ” เยว่เย่ตบไหล่เด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเสี่ยวเจว๋ที่จวินอู๋เสียเคยช่วยเอาไว้นั่นเอง ตอนนั้นเขาได้รับการกระตุ้นให้จิตใจสับสน โชคดีที่พวกเขาค้นพบวิธีรักษาจากสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด น่าเสียดายที่การรักษาใช้เวลานาน ตอนที่จวินอู๋เสียออกจากอาณาจักรล่าง สติของเขายังไม่ฟื้นกลับคืนมา เมื่อต้องแยกจากกันเป็นเวลาหลายปี เสี่ยวเจว๋จึงคิดถึงจวินอู๋เสียมากขึ้นทุกวัน
“ข้าไม่ได้เจอพี่ชายมานาน” เสี่ยวเจว๋ดึงเสื้อของตนอย่างกังวล แม้ว่าในใจจะรู้สึกกังวล แต่ก็ยังคาดหวังเฝ้ารอ
เขาไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียจะยังจำเขาได้รึเปล่า
“อาจารย์ก็คงคิดถึงพวกเราเหมือนกัน” เยว่เย่เอามือเท้าคางมองออกไปยังถนนนอกประตู
เยว่อี้ที่ยืนอยู่ด้านข้างมองน้องสาวของตนด้วยรอยยิ้ม และมองสบตากับผู้อาวุโสอิ่งด้วยสายตาจนปัญญา
ในใจของเยว่เย่ สถานะของจวินอู๋เสียคงเหนือกว่าพวกเขาที่เป็นครอบครัวไปแล้ว
ในห้องโถง โม่เฉี่ยนเยวียนนั่งกระสับกระส่าย ชาในมือของเขาถูกเติมน้ำจนจืดชืดไร้รสชาตินานแล้ว แต่เขาก็ยังยกขึ้นจิบอยู่เรื่อยๆ ไป๋อวิ๋นเซียนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาทำได้แค่เติมน้ำให้เขาอย่างเงียบๆ อิ่นเหยียนที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องพยายามไม่ให้คนอื่นรู้สึกถึงตัวตนของเขาให้มากที่สุด แต่สายตาของเขาก็คอยมองไปที่ด้านหลังของไป๋อวิ๋นเซียน
“ข้า……ไปดูที่ประตูเมืองดีไหม?” ฟ่านจิ่นลุกขึ้นยืน เขาเป็นอาจารย์ใหญ่ของสำนักวายุประจิมแล้ว นานหลายปีแล้วที่เขาไม่ได้แสดงท่าทางกระวนกระวายแบบนี้
“อา อา……” อาจิ้งที่อยู่ข้างๆฟ่านจิ่นส่งเสียงอืออาออกมา เขาตั้งใจที่จะไปกับฟ่านจิ่น
“ทุกคนใจเย็นๆกันก่อน รออีกหน่อย รอกันอีกหน่อยเถอะ” จวินชิงที่เริ่มจะจนปัญญาทำได้แค่พูดปลอบเพื่อระงับอารมณ์ของผู้คน ถ้ายังกระสับกระส่ายร้อนรนกันอยู่เช่นนี้ จวินอู๋เสียยังมาไม่ถึง คนพวกนี้คงลุกเป็นไฟด้วยความใจร้อนกันแล้ว
ขณะที่จวินชิงกำลังปลอบทุกคนอยู่นั่นเอง มู่เชียนฟานก็วิ่งเข้ามาให้ห้องโถง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่แววตาปลาบปลื้มยินดีอย่างมาก เขาพยายามรักษาท่าทีสงบนิ่งเอาไว้ ดวงตากวาดมองฝูงชน แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆว่า “มาแล้ว! มาแล้ว! นางกลับมาแล้ว!!”