บทที่ 2793 เทพผู้สร้างโลก
เขาโยนเสื้อคลุมขนกระเรียนผืนหนึ่งคลุมให้องค์หญิงที่สั่นเทาอยู่บนพื้น ลุกขึ้นไม่ไหวแล้ว จากนั้นก็โน้มตัวลงอุ้มนางหมายจะจากไป
“ราชันผู้ยิ่งใหญ่จะพานางจากไปเช่นนี้หรือ?” เฟิงเจี่ยอีเอ่ยอย่างเยียบเย็น
ราชีนปีศาจชะงักฝีเท้า สายตาที่มองเขากระด้างเย็นชา “เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร?”
“ราชันผู้ยิ่งใหญ่เคยรับปากปวงประชาไว้ ทันทีที่จับตัวคนร้ายที่สังหารเหล่าเด็กสาวที่หายตัวไปได้ จะลงโทษประหารต่อหน้าปวงประชา ตอนนี้ก็จับตัวคนร้ายได้แล้ว ไม่ทราบว่าราชันผู้ยิ่งใหญ่จะจัดการองค์หญิงท่านนี้เมื่อใดเล่า?”
แววตาราชันปีศาจวูบไหว “เปิ่นหวางมีวิธีการของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาเป็นกังวลเรื่องนี้”
“เสด็จพี่ราชัน ชายหญิงคู่นี้…จงใจสร้างสถานการณ์…ให้ร้ายน้อง เสด็จพี่ราชันต้องล้างแค้นให้น้องนะเพคะ…” สตรีนางนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงชิงชัง “เสด็จพี่ราชัน อย่า…อย่าได้ปล่อยพวกเขาไป! มิเช่นนั้นหน้าตาของราชวงศ์เรา…ก็รักษาไว้ไม่ได้แล้ว…”
เจตนาสังหารวาบผ่านนัยน์ตาของราชันปีศาจ!
น้องสาวคนนี้ของเขาพูดไม่ผิดเลย เพื่อหน้าตาของราชวงศ์ เขาจะต้องฆ่าปิดปากสองคนนี้…
“ใครก็ได้!” เขาตะโกน ลูกน้องเหล่านั้นพากันกลับเข้ามาจากแต่ล่ะทิศทาง
ราชันปีศาจเอ่ยด้วยสีหน้าครึ้มยะเยือกปานน้ำแข็ง “นำตัวสองคนนี้ที่ใจกล้าหมิ่นเกียรติคนในราชวงศ์ไปให้ข้า…”
วาจาท่อนหลังเขายังไม่ได้เอ่ยออกมา น้ำเสียงกระจ่างเยียบเย็นสายหนึ่งก็แว่วแทรกขึ้นมาแล้ว “เยาซิงเย่ เจ้าจะทำอันใดนะ?”
ราชันปีศาจพลันแข็งทื่อ เงยหน้าขึ้นทันที หญิงอัปลักษณ์ที่ก่อนหน้านี้ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ไม่แสดงความมีตัวตนอันใดเลยเสมอมามีแสงรุ้งแผ่ออกมารอบกายรางๆ แล้ว หลังจากแสงรุ้งสลายไป หญิงอัปลักษณ์ก็หายไปด้วย ที่ปรากฏตัวขึ้นตรงจุดเดิมคือดรุณีโฉมงามในชุดคลุมสีเขียวอ่อนนางหนึ่ง ในมือถือคทาสีเขียวขจีผ่องใสด้ามหนึ่งไว้
ราชันปีศาจหน้าเปลี่ยนสีแล้ว
เทพผู้สร้างโลก! นี่คือเทพผู้สร้างโลก!
ตอนเขาไปกราบคารวะที่หุบเขาเคยเห็นกู้ซีจิ่วจากที่ไกลๆ อยู่แวบหนึ่ง ตอนนั้นกู้ซีจิ่วก็แต่งตัวแบบนี้เหมือนกัน…
ราชาปีศาจทึ่มทื่อไปแล้ว! ลูกน้องเหล่านั้นของเขาก็ทึ่มทื่อไปแล้วเช่นกัน!
ยามนี้รัศมีของกู้ซีจิ่วแกร่งกล้าอย่างยิ่ง ไหนเลยจะยังมีท่าทางของหญิงอัปลักษณ์คนก่อนหน้านั้นอยู่อีก?
แววตาเฟิงเจี่ยอีผู้นั้นวูบไหวนิดๆ เดิมทีเขากำลังคิดจะยกขลุ่ยในมือขึ้นมาเป่า พอเห็นกู้ซีจิ่วเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา เขาก็ค่อยๆ วางขลุ่ยในมือลง
“พระองค์เจ้า…” สองขาของราชันปีศาจพลันอ่อนยวบ เหล่าบริวารคุกเข่าลงไป
กู้ซีจิ่วลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถึงแม้ตอนนี้พลังยุทธ์ของเธอจะต่ำต้อยมากแล้ว แต่สายตายังคงเฉียบคมยิ่งนักอยู่
เธอมองออกว่าราชันปีศาจต้องการจะฆ่าเธอกับเฟิงเจี่ยอีเพื่อปิดปาก และรู้ว่าวรยุทธ์ของราชันปีศาจใกล้จะบรรลุขั้นซ่างเสินแล้ว บริวารเหล่านี้ที่เขาพามาด้วยล้วนเป็นยอดยุทธ์ของภพปีศาจ พลังยุทธ์ต่ำสุดก็คือซ่างเซียน แถมยังผ่านสนามรบมาอย่างโชกโชนแล้ว
ด้วยฝีมือของเธอกับเฟิงเจี่ยอีในตอนนี้ ถ้าประมือกันจะเสียเปรียบมหาศาลอย่างแน่นอน อาจต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่ด้วย
แม้เธอจะเป็นอมตะ แต่ก็มีพียงดวงวิญญาณเท่านั้นที่เป็นอมตะ สังขารนี้ยังคงตายตกได้
เมื่อสังขารนี้สิ้นชีพลง เธอจะต้องเสียเวลาไปอีกสิบปีเพื่อก่อสังขารร่างใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนนี้ช่วงเวลาของเธอแสนล้ำค่า เสียไปไม่ได้เลยจริงๆ เมื่ออับจนหนทางแล้ว เธอจึงเผยตัวตนออกมา
ราชันปีศาจหวาดกลัวเธอจริงๆ ไม่กล้าสั่งให้ลูกน้องลงมือแล้ว
กู้ซีจิ่วมองดูเขาที่หมอบราบอยู่บนพื้น เอ่ยเสียงเยียบเย็น “เจ้าเตรียมจะจัดการกับน้องสาวคนนี้อย่างไร?”
ราชันปีศาจกระอักกระอวน “นี่…”
เหงื่อเย็นเฉียบไหลลงมาจากหน้าผากเขา เขารักใคร่ตามใจน้องสาวคนนี้มาโดยตลอด กลับคาดไม่ถึงเลยว่านางจะก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ขึ้น!
หนึ่งปีมานี้ในภพปีศาจมีเด็กสาวที่ถูกฆ่าข่มขืนโดยคนร้ายที่ไม่ทราบเบาะแสแน่ชัด เด็กสาวที่ประสบเคราะห์กรรมเหล่านี้มีทั้งราษฎรภพมาร มีทั้งคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ของภพมาร ถึงขั้นที่มีบุตรีของขุนนางใหญ่ในราชวงศ์ปีศาจอยู่ด้วยสองนาง สร้างความตื่นตระหนกเสียขวัญให้แก่ชาวภพมาร
ราชันปีศาจมีรับสั่งให้จับกุมตัวคนร้าย จนปัญญาที่ส่งกำลังคนออกไปมากมายแล้ว ทว่าไม่มีผู้ใดที่สามารถไขคดีนี้ได้เลยสักคน
————————————————————————————-
บทที่ 2794 แม้แต่เปิ่นจุนก็เป็นตัวหมากของเจ้าเช่นกัน!
เขาจึงออกราชโองการ เสาะหาผู้มีความสามารถที่สามารถคลี่คลายคดีนี้ได้ ประกาศราชโองการออกไปได้สามวัน มีคนผู้หนึ่งมารับราชโองการ ก็คือเฟิงเจี่ยอีที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้
ราชโองการแต่งตั้งเฟิงเจี่ยอีเป็นความลับ ดังนั้นองค์หญิงผู้นั้นจึงไม่รู้จักเขา
เฟิงเจี่ยอีให้คำมั่นว่าจะไขคดีให้ได้ภายในเจ็ดวัน กลับคาดไม่ถึงว่าภายในวันที่ห้าก็สามารถล่อ ‘คนร้าย’ ออกมาได้แล้ว ทำให้นางถูกเปิดโปงออกมาต่อสายตาประชาชี…
เคราะห์ดีว่าคนที่ราชันปีศาจพามาด้วยล้วนเป็นคนสนิทของเขา และไม่มีญาติของเด็กสาวคนอื่นๆ ที่ประสบเคราะห์ ดังนั้นราชันปีศาจจึงตัดสินขึ้นมาในทันใดว่าจะฆ่าคนปิดปาก กลับคาดไม่ถึงว่าสตรีที่ดูดาษดื่นสามัญนางนั้นจะเป็นเทพผู้สร้างโลก…
“ตัวปลอม! นางเป็นตัวปลอม!” องค์หญิงปีศาจที่อยู่ในอ้อมแขนของราชันปีศาจพลันตะโกนออกมา ก่อนหน้านี้ชิงปี้ของข้าเกือบจะกัดนางตายแล้ว! หากมิใช่เพราะเฟิงเจี่ยอีผู้นี้ นางก็ถูกชิงปี้ของข้าสังหารไปแล้ว!เทพผู้สร้างโลกฝีมือเลิศล้ำ แล้วจะถูกงูเหลือมกู่มารตัวหนึ่งสยบได้อย่างไร? ตัวปลอม! นางจะต้องเป็นตัวปลอมแน่!“”
ความปรารถนาจะมีชีวิตรอดขององค์หญิงปีศาจแกร่งกล้านัก ยามนี้ต่อให้ต้องทุ่มชีวิตออกไปก็ต้องการจะพิสูจน์ให้ได้ว่ากู้ซีจิ่วเป็นตัวปลอมแน่ๆ…
เป็นไปตามนั้นจริง ราชันปีศาจมุ่นคิ้วแวบหนึ่ง ก้มหน้าถามน้องสาว “เจ้าพูดจริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอน!”
เจตนาสังหารวาบขึ้นมาในดวงตาของราชันปีศาจ มองไปที่กู้ซีจิ่ว “แอบอ้างเป็นเทพผู้สร้างโลกต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตร! ท่าน…”
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังไม่กล้าฟันธงว่าอีกฝ่ายเป็น ‘ตัวปลอม’ ในวาจาจึงยังแฝงความเกรงใจเอาไว้เล็กน้อย ขณะที่กำลังจะเอ่ยขอคำชี้แนะสักสองสามกระบวนท่า บีบให้กู้ซีจิ่วลงมือ เพื่อพิสูจน์จริงเท็จ
แต่เพิ่งกล่าววาจาออกมาได้เพียงครึ่งเดียว ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่สับสนวุ่นวายแว่วขึ้นไม่ไกลแล้ว
“คนร้ายอยู่ที่ไหน?”
“มารดามันเถอะ ต่อให้จับตัวคนร้ายได้แล้ว ผู้เฒ่าก็จะเอาตัวคนร้ายไปฟันเป็นหมื่นเป็นพันชิ้น!”
ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวาย มีผู้คนนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาแล้ว
เป็นประชาชนภพปีศาจ และเป็นครอบครัวของเด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้น ในบรรดานั้นยังรวมไปถึงขุนนางใหญ่ทั้งสองท่านของราชวงศ์ปีศาจที่เพิ่งสูญเสียบุตรีไปด้วย คนเหล่านี้เข้ามาอย่างหน้าดำคร่ำเครียด ทันทีที่มองเห็นกู้ซีจิ่วขุนนางใหญ่ของราชวงศ์มารสองคนนั้นก็ทึ่มทื่อไปแวบหนึ่ง จากนั้นดวงตาก็ส่องประกายขึ้นมา “พระองค์เจ้าเทพผู้สร้างโลก! ผู้ต่ำต้อยขอกราบคารวะพระองค์เจ้าเทพผู้สร้างโลกพ่ะย่ะค่ะ!” จากนั้นก็ลงไปกราบคารวะเลย
ประชาชนที่เหลือย่อมโห่ร้องยินดีแล้วคุกเข่าลงกราบคารวะเช่นกัน
“พระองค์เจ้า ไม่นึกเลยว่าผู้อาวุโสอย่างพระองค์ก็อยู่ที่นี่ด้วย!”
“พระองค์เจ้า บุตรสาวของผู้ต่ำต้อยสิ้นชีพอย่างน่าอนาถ ขอพระองค์เจ้าช่วยตัดสินให้ผู้ต่ำต้อยด้วยเถิด…”
“ทุกท่านโปรดวางใจ แม้แต่พระองค์เจ้าก็เคลื่อนไหวแล้ว จะต้องจับคนร้ายได้แน่นอน!”
“ใช่ๆ เมื่อครู่คุณชายเฟิงท่านนี้เพิ่งใช้เสียงขลุ่ยส่งสัญญาณให้ กล่าวไว้ว่าถ้าบรรเลงบทเพลงนั้นขึ้นมา ก็แปลว่าจับคนร้ายได้แล้ว…”
“จะว่าไปแล้วคนร้ายอยู่ที่ไหนกันแน่?”
ฝูงชนตื่นเต้นโกรธแค้น คนนับไม่ถ้วนเอะอะโวยวาย
เฟิงเจี่ยอีหัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง มองไปที่ราชันปีศาจเอ่ยอย่างสบายอารมณ์ “ราชันผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อครู่ท่านก็เห็นแล้วนี่ พระขนิษฐาผู้นี้ใช้งูเหลือมกู่มารทำร้ายคนอื่น และงูเหลือมกู่มารก็เป็นสัตว์ต้องห้ามของหกภพภูมิ ผู้ใดเลี้ยงดูสิ่งนี้ ต้องตายสถานเดียว ราชันผู้ยิ่งใหญ่จะมอบคำอธิบายให้ปวงประชาอย่างไรเล่า?”
สีหน้าของราชันปีศาจซีดเทาดุจซากศพ คนมากมายขนาดนี้ทราบความจริงเข้าแล้ว เขาลำเอียงเข้าข้างไม่ได้อีกแล้ว
เขามองไปที่กู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ บนกายอวลด้วยรัศมีเทวา
รูปโฉมสามารถปลอมแปลงได้ แต่รัศมีเทวาไม่มีผู้ใดปลอมแปลงได้ คนที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้คือเทพผู้สร้างโลกที่ไม่ค่อยเผยโฉมออกมาง่ายๆ ท่านนั้นจริงๆ…
เขาพลันตัดสินใจ โยนน้องสาวในอ้อมแขนลงบนพื้น เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “เยาถิงถิง เจ้าทำได้ดีนัก! ใครก็ได้ มาจับนางไป แล้วค่อยเลือกวันประหาร!”
….
ทุกคนล้วนจากไปหมดแล้ว ภายในทุ่งร้างกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
ก่อนจากไปราชันปีศาจได้เรียนเชิญให้กู้ซีจิ่วไปเป็นแขกที่วังปีศาจด้วยความจริงใจ ทว่าถูกกู้ซีจิ่วปฏิเสธไปทันที บอกว่ายังมีธุระอื่นต้องไปจัดการอยู่
ราชันปีศาจไม่กล้าฝืนบังคับ พูดจาเกรงอกเกรงใจอีกไม่กี่ประโยค ถึงได้พาคนจากไป
ภายในทุ่งร้างเหลือเพียงกู้ซีจิ่วและเฟิงเจี่ยอีคนนั้น
กู้ซีจิ่วนั่งลงบนโขดศิลาเขียวก้อนหนึ่ง ทอดสายตามองเขา “แผนการของท่านผู้สูงศักดิ์ช่างดีเหลือเกิน! แม้แต่เปิ่นจุนก็เป็นตัวหมากของเจ้าเช่นกัน!”
….
————————————————————————————-