ทะเลสาปผอหยางตั้งอยู่ในเมืองหนานชางมณฑลเจียงซีประเทศจีนและเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน
ภูเขาฉือจงซานตั้งอยู่ตรงกลางจุดตัดระหว่างแม่น้ำแยงซีเกียงกับทะเลสาบผอหยางขึ้นชื่อว่าเป็นภูมิประเทศที่สูงชันและอันตรายอย่างยิ่ง พื้นที่โดยรวมเป็นหินเสียส่วนใหญ่
ท่ามกลางความมืดของคืนวันพระจันทร์เต็มดวงเช่นนี้ภายในเขาฉือจงซานมีเสียงดังกึกก้องกังวานจากสายน้ำที่ไหลอย่างรวดเร็วของแม่น้ำแยงซีเกียง
บนยอดเขาฉือจงซานที่สูงชั้นนั้นปรากฏร่างสูงใหญ่สง่างามขึ้นร่างหนึ่ง และดูเหมือนว่าคนผู้นี้เพิ่งจะมาถึงได้ไม่นาน เขาสำรวจมองสายน้ำที่ไหลครืนๆอยู่รอบตัว
คนผู้นี้นับเป็นยอดฝีมือที่ล้ำเลิศยิ่งแห่งตระกูลหลงนามว่าหลงเทียนฟาง! เมื่อครึ่งเดือนก่อนหน้านี้หลิงหยุนได้หยามเกียรติตระกูลหลิงและหลงฮ่าวหลานซึ่งเป็นผู้นำตระกูล ด้วยการดูดซับเอาปราณมังกรอายุกว่าหกร้อยปีภายในพระราชวังต้องห้ามไปหมด ทำให้หลงฮ่าวหลานเดือดดาลใจยิ่งนัก และต้องการที่จะจัดการกับหลิงหยุนให้จงได้ และได้วางแผนมาอย่างดี..
แผนการแรกคือ..ส่งหลงเทียนซินไปที่เมืองจิงฉูซึ่งเป็นเมืองที่หลิงหยุนถือกำเนิด และก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว เพื่อไปสืบเรื่องราวที่เกี่ยวกับหลิงหยุนทั้งหมด
และจากนั้นก็ได้สั่งให้หลงเทียนฟางเดินทางไปที่ป่าเสินหนงเจี๋ยซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลหูเป่ยค้นหามังกรสีนิลที่ชาวยุทธร่ำลือกน
หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากหลงฮ่าวหลานหลงเทียนฟางก็ได้เดินทางไปยังป่าเสินหนงเจี๋ยทันที และภายในเวลาเพียงแค่สิบวัน เขาก็ได้เขาไปสำรวจพื้นที่ภายในป่าเสินหนงเจี๋ยมากกว่าสิบครั้ง เพื่อทำการค้นหามังกรสีนิลอย่างไม่หยุดไม่หย่อน และในที่สุดเขาก็ได้พบร่องรอยของมังกรสีนิลอยู่ในบริเวณผาอู่เสียแห่งแม่น้ำแยงซีเกียง
มังกรสีนิลตัวนี้ก็คืองูยักษ์ที่หลิงหยุนพบที่ใต้หลุมยักษ์นั่นเองแต่เนื่องจากมีผู้ไปเปิดการทำงานของค่ายกลมังกรหยิน–หยางภายใต้หลุมยักษ์โดยบังเอิญเข้า หลังจากนั้นสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพจึงปรากฏขึ้น และได้นำพวกเขารวมทั้งงูยักษ์ตัวนี้ไปปรากฏในป่าเสินหนงเจี๋ยทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลหูเป่ยนั่นเอง
หลังจากที่หลิงหยุนออกจากหุบเขาที่มีสมุนไพรพลังชีวิตมากมายในป่าเสินหนงเจี๋ยนี้ไปเจ้าสีนิลก็คอยเฝ้าพิทักษ์หุบเขาแห่งนี้อยู่ทุกวันทุกคืน ในขณะเดียวก็เฝ้าฝึกฝนวิชาอยู่ทุกวันจนกระทั่งกลายเป็นมังกรจริงๆ
แต่เพราะในตัวของหลงเทียนฟางนั้นมีปราณมังกรที่แข็งแกร่งอยู่เจ้าสีนิลจึงสามารถสัมผัสได้ถึงอันตราย มันจึงไม่กล้าเข้าใกล้หลงเทียนฟาง และคอยหลบซ่อนและหนีอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หนีไปไกล แต่กลับคอยแอบตามหลงเทียนฟางอย่างหลบๆซ่อนๆ
เวลานี้ทั้งมังกรและมนุษย์ต่างก็คล้ายกับกำลังเล่นซ่อนหาผลัดกันหาและผลัดกันซ่อนอยู่เช่นนี้ หลงเทียนฟางเฝ้าตามเจ้าสีนิลกลับไปกลับมาอยู่ระหว่างผาอู่เสียในบริเวณแม่น้ำแยงซีเกียงอยู่เช่นนี้หลายรอบ จนกระทั่งในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงนี้ ก็ได้ตามหาเจ้าสีนิลมาถึงทะเลสาบผอหยางแห่งนี้
เวลานี้หลงเทียนฟางสวมเสื้อแขนกุดกางและกางเกงขาสั้นนั่งอยู่บนพื้นน้ำที่หยดลงจากเสื้อผ้าของเขาและไหลไปตามเท้าเปลือยเปล่านั้น บ่งบอกว่าเขาเพิ่งจะไปแหวกว่ายในผืนน้ำด้านล่างมา แสงจันทร์ส่องกระทบกับหยดน้ำที่เกาะอยู่รอบตัวหลงเทียนฟาง ทำให้ดูราวกับเกล็ดมังกรก็ไม่ปาน
ร่างสูงสง่าของหลงเทียนฟางยังคงสงบนิ่งและมีพลังปราณพวยพุ่งออกมา ผิวของเขาที่กระทบกับแสงจันทร์เป็นสีทองสุกสว่าง และพลังปราณที่พวยพุ่งออกจากร่างนั้นก็ดูราวกับมีเงาของมังกรแหวกแหวกว่ายอยู่รอบตัว
แต่ในขณะนั้นเองคิ้วดกหนาทั้งสองข้างของหลงเทียนฟางก็ขมวดเข้าหากันแน่น แววตาของเขาบ่งบอกถึงความหงุดหงิดรำคาญใจ
“ฮึ่ม!”
หลงเทียนฟางจ้องมองไปทางทะเลสาบผอหยางอยู่นานในที่สุดก็ร้องตะโกนออกไปว่า “เจ้ามังกรดำ ข้าไล่ตามเจ้ามาสี่วันสี่คืนเต็มๆแล้วยังไม่สามารถจับตัวเจ้าได้ แต่เจ้าคิดว่าจะหนีรอดเงื้อมือของข้าได้จริงๆงั้นรึ”
จะไม่ให้หลงเทียนฟางเดือดดาลใจได้อย่างไรกันเล่าในเมื่อหลายครั้งหลายคราที่เขาเห็นมันลางๆแล้ว แต่สุดท้ายมันกลับหนีรอดไปได้ทุกครั้ง และตอนนี้มันก็หนีมายังทะเลสาบผอหยางที่กว้างใหญ่ และร่องรอยของมันก็หายไปจนไม่อาจหาพบได้อีก ทำให้เขาโมโหจนแทบกระอักเลือด
หลงเทียนฟางกระโดดลงไปในน้ำอีกครั้งแต่กลับไม่มีเสียงตูม และไม่มีน้ำพุ่งกระจายออกมาเลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะเขากำลังยืนอยู่บนผิวน้ำราวกับกำลังยืนอยู่บนผืนดินนั่นเอง
หลงเทียนฟางยืนนิ่งอยู่บนผิวน้ำแต่สายตาของเขานั้นกลับมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำได้อย่างชัดเจน จากนั้นปลาตัวใหญ่มากมายก็พากันกระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำ คล้ายกับว่ากำลังทำการคำนับให้กับหลงเทียนฟาง
หลงเทียนฟางไม่ใส่ใจกับปลาน้อยใหญ่เหล่านั้นเขายืดตัวตรงจากนั้นจึงก้าวเท้าวิ่งไปตามผิวน้ำอย่างรวดเร็ว แต่ละก้าวของเขานั้นก้าวไปได้ไกลกว่าหนึ่งร้อยเมตรเลยทีเดียว
จากนั้นหลงเทียนฟางก็กระโดดลงไปใต้ทะเลสาบผอหยางอีกครั้งและทันทีที่เขากระโดดลงไปนั้น สัตว์น้ำหายากมากมายอยา่งเช่นปลาหมึกหลากสี ปลาโลมาหัวบาตรหลังเรียบก็ปรากฏตัวขึ้นทันที จากนั้นก็มีปลาประหลาดน้อยใหญ่นับร้อยๆว่ายตามร่างของหลงเทียนฟางไปอย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงเท่านั้น..นกกระเรียนและหงส์อีกมากมายที่อยู่ใกล้ๆบริเวณนั้น ก็พากันบินมารวมตัวที่ทะเลสาบผอหยาง และบินตามร่างของหลงเทียนฟางไปทันที
ไม่ว่าจะเป็นปลาเล็กปลาใหญ่หงส์ หรือนก สัตว์เหล่านี้ล้วนสัมผัสถึงปราณมังกรอันทรงพลังที่ปลดปล่อยจากร่างของหลงเทียนฟางได้
“ฮึ่ม!!”
หลงเทียนฟางเดินอยู่บนผิวน้ำและสำรวจไปรอบทะเลสาบผอหยางอีกครั้ง ระหว่างนั้นเขาก็เอื้อมมือลงไปจับปลาหมึกสีแดงที่มีลำตัวยาวกว่าหนึ่งเมตรขึ้นมา
“ข้าจะกินเจ้า!”
ยังไม่ทันพูดจบประโยคดีด้วยซ้ำหลงเทียนฟางก็ยัดหัวของปลาหมึกสีแดงเข้าไปในปาก และกัดหัวของมันขาดก่อนจะกลืนลงท้องไป จากนั้นจึงโยนร่างไร้ศรีษะของปลาหมึกนั้นกลับลงทะเลสาบไปอย่างไม่ใยดี
แต่ถึงแม้จะเป็นภาพที่เหี้ยมโหดแต่เหล่านกและฝูงปลาก็ยังคงติดตามหลงเทียนฟางไปเช่นเดิม ส่วนร่างของปลาหมึกก็ถูกฝูงปลารุมกินหมดภายในเวลาเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว
ผ่านไปราวยี่สิบนาทีหลงเทียนเฟิงก็หาจนทั่วท้องทะเลสาบผอหยาง แต่กลับไม่พบร่องรอยของมังกรสีนิลอีกเลย ทำให้เขายิ่งหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิมมาก
“หึ!คอยดูนะ.. จับเจ้าได้เมื่อไหร่ ข้าจะจับถอดเกล็ดและทำเป็นอาหารกินทีเดียว!”
หลงเทียนฟางหยุดหาเจ้าสีนิลชั่วคราวและกระโดดจากผิวน้ำขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ในระหว่างนั้นสายตาของเขาก็กวาดไปเห็นเกาะกลางทะเลสาบผอหยางเกาะหนึ่งเข้า
เกาะนี้เป็นเนินเขาเล็กๆที่มีชื่อว่าหลงยู่ซานส่วนบนเนินเขาจะมีหอคอยอยู่หนึ่งคู่ชื่อว่าหอคอยมังกรคู่ หลงเทียนเฟิงกระโดดลงไปอยู่ตรงกลางระหว่างหอคอยทั้งสอง
จากนั้นจึงจ้องมองลงไปบริเวณน้ำรอบๆเกาะและพบว่าน้ำในบริเวณนี้ค่อนข้างลึกมาก แม้กระทั่งเขาเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดู ยังไม่สามารถมองเห็นพื้นดินใต้น้ำได้เลย
“บ่อมังกรของทะเลสาบผอหยาง!”
หลงเทียนฟางรำพึงรำพันกับตนเองตั้งแต่เล็กจนโต เขาติดตามหลงฮ่าวหลานไปสำรวจแม่น้ำที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศจีนมาหมดแล้ว และที่นี่เขาก็เคยมาตั้งแต่เด็กๆ จึงสามารถจดจำได้
“มังกรดำตัวนี้คุ้นเคยกับน้ำมากไม่น่าว่ามันอาจลงไปอยู่ในบ่อมังกรแห่งนี้ก็เป็นได้!”
เวลานี้ร่างกายของหลงเทียนฟางเป็นสีทองสุกสว่างราวกับโคมไฟสีทองก็ไม่ปานเขาจ้อมองลงไปใต้น้ำบริเวณบ่อมังกรพร้อมกับพึมพำออกมาว่า
“เวลานี้ข้าก็ฝึกกายามังกรก้าวหน้าไปได้ไม่น้อยหรือจะลองลงไปสำรวจด้านล่างดู”
แต่ในขณะที่เขากำลังจะกระโดดลงไปในน้ำอีกครั้งนั้นเขาก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา และได้แต่จ้องมองลงไปใต้น้ำอีกครั้ง
แต่ในระหว่างนั้นเองร่างหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไปนั้น ก็ได้เคลื่อนที่เข้ามาหาเขาด้วยความรวดเร็ว และเพียงแค่พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าหลงเทียนฟางแล้ว
คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มร่างสูงสะโอดสะองในมือถือพัดรูปมังกรพร้อมกับหัวเราะออกมาขณะที่จ้องมองหลงเทียนฟาง
“พี่เทียนซิน..พี่มาที่นี่ทำไมกัน”
เมื่อเห็นหลงเทียนซินปรากฏตัวขึ้นเช่นนี้หลงเทียนฟางก็ถามขึ้นอย่างไม่พอใจ พร้อมกับพูดต่อว่า “ข้ากำลังจะลงไปสำรวจใต้บ่อมังกร พี่มาขัดจังหวะข้าพอดี..”
และผู้ที่มาก็คือหลงเทียนซินที่ถูกส่งไปสืบเรื่องราวของหลิงหยุนที่เมืองจิงฉูนั่นเองและที่เขารีบเร่งกลับจากจิงฉูนั้นก็เพื่อที่จะมาหาน้องชายร่วมสายเลือด ซึ่งทำหน้าที่ไปสืบข่าวในงานชุมนุมชาวยุทธ!
“ไหนๆก็มาแล้วลงไปสำรวจข้างเล่นกันหน่อยดีกว่า!”
แต่หลงเทียนซินกลับปฏิเสธหลงเทียนฟางจึงได้แต่นั่งหน้าเศร้า จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นพูดกับหลงเทียนซินว่า
“งานชุมนุมชาวยุทธคืนนี้หลิงหยุนสังหารชาวยุทธตายไปตั้งมากมาย!
“……..”
หลงเทียนซินถึงกับพูดไม่ออก..
“ทั้งหลวงจีนจากหออรหันต์ของวัดเส้าหลินนักบวชจากเขาหลงหู่ล้วนถูกหลิงหยุนสังหารตายหมด แม้กระทั่งสองอาวุโสแห่งคุนหลุนยังเกือบถูกหลิงหยุนสังหารเช่นกัน แต่พวกเขาหนีไปได้ก่อน..”
“เป็นความจริงงั้นรึ!”
หลงเทียนฟางเงยหน้าขึ้นมองหลงเทียนซินด้วยแววตาเป็นประกายเขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับบอกไปว่า “ข้าจะไปจัดการกับเจ้าเด็กหลิงหยุนนั่นเอง!”
“เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้ดีจากข้อมูลที่ข้าได้มา หลิงหยุนเป็นผู้บ่มเพาะพลัง และแม้แต่ข้าก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถเอาชนะเขาได้!”
หลงเทียนซินลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกันพร้อมกับโบกพัดมังกรในมือไปมาและเรื่องนี้หลงฮ่าวหลานอนุมัติด้วยตัวเอง หลงเทียนซินจึงไม่คิดห้ามน้องชายของตนเอง!