“เทียนฟางเจ้าไม่ต้องรีบร้อนนัก ทะเลสาบผอหยางห่างจากหุบเขาหลงหู่ไปเพียงแค่ 150 กิโลเมตรเท่านั้น ด้วยความเร็วของเจ้าเวลานี้ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว!”
หลงเทียนซินร้องตะโกนบอกน้องชายที่ค่อยๆเหาะออกห่างจากตนเองไปมากขึ้นเรื่อยๆ และได้แต่มองตามหลังไปยิ้มๆ
หลงเทียนซินหาได้ใส่ใจกับคำหยอกเย้าของหลงเทียนฟางไม่เพราะตั้งแต่เล็กจนโตมาน้องชายของเขาก็เป็นคนพูดจาเช่นนี้มาตลอด
หลงเทียนฟางเองก็หาได้สนใจคำพูดของหลงเทียนซินเช่นกันเขาจึงได้ร้องตะโกนตอบกลับไปทันที
“เจ้าบอกข้าไม่ต้องรีบร้อนหากข้าเชื่อเจ้าและค่อยๆเหาะไป หลิงหยุนมันจะไม่หนีไปก่อนงั้นรึ” หลงเทียนซินเก็บพัดในมือและตอบน้องชายของตนกลับไปยิ้มๆ“เจ้าบอกเองไม่ใช่รึว่า หลิงหยุนได้จัดการกับนักบวชทั้งสี่ของชางจิงกงไปแล้ว ตอนนี้เขาคงกำลังจะวุ่นอยู่กับการแก้แค้นสำนักต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ถล่มตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีที่แล้วอยู่เป็นแน่!”
จากนั้นหลงเทียนซินก็กระโดดเหาะตามน้องชายไปในขณะที่หลงเทียนฟางก็ชะลอความเร็วลง และหันกลับไปถามหลงเทียนซินว่า
“พี่ใหญ่เหตุใดท่านจึงหยุดสะกัดกั้นขั้นพลังของตนเองแล้วเล่า”
หลงเทียนซินตะโกนตอบกลับไปทันที“ท่านพ่อสั่งให้ข้าไปสืบเรื่องของตระกูลหลิงที่เมืองจิงฉูอย่างลับๆ หากมีผู้คนสังเกตเห็นเข้า แล้วนำไปรายงานหลิงหยุน ข้ามิต้องถูกหลิงหยุนสังหารตายหรอกรึ ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะไม่มีพี่ชายคนนี้แล้วน่ะสิ..”
เวลานี้..หลงเทียนซินไม่ได้อยู่ในระดับสูงสุดขั้นซื่อเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-4) แล้ว เพราะในเวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาก็สามารถพัฒนาเข้าสู่ระดับเริ่มต้นขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ได้อย่างรวดเร็ว
ความจริงหลงเทียนซินสามารถเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-6) ได้ก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว แต่เป็นเพราะเขาเองก็ไม่ได้มีศัตรูที่ไหน หลังจากผ่านทัณฑ์สวรรค์ในขั้นซื่อเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-4) แล้ว เขาจึงยังไม่รีบพัฒนาขั้น และยังคงฝึกฝนเพื่อให้ขั้นพลังเสถียรและมั่นคงมากยิ่งขึ้น
จนกระทั่งหลิงหยุนมาปักกิ่งและเริ่มนำพาตระกูลหลิงขึ้นมาผงาดจนเป็นสามเสาหลักแห่งปักกิ่งได้อีกครั้ง อีกทั้งหลิงหยุนยังได้ขโมยดูดซับเอาปราณมังกรอายุกว่าหกร้อยปีภายในพระราชวังต้องห้ามเข้าไปจนหมด ทำให้หลงเทียนซินคับแค้นใจยิ่งนัก เขาจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะสะกัดกั้นขั้นพลังของตนเองอีก และปล่อยให้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นอู่เฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-5) ในทันที! หลังจากที่ไปถึงเมืองจิงฉูในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน หลงเทียนซินก็สามารถเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ได้อย่างง่ายดาย แต่น่าเสียดายที่มีงานชุมนุมชาวยุทธขึ้นเสียก่อน เขาจึงต้องหยุดการฝึกฝนไว้ชั่วคราวเพราะต้องเดินทางมาที่นี่
การจงใจสะกัดกั้นขั้นพลังของตนเองนั้นไม่เพียงหลงเทียนซินที่ทำเช่นนั้น ทั้งเย่เทียนสุ่ย หลิงหยุน และเย่ซิงเฉินต่างก็ต้องทำเช่นกัน
ยกตัวอย่างหลิงหยุน..หลังจากที่เข้าสู่ขั้นซานฉางชี่ (ขั้นพลังชี่-3) ได้ ก็ได้ดูดซับเอาปราณมังกรอายุกว่าหกร้อยปีภายในพระราชวังต้องห้ามเข้าไปจนหมด แม้ว่าปราณมังกรจักรพรรดิจะถูกนำไปใช้ในการกลั่นกระบี่จักรพรรดิมังกรเกือบทั้งหมด แต่ในระหว่างที่ปราณมังกรจักรพรรดิค่อยๆเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณทั่วร่างกายของหลิงหยุนนั้น มันก็ได้ทำการปรับเปลี่ยนกายาของเขาไปด้วย และในคืนที่หนิงหลิงยู่รับทัณฑ์สวรรค์นั้น หลิงหยุนก็ได้ดูดซับเอาพลังอมตะสีม่วงเข้าไปจนสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซานฉางชี่ได้ในทันที
ความจริงหลิงหยุนสามารถเข้าสู่ด่านกลางของขั้นพลังชี่คือตั้งแต่ขั้นซื่อเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-4) ได้แล้ว แต่หลิงหยุนกลับยับยั้งไว้ก่อน เพื่อที่จะฝึกฝนให้ขั้นพลังของตนเสถียรและมั่นคงยิ่งๆขึ้น
ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้หลงเทียนฟางจึงได้ยับยั้งขั้นพลังของตนให้อยู่ในระดับสูงสุดขั้นอู่เฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-5) อยู่เป็นเวลานาน
หลังจากที่ได้ฟังคำตอบของหลงเทียนซินหลงเทียนฟางก็ยกมือขึ้นเกาคางยิ้มๆ พร้อมกับพูดจาล้อเลียน
“อ่อ..ด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ ข้าว่าพี่คงพอจะรับมือหลิงหยุนได้ และน่าจะพอหนีได้ทันหากหลิงหยุนมันคิดจะฆ่าท่าน!”
พัวะ! หลงเทียนซินฟาดพัดลงไปกลางศรีษะของหลงเทียนฟางพร้อมกับร้องตะโกนดุ “เจ้ายังจะกล้าพูดเช่นนี้อีกหรือไม่”
หลงเทียนฟางหันกลับไปตอบยิ้มๆ“ข้าพูดความจริงนี่นา ฮ่าๆๆ”
หลงเทียนซินคร้านที่จะต่อปากต่อคำกับน้องชายจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “เทียนฟาง.. ข้าพบบางสิ่งบางอย่างในเมืองจิงฉู และเป็นสิ่งที่ตระกูลหลงของเราต้องการมากด้วย รับรองได้ว่าเหนือกว่ามังกรดำที่เจ้ากำลังไล่ล่าอยู่ด้วย!”
หลงเทียนฟางได้ยินถึงกับตาโตพร้อมกับร้องถามออกไปด้วยความตื่นเต้น“จริงรึ มันเป็นสมบัติล้ำค่าอันใดกัน?”
หลงเทียนฟางยิ้มกว้างและจงใจที่จะนิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม..
หลงเทียนฟางรีบเหาะเข้าไปใกล้พร้อมกับคะยั้นคะยอให้หลงเทียนซินตอบ“พี่ใหญ่.. พี่ต้องบอกข้ามาก่อนว่ามันคืออะไร ไม่เช่นนั้นข้าก็จะไม่ไปกับท่าน..” หลงเทียนซินยังคงเหาะไปอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับตอบไปว่า “เจ้าจะไปหรือไม่ก็เรื่องของเจ้า แต่เวลานี้ท่านลุงกำลังรอพวกเราอยู่ที่เขาหลงหู่แล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลงเทียนฟางก็ได้แต่เหาะตามไป พร้อมกับอ้อนวอนหลงเทียนซินว่า “พี่ใหญ่.. ข้าขอร้อง ได้โปรดบอกข้าเถิดนะว่าพี่พบสมบัติล้ำค่าอันใดที่เมืองจิงฉู”
หลงเทียนซินยิ้มกว้างพร้อมกับตอบไปว่า“หากข้าเดาไม่ผิด สิ่งนั้นน่าจะเป็นไขปราณมังกร!”
หลงเทียนฟางได้ฟังถึงกับตกใจสุดขีดจากนั้นจึงเหาะหมุนไปรอบๆตัวหลงเทียนซินด้วยความตื่นเต้นดีใจ พร้อมกับตะโกนถามกลับไปว่า
“มันอยู่ที่ใด”
หลงเทียนซินยิ้มมีเลศนัยในขณะที่ตอบกลับไปว่า“หากเจ้าอยากรู้ ก็ง่ายมาก..”
หลงเทียนซินแบบมือออกพร้อมกับพูดขึ้นว่า“มอบโอสถโลหิตมังกรมาให้ข้าสิบเม็ด!”
“ไม่มีทาง!”หลงเทียนฟางร้องโวยวายด้วยความโมโห “พี่ใหญ่ พี่เรียกร้องมากเกินไปแล้ว!”
หลงเทียนซินยังคงยิ้มและถามกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย“เจ้าไม่อยากรู้ก็ไม่เป็นไร!”
“ได้ๆข้าให้ก็ได้!”
หลงเทียนฟางอึกอักขัดขืนเล็กน้อยแต่ในที่สุดก็กัดฟันตอบตกลง พร้อมกับอ้าปากคายโอสถสีแดงสว่างไสวที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียวออกมาสิบเม็ด และแสงสีแดงนั้นก็สว่างไสวเจิดจ้าเป็นที่สะดุดตายิ่งนัก!
โอสถโลหิตมังกรนี้เกิดจากการที่หลงเทียนฟางดื่มโลหิตมังกรเข้าไป และโลหิตมังกรนี้ได้ถูกหลอมอยู่ภายในจุดตันเถียนของเขาตลอดทั้งวันทั้งคืน คุณสมบัติของมันนั้นนับว่าสูงส่งกว่าโอสถเยาว์วัยของหลิงหยุนหลายเท่านัก นี่นับเป็นโอสถพลังชีวิตชั้นสูงของตระกูลหลง และให้คุณประโยชน์ต่อผู้ที่มีสายเลือดตระกูลหลงอย่างมาก
“ก็แค่นั้น!”
หลงเทียนซินเหาะไปคว้าโอสถโลหิตมังกรสีแดงทั้งสิบเม็ดมาจากหลงเทียนฟางทันทีพร้อมกับตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ไขปราณมังกรนี้อยู่ใต้น้ำภายในหลุมยักษ์ของเมืองจิงฉูแต่เพราะมันมีขนาดใหญ่และหนักมาก ข้าจึงไม่สามารถนำมันขึ้นมาได้ จึงตั้งใจว่าจะมาชวนเจ้าไปช่วยกันนำไขปราณมังกรก้อนนั้นกลับบ้าน หากท่านพ่อได้เห็นคงจะดีอกดีใจยิ่งนัก!”
แต่หลงเทียนฟางกลับหัวเราะเสียงดังและตอบกลับไปว่า“ต่อให้พี่ไม่บอก หลังจากที่ข้าจัดการกับหลิงหยุนแล้ว ก็จะกลับมาที่ทะเลสาบผอหยางจับมังกรสีนิลก่อน จากนั้นก็จะไปจิงฉูนำไขมังกรก้อนนั้นกลับมาแน่!”
หลงเทียนซินส่ายหน้าพร้อมตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง“ไม่ได้! เรื่องนี้นับว่าสำคัญยิ่งนัก พวกเราสองคนไม่ควรไปกันตามลำพัง ควรให้ท่านลุงไปกับพวกเราด้วย!” หลงเทียนฟางถามกลับด้วยความแปลกใจ“เหตุใดต้องให้ท่านลุงไปด้วย”
หลงเทียนซินรีบอธิบายต่อทันที“เท่าที่ข้ารู้ ไขปราณมังกรนั้นหลิงหยุนเป็นผู้ซื้อมาจากเซียนพนักหยกในตลาดค้าของเก่าเมืองจิงฉู ข้าคาดว่าหลิงหยุนมันจงใจเอาไปซ่อนไว้ที่นั่น!”
จากนั้นหลงเทียนซินก็ได้วิเคราะห์ต่อว่า“หากข้ากับเจ้าจะแอบไปจิงฉูขโมยไขปราณมังกรนั้นตามลำพังอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ เพราะเขาหลงหู่อยู่ไม่ห่างจากจิงฉูมากนัก ข้าเกรงว่าหลังจากงานชุมนุมชาวยุทธจบสิ้นลง หลิงหยุนจะเดินทางกลับไปที่จิงฉูก่อนน่ะสิ!”
“เจ้าอย่าลืมว่าเขามีแหวนพื้นที่หากเขากลับไปจิงฉูและนำไขปราณมังกรก้อนนี้ติดตัวกลับไปด้วย การที่ลำพังเราสองคนจะแย่งชิงกลับมาก็จะยิ่งยากขึ้น!”
หลงเทียนซินเป็นทายาทตระกูลหลงที่จะได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลงคนต่อไปและนับว่าเป็นคนฉลาดเฉลียวคนหนึ่ง จึงได้ทำการวิเคราะห์คาดเดาการตัดสินใจของหลิงหยุนล่วงหน้า
แต่หลงเทียนฟางกลับไม่เห็นด้วยเขายิ้มกว้างขณะที่ตอบกลับไปว่า “พี่ใหญ่ ข้าว่าพี่ระมัดระวังและหวาดกลัวมากจนเกินไป หลังจากที่ข้าจัดการกับหลิงหยุนแล้ว ข้ามั่นใจว่ามันจะไม่กล้ากลับไปจิงฉูอีกแน่ พวกเราจะไปเอาไขมังกรนั่นเมื่อไหร่ก็ย่อมได้!”
หลงเทียนซินถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้า“น้องพี่ เจ้าต่างหากที่คิดอะไรตื้นเขินเกินไป หลิงหยุุนเองก็มีอุปนิสัยใจคอชอบเอาชนะไม่ต่างจากเจ้านัก อีกอย่างการต่อสู้ครั้งนี้ ก็ยังไม่แน่ว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะกันแน่”
“หึ!ไม่มีทาง!”
หลงเทียนฟางทำเสียงขึ้นจูมกอย่างไม่พอใจ
หลงเทียนซินได้แต่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเคร่งเคียด“ท่านพ่อบอกว่าหลิงหยุนไม่ได้แข็งแกร่งน้อยไปกว่าเจ้าเลย! คืนนี้ที่ท่านพ่อต้องการให้เจ้าประมือกับหลิงหยุนนั้น ก็เพื่อให้มันเผยไพ่ในมือทั้งหมดออกมาให้เราเห็นต่างหากเล่า หาใช่ต้องการให้เจ้าเอาเป็นเอาตายกับมันให้ได้ หากสามารถได้รู้เห็นไพ่ในมือของหลิงหยุนได้ ก็ย่อมสามารถคาดเดาชะตากรรมของตระกูลหลิง และตระกูลหลงของเราได้ เจ้าอย่าได้ผลีผลามทำอะไรลงไปโดยไม่ไตร่ตรอง..”
แววตาของหลงเทียนซินเป็นประกายขึ้นมาทันทีในขณะที่พูดประโยคต่อไป“เมื่อครู่ข้าเองก็เพิ่งได้รับรายงานมาว่า ตระกูลเย่ได้ปรากฏตัวแล้ว และเริ่มแสดงตนอยู่ข้างหลิงหยุน และนั่นเป็นเรื่องที่ตระกูลหลงของเราไม่พอใจอย่างมาก”
หลงเทียนฟางได้ยินก็ถึงกับร้องตะโกนถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ตระกูลเย่ทำอะไรงั้นรึพี่ใหญ่”
หลงเทียนซินตอบกลับเสียงเบา“ตระกูลเย่ยังไม่ได้ออกหน้าอะไรนักในเวลานี้ เพียงแต่เย่ชิงซินแห่งฉู่ซานพร้อมด้วยเย่เทียนสุ่ยกับเย่เทียนตู่ เวลานี้ทั้งสามคนได้ปรากฏตัวอยู่ในหุบเขาหลงเฟิงแล้ว และเย่ชิงซินก็ได้แสดงออกชัดเจนว่าอยู่ข้างหลิงหยุน ถึงกับออกหน้าห้ามปรามคนของคุนหลุนด้วยตัวเอง!”
หลงเทียนฟางร้องอุทานออกมาด้วยความไม่พอใจ“เย่ชิงซินมาด้วยตัวเองเชียวรึ แล้วท่าทีของเย่ชิงเฟิงกับฉู่ซานเล่า?”
หลงเทียนซินส่ายหน้า“เรื่องนั้นยังไม่แน่ชัด! แต่จากความสัมพันธ์ระหว่างเย่ชิงซินกับหลิงเสี่ยวแล้ว ข้าคาดว่าเย่ชิงซินออกหน้าในครั้งนี้ น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวของนางเอง!”
“แต่การที่ตระกูลเย่ปล่อยให้คนทั้งสามปรากฏตัวขึ้นในงานชุมนุมชาวยุทธครั้งนี้นับว่าได้สร้างปัญหาให้กับพวกเราไม่น้อย!”
หลงเทียนฟางได้ฟังก็ได้แต่ร้องตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ“พวกเรามีลุงใหญ่มาด้วย เหตุใดยังต้องกลัวเย่ชิงซิน ไม่ว่าอย่างไรคืนนี้ข้าก็ต้องจัดการกับหลิงหยุนให้ได้!”
พูดจบ..ร่างของหลงเทียนฟางก็เหาะออกไปอย่างรวดเร็ว และกำลังมุ่งหน้าไปยังเขาหลงหู่
“เฮ้อ..เจ้าเด็กคนนี้!”
หลงเทียนซินส่ายหน้าไปมาด้วยความอ่อนใจแล้วจึงเหาะไล่ตาหลงเทียนฟางไปทันที
…..
หลังจากที่สองพี่น้องตระกูลหลงเหาะออกจากทะเลสาบผอหยางไปได้ครู่ใหญ่บริเวณบ่อมังกรก็ได้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ขึ้น และร่างของมังกรสีดำยาวหลายสิบเมตรก็ได้ปรากฏตัวขึ้นเหนือผิวน้ำ
ศรีษะสีดำของเจ้ามังกรน้อยสีนิลค่อยๆโผล่ขึ้นเหนือน้ำเขาทั้งสองข้างงอกออกมาคล้ายกับเขากวาง ตามร่างกายมีบาดแผลมากกว่าสิบแห่งซึ่งล้วนแล้วแต่เกิดจากน้ำมือของหลงเทียนฟาง บางแห่งเป็นแผลลึกไปจนถึงกระดูก และเลือดของมันก็ยังคงไหลออกมาไม่หยุด ทำให้มีคราบเลือดปรากฏอยู่ตามผิวน้ำรอบๆตัวมันให้เห็น
เจ้าสีนิลจ้องมองดวงจันทร์ที่ปรากฏอยู่บนท้องนภาร่างใหญ่สีดำของมันดิ้นรนไปมาพร้อมกับร้องคำรามด้วยความโศกเศร้าอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะดำดิ่งและหายลงไปในน้ำลึกอีกครั้ง