ก่อนหน้านี้ทันทีที่หลิงฟ่างหัวสร้างรอยแยกมิติขึ้น ตัวตนที่อยู่ในส่วนลึกของห้วงอวกาศก็สัมผัสพลังของนางได้ทันที
ในฐานะที่เขาเป็นถึงเจ้าแห่งมิติ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังแห่งมิติที่เล็กน้อยสักแค่ไหนเขาก็สัมผัสได้หมด เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังของลูกสาวตัวเองเช่นนี้ เขาจึงตามร่องรอยไปในทันที
ในเวลาเพียงชั่วครู่ เขาก็ได้เห็นภาพของลูกสาวของเขา
เขาเห็นว่าลูกสาวของเขากำลังดิ้นรนสร้างรอยแยกมิติไปหาภูเขาเอ้อหลงด้วยความพยายามอย่างสุดชีวิต
เมื่อเห็นเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าลูกสาวของตนเองทำไปเพื่ออะไรแต่เขาก็ช่วยเหลือนางอย่างไม่ลังเล
ด้วยการลงมือของเขาเพียงแผ่วเบา ภูเขาเอ้อหลงทั้งลูกก็ถูกกลืนกินจนหายออกไปจากโลก
แต่แล้วเพียงแค่ชั่วครู่เดียวที่เขาลงมือ เขาก็ต้องหยุดเนื่องจากเขาถูกบางสิ่งรบกวน
จู่ ๆ ที่ตรงหน้าของเขาก็มีหนูประหลาดสีทองปรากฏตัวขึ้น แน่นอนว่าหนูตัวนี้คือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ หนูมิติ!
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ตัวตนซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ของหลิงฟ่างหัวถามขึ้น
หนูมิติหัวเราะเสียงดัง “ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้ากำลังเล่นสนุกอยู่ ข้าเลยมาดูเผื่อว่าข้าจะสามารถเล่นด้วยได้บ้าง ไหนเจ้ากำลังเล่นกับใครอยู่?”
“ไม่ว่าข้าจะทำอะไรมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าทั้งนั้น!”
หนูมิติไม่สนใจมันพูดขึ้นต่อ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่ตำหนักไร้หทัยใช่ไหม? เจ้าอยากให้ข้าช่วยอะไรรึเปล่า?”
“เจ้าจะทำอะไรได้? เจ้าไม่กลัวไอ้แก่นั่นจะฆ่าเจ้าเหรอไง?”
หนูมิติพูดขึ้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ถึงแม้ว่าข้าจะเอาชนะตาแก่นั่นไม่ได้ แต่มันก็ไม่สามารถฆ่าข้าได้หรอก”
มันคือหนูมิติที่กลายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ดังนั้นต่อให้ศัตรูของมันจะแข็งแกร่งกว่ามัน มันก็สามารถที่จะฉีกมิติหนีไปที่ไหนก็ได้
ดังนั้นใครจะสามารถฆ่ามันได้ด้วยทักษะการหนีที่มหัศจรรย์แบบนี้?
ไม่ว่าใครก็รู้ว่าการที่จะสังหารตัวตนที่เชี่ยวชาญพลังแห่งมิตินั้นมันสุดแสนจะยากที่สุด นอกซะจากว่าคนผู้นั้นจะมีความสามารถถึงขนาดปิดผนึกกฎแห่งมิติรอบ ๆ เอาไว้ได้ทั้งหมด
“ข้าหวังว่าเจ้าจะปากเก่งแบบนี้ได้อยู่เมื่อเจ้าอยู่ต่อหน้าตาแก่นั่น”
ในตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะลงมืออะไรต่ออีกแล้ว เนื่องจากตอนนี้หนูมิติมันได้มาอยู่ตรงนี้
เขาไม่ต้องการให้ใคร ๆ รู้ว่าลูกสาวของเขาอยู่ที่ไหน ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นอันตรายต่อลูกสาวของเขาเป็นอย่างยิ่ง
ในระหว่างที่เขาเอาแต่สนใจกับหนูมิติ เขาก็ไม่ได้รู้เลยว่าในตอนนี้หลิงฟ่างหัวได้ถูกดูดเข้าไปในรอยแยกมิติที่เขาสร้างขึ้นไว้ด้วยตัวเองเช่นกัน และในช่วงเวลาที่นางถูกดูดเข้าไปและเขาไม่ได้ตามดู ดังนั้นมันจึงกลายเป็นว่าเขาก็ไม่รู้ว่านางถูกดูดไปที่ไหน
ในตอนนี้ภูเขาเอ้อหลงที่กลายเป็นเหมือนเกาะขนาดมหึมาก็ล่องลอยอยู่ในอวกาศที่เต็มไปด้วยพายุอวกาศพัดผ่าน
แต่ถึงแม้ว่าจะมีพายุอวกาศพัดผ่านอยู่ตลอด แต่ทั่วบริเวณของภูเขาเอ้อหลงก็ยังปลอดภัยดี เนื่องจากค่ายกลป้องกันของภูเขาเอ้อหลงที่ถูกจัดตั้งไว้ด้วยเหล่าบรรพบุรุษมันมีอำนาจมากพอที่จะต้านทาน
ส่วนทางด้านของหลิงฟ่างหัวที่อยู่ในภูเขาเอ้อหลงก็กำลังเคี้ยวเหล่าสมุนไพรที่ถูกปลูกอยู่บนภูเขาเอ้อหลง และมองออกไปที่ห้วงอวกาศที่อยู่ด้านนอก
ที่ด้านหลังของนางก็มีหยูเจิ้นไห่ที่คอยปกป้องนางอยู่อย่างใกล้ชิด ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็นที่จะกังวลเรื่องความปลอดภัยของนางเช่นกัน
ในสายตาของคนอื่น ห้วงอวกาศที่อยู่ด้านนอกภูเขาเอ้อหลงที่เต็มไปด้วยพายุอวกาศและความผันผวนของมิตินั้นคือความน่ากลัว
แต่ในสายตาของนางมันคือความรู้เกี่ยวกับกฎแห่งมิติและมหาวิถีเต๋าที่นางกำลังตามหาอยู่
นางเพ่งมองไปที่พวกมันและเริ่มนำความเข้าใจที่เพิ่มพูนมากขึ้นอย่างรวดเร็วมาปรับปรุงเคล็ดวิชาบังคับกระแสมิติที่หลิงตู้ฉิงเคยถ่ายทอดให้จนมันพัฒนาขึ้นจนแทบจะเป็นคนละวิชา ซึ่งมันทำให้ในอนาคตนางสามารถมันบ่มเพาะไปยังขอบเขตที่สูงขึ้นกว่าขอบเขตเขตสวรรค์ได้เรียบร้อย
ในเวลาเดียวกันทางด้านของหลงเฉิน ในเวลานี้ก็กำลังฟังการบรรยายเต๋าของหลิงตู้ฉิงอยู่ในสำนักกระบี่เอกภพ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าภูเขาเอ้อหลงที่เขาอยากจะกลับไปนักหนานั้นไม่ได้อยู่ที่เดิมอีกต่อไปแล้ว
“ข้าจะโน้มน้าวให้นายท่านไปที่ภูเขาเอ้อหลงของข้ายังไงดี?” หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ในใจ
หลังจากนั้น 2 เดือน หลิงตู้ฉิงก็เสร็จสิ้นการบรรยายของเขา ซึ่งบรรดาผู้คนของสำนักกระบี่เอกภพต่างก็แยกย้ายกันไปเก็บตัวบ่มเพาะด้วยความรู้สึกซาบซึ้งอย่างสุดชีวิต
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของหลิงตู้ฉิงกับสำนักพวกเขาเกี่ยวพันกันยังไง แต่พวกเขาก็ได้เห็นแล้วว่าหลิงตู้ฉิงเป็นคนดีที่มาช่วยเหลือพวกเขา
“ท่านลุงขอบคุณมากจริง ๆ!” มู่หยุนชานขอบคุณหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “การได้บรรยายเต๋าให้พวกเจ้าฟังมันก็ถือว่าเป็นการฝึกฝนอีกแบบหนึ่งของข้าเช่นกัน”
ในตอนนี้ระดับการบ่มเพาของหลิงตู้ฉิงกระโดดมาอยู่ที่ขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 12 แล้ว
เนื่องจากรากฐานการบ่มเพาะของเขาที่มั่นคงเหนือกว่าผู้ใดในโลก เขาจึงไม่เป็นห่วงเลยกับการที่ระดับการบ่มเพาะของเขาพัฒนาเร็วถึงขนาดนี้
มู่หยุนชานเองก็เป็นคนหนึ่งที่สังเกตเห็นว่าระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงกระโดดมาถึง 5 ระดับภายใน 2 เดือนนับตั้งแต่ที่หลิงตู้ฉิงเริ่มบรรยายเต๋า “ระดับการบ่มเพาะของท่านลุงช่างพัฒนาได้เร็วจริง ๆ”
หลิงตู้ฉิง เมื่อได้ยินเช่นนี้เขายิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับออกไป
“เอาล่ะ เป้าหมายที่ข้ามาที่นี่ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นเดี๋ยวข้าจะออกเดินทางต่อทันที ส่วนเจ้าเองในอนาคตเจ้าจงยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น
“พวกเราจะตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักแน่นอนท่านลุง!” มู่หยุนชานพยักหน้า
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าตอบ “ถ้าหากในอนาคตเจ้าเผชิญกับปัญหาใด ๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ เจ้าก็จงมาหาข้า เจ้าควรจะรู้อยู่แล้วว่าจะหาข้าได้ที่ไหนใช่ไหม เอาล่ะตอนนี้ข้าเดินทางไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ต่อก่อนล่ะ”
มู่หยุนชานยิ้มและพูดว่า “งั้นข้าจะออกไปส่งท่านเอง!”
หลังจากนั้น มู่หยุนชานก็เป็นคนพากลุ่มของหลิงตู้ฉิงออกจากอาณาเขตสุสานกระบี่ด้วยตัวเอง จากนั้นเขาก็กลับมาที่สำนักกระบี่เอกภพของเขาเพื่อเก็บตัวบ่มเพาะ
มู่หยุนชานเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับประโยชน์จากการบรรยายเต๋าของหลิงตู้ฉิงมากที่สุด เขาจึงต้องเตรียมตัวพร้อมที่จะทะลวงไปสู่ระดับถัดไป
ทางด้านกลุมของหลิงตู้ฉิง เมื่อออกจากอาณาเขตสุสานกระบี่มาแล้ว หลงเฉินก็รวบรวมความกล้าและเอ่ยขึ้นว่า “นายท่าน ทำไมพวกเราไม่ไปแวะที่ภูเขาเอ้อหลงของข้าสักหน่อย? ข้ามีสหายและญาติพี่น้องที่สนิทและไว้ใจได้อยู่ ซึ่งข้าคิดว่าข้าสามารถพูดให้พวกเขามาเติมเต็มตำแหน่งลากรถของท่านได้จนครบแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับอย่างสบาย ๆ ว่า “เอาล่ะ ถึงแม้ว่าภูเขาเอ้อหลงของเจ้าจะไม่ได้อยู่ในเส้นทางเดียวกับที่เราจะผ่าน แต่มันก็ไม่ได้ไกลออกไปมากสักเท่าไหร่ ดังนั้นพวกเราไปเยือนบ้านของเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน!”
เนื่องจากหลงเฉินเอ่ยชักชวนขึ้นมาหลายรอบแล้ว มันจึงเป็นธรรมดาที่หลิงตู้ฉิงจะต้องไว้หน้าผู้ติดตามที่จงรักภักดีกับเขามาโดยตลอดโดยที่ไม่มีการบ่นอิดออดแม้เพียงครึ่งคำมาเป็นระยะเวลาหลักร้อยปี และอีกอย่างเนื่องจากหลิงว่านจุนเองก็มีความเกี่ยวดองกับเผ่ามังกรอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงจะไปที่ภูเขาเอ้อหลงสักหน่อยเพื่อติดต่อเอาไว้ล่วงหน้า
เมื่อได้ยินคำพูดตกลงของหลิงตู้ฉิงว่าจะไปที่ภูเขาเอ้อหลง หลงเฉินก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก “ขอบคุณมากนายท่าน! ข้ามั่นใจว่าการไปภูเขาเอ้อหลงรอบนี้ ข้าจะสามารถพาเหล่าพี่น้องมังกรของข้าที่มากไปด้วยพรสวรรค์มารับใช้ท่านได้จนครบแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อืม ถ้างั้นก็มุ่งหน้าไปที่ภูเขาเอ้อหลงกันเลย!”