บทที่ 641 ปลอมเป็นแฟน

The king of War

ลั่วปิงตอบอย่างจำใจ “ท่านประธาน เมื่อสักครู่ผมเตือนสติแล้วนะ! เป็นท่านไม่ตอบสนองเอง”

หยางเฉินถึงนึกขึ้นได้กะทันหัน เมื่อสักครู่ตอนที่ผังเสี่ยวเยว่ให้หยางเฉินรับปากเงื่อนไขเธอขอหนึ่ง ลั่วปิงจงใจพูดแทรกบทสนทนา กลับถูกเขาเพิกเฉยไป

ทั้งสองกำลังคุยอยู่ ผังเสี่ยวเยว่ยิ้มกริ่มเดินเข้ามาแล้ว “นี่! ฉันหาทั้งสิบหกคนเจอแล้ว นายแพ้แล้วนะ!”

พูดจบ ไม่รอหยางเฉินเอ่ยปาก เธอก็เริ่มการแสดงของเธอแล้ว ยื่นมือชี้ไปยังพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนที่สวมเครื่องแบบหน้าประตูเขตก่อสร้างบอกว่า “สองคนนี้ ที่ข้อต่อนิ้วมือทั้งสิบ มีหนังที่ด้านชัดเจนมาก มีเพียงคนที่ฝึกฝนการต่อสู้มาบ่อย ที่ข้อต่อนิ้วมือถึงปรากฏหนังด้านขึ้น พวกเขาทั้งสอง ล้วนเป็นบอดี้การ์ดที่แฝงตัว”

ตามมาด้วย เธอยื่นมือไปยังผู้คุมงานที่สวมหมวกนิรภัยสีขาวคนหนึ่ง อยู่ตรงกลางเขตก่อสร้างก่อนจะพูดว่า “ยังมีเขาอีก กล้ามเนื้อของแขนและหลังไหล่ทั้งคู่นูนขึ้นมาชัดเจนมาก ต้องมักจะฝึกซ้อมวิชาต่อสู้เน้นกำลังช่วงบนแน่ ถึงเป็นแบบนี้ ดังนั้นเขาก็ใช่”

……

ที่ทำให้หยางเฉินตกตะลึงพรึงเพริดคือ ผังเสี่ยวเยว่ชี้สิบหกคนได้ติดต่อกัน และยังบอกจุดเด่นของแต่ละคนออกมาได้ด้วย

“นี่! ฉันพูดไม่ผิดใช่ไหม?”

มองท่าทางหยางเฉินตกใจ ผังเสี่ยวเยว่ถามด้วยหน้าตาภูมิใจ

หยางเฉินได้เพียงพยักหน้า “กล้าพนันก็กล้าแพ้ เธออยากให้ฉันรับปากเธอเรื่องอะไร? ว่ามา!”

“คุณลุงลั่วคะ คุณย่าหนูเหมือนกำลังเรียกคุณลุงค่ะ”

ผังเสี่ยวเยว่พูดขึ้นทันใด

“ศาสตราจารย์ตู้เรียกฉันอีกเหรอ?”

ลั่วปิงถามออกมาโดยจิตใต้สำนึก แต่ว่าไม่นาน เขาเข้าใจความหมายของผังเสี่ยเยว่แล้ว นี่กำลังกันเขาออกไป

“ท่านประธานครับ ผมจะไปดูศาสตราจารย์ตู้ทางนั้นหน่อยนะครับ”

ลั่วปิงพูดจบ รีบเดินไปทางศาสตราจารย์ตู้ทันที

หยางเฉินพูดจาน่าตลกอยู่บ้าง “ยัยตัวแสบ บอกคำขอแค่นี้ ยังต้องไล่ประธานลั่วไปด้วย?”

ผังเสี่ยวเยว่ถลึงตาใส่หยางเฉินแล้ว จากนั้นถึงพูดด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “คุณหนูอย่างฉัน ให้โอกาสนายมาเป็นแฟนฉัน นี่คือความต้องการของฉัน”

“หา?”

ปกติหยางเฉินสุขุมเยือกเย็นอย่างมาก ถูกคำพูดประโยคนี้ของผังเสี่ยวเยว่ทำตกใจแล้ว

เด็กสาวคนนี้ ชอบตนเองเข้าแล้วเหรอ?

คงไม่มั้ง?

นี่เพิ่งเจอกันครั้งที่สองเองมั้ง?

“เสี่ยวเยว่ ลูกสาวฉันสี่ขวบกว่าแล้ว ระหว่างฉันกับเธอ ไม่มีความเป็นไปได้ใดๆ”

หยางเฉินรีบบอกว่า “เธอว่า ถ้าไม่อย่างนั้นเปลี่ยนเงื่อนไขดู?”

ผังเสี่ยวเยว่หน้าตาโกรธเคืองเต็มที่ บนแก้มยังแดงระเรื่อระดับหนึ่ง ท่าทางโกรธของเธอ ดูขึ้นมาน่ารักมากๆ

“คืนนี้ ฉันต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงหนึ่งของเพื่อนสนิท พวกหล่อนมีแฟนหมดแล้ว ฉันเป็นโสดคนเดียว ดังนั้นฉันเลยอยากให้นายปลอมเป็นแฟนของฉัน”

ผังเสี่ยวเยว่พูดอย่างโมโหเดือดดาล “นายขี้เหร่ขนาดนี้ นึกไม่ถึงยังอยากให้ฉันเป็นแฟนนายจริงๆ? ฝันไปเหลือเกิน!”

หยางเฉินทำหน้าตกตะลึง ผู้หญิงคนนี้ ไม่เสียเปรียบเลยสักนิดจริงๆ

เมื่อสักครู่ตนเองเข้าใจความหมายของเธอผิดแล้ว ผลปรากฏว่าตอนนี้เธอหาว่าตนเองน่าเกลียด

หยางเฉินส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบ บวกกับหน้าตางดงามหล่อเหลา ไม่ว่าเดินไปที่ไหน ล้วนเป็นบุคคลที่ผู้หญิงสนใจ

คาดไม่ถึงผังเสี่ยวเยว่จะบอกว่าตนเองน่าเกลียด

“ถึงแม้นายจะหน้าตาขี้เหร่ แต่ปรับแต่งสักหน่อย น่าจะพอพาออกไปด้วยได้ ฉันจะพยายามยอมรับสุดความสามารถแล้วกัน! ใครให้นายแพ้ให้ฉันล่ะ?”

มองหน้าหยางเฉินหมองคล้ำแล้ว ผังเสี่ยวเยว่รู้สึกสะใจเป็นพิเศษ

“ได้ ฉันรับปากเธอ ยังขอให้คุณผังพูดจาถนอมน้ำใจด้วย” หยางเฉินรีบตอบทันที

นี่เขาเพิ่งรู้ว่า ทำไมตอนที่ผู้หญิงคนนี้อยู่ด้วย ลั่วปิงมักจะนั่งไม่นิ่ง เดิมทีผู้หญิงคนนี้ก็คือยัยปีศาจน้อยนี่เอง

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นตามฉันไปตอนนี้เลยเถอะ!”

ผังเสี่ยวเยว่พูดด้วยหน้าตาได้ใจ

“ไป? ไปไหน?” หยางเฉินถามอย่างสงสัย

“เสียแรงที่นายเป็นถึงท่านประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ดูนายแต่งตัวต๊อกต๋อยมากแค่ไหนกัน? นายหน้าตาขี้เหร่ แต่จะหมดอาลัยตายอยาก และเลิกดูแลตัวเองไม่ได้มั้ง?”

ผังเสี่ยวเยว่ปากเหมือนปืนกล ไม่แขวะหยางเฉินเหมือนจะไม่สบายเอาสักนิด

“ได้ๆๆ คุณผังพูดจาถนอมน้ำใจหน่อย ฉันจะตามเธอไปเดี๋ยวนี้!” หยางเฉินรีบบอกไป

กลัวว่าตนเองรับปากช้าแล้ว ผู้หญิงคนนี้จะว่าร้ายเขาอีกสองสามคำ

หยางเฉินประนีประนอม ผังเสี่ยวเยว่ยิ่งได้ใจเพิ่ม หยิ่งยโสเหมือนเป็นไก่ตัวผู้ เชิดหน้ายืดอกเดินไปทางด้านหน้า หยางเฉินกลับเหมือนผู้ติดตาม ตามอยู่ด้านหลังของเธอ

“รถของฉัน ต้องเปลี่ยนคันใหม่ไหม?”

เดินมาถึงด้านข้างรถโฟล์คเภาตันของหยางเฉินคันนั้น ไม่รอผังเสี่ยวเยว่สบประมาท หยางเฉินถามขึ้นเอง

“โฟล์คเภาตันที่ราคาขายสองล้านกว่า เครื่องยนต์W12 กำลังแรงม้าสูงสุด450 แรงหมุนสูงสุด560นิวตันเมตร ประกอบกับเกียร์ธรรมดา5จังหวะ เพิ่มความเร็วร้อยกิโลเมตรใน6.1วินาที ความเร็ว250กม./ชม. คนแบบนายนี้ ชอบรถหรูที่ไม่หวือหวาขนาดนี้สินะ?”

ผังเสี่ยวเยว่เดินมาถึงด้านข้างรถของหยางเฉิน หัวเราะหึๆ บอกว่า “และ รถคันนี้ น่าจะผ่านการปรับแต่งมาโดยเฉพาะ กระจกเป็นแบบกันกระสุน ฐานช่วงล่างยกสูง ถ้าฉันเดาไม่ผิด แม้แต่เครื่องยนต์ก็ผ่านการปรับแต่งด้วยมั้ง? ฉันเดาว่า รถคันนี้เพียงแค่ค่าปรับแต่ง ก็อยู่หลักสิบล้านมั้ง?”

ครั้งนี้ หยางเฉินนับถือผู้หญิงคนนี้จริงๆ แล้ว คาดไม่ถึงยังรู้เรื่องรถ ไม่เสียแรงเป็นผู้หญิงที่เคยคว้าแชมเปี้ยนรายการโยคะบำรุงสมองมาครอง ช่างน่ากลัวจริงๆ

ทันใดนั้นหยางเฉินกำลังคิดว่า สามีในอนาคตของผู้หญิงคนนี้ จะกดดันมากหรือเปล่า?

ไม่แน่ว่าสามีในอนาคตของเธอออกไปกินข้าวกับเพื่อนผู้หญิงข้างนอกบ้าน ผู้หญิงคนนี้ล้วนมองออกหมด ยิ่งสยองขวัญหน่อย แม้แต่อีกฝ่ายเป็นใคร ล้วนเดาได้หมด?

แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงการคาดเดาของหยางเฉิน สำหรับเธอจะสามารถทำได้แบบนี้หรือไม่ นั่นก็ไม่อาจรู้ได้

“ถึงแม้รถคันนี้จะขี้เหร่เหมือนกับนาย แต่อย่างน้อยอัตราความปลอดภัยสูงสุด ฉันจะทำใจพยายามนั่งไปสักหน่อยแล้วกัน!”

ผังเสี่ยวเยว่พูดทิ่มแทงหยางเฉินอีกประโยค ดึงเปิดประตูข้างคนขับนั่งลงไป

หยางเฉินใกล้จะโดดเดี่ยวตัวเองแล้ว ไม่อยากพูดสักประโยคเดียวเสียจริง สตาร์ทรถขับออกไปแล้ว

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง พวกเขามาถึงศูนย์การค้าใจกลางเมืองที่ร้านสินค้าแบรนด์เนมมากที่สุด

แต่ว่าไม่นาน หยางเฉินก็สำนึกได้ว่าตนเองติดกับอีกรอบ

เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่อยากซื้อเสื้อผ้าให้เขา แต่ว่าซื้อเสื้อผ้าให้ตนเอง

“ชุดนี้ ยังมีตัวนี้ ฉันเอาทั้งหมดเลย!”

หยางเฉินเหมือนเป็นผู้ติดตาม ตามด้านหลังผังเสี่ยวเยว่ตลอดเวลา

เดินเข้าร้านแบรนด์เนมหลายสิบร้านติดกัน ตอนที่ทั้งสองออกมา มือทั้งคู่ของหยางเฉินหิ้วถุงน้อยใหญ่เต็มมือ

“คุณผัง เสื้อผ้าที่เธอซื้อ เดาว่าใส่สิบปีก็ใส่ไม่หมด น่าจะพอได้แล้วมั้ง?”

หยางเฉินพูดด้วยความจำใจ เขาพบว่าตนเองไม่มีวิธีถือของอีกแล้ว

ผังเสี่ยวเยว่ถลึงตามองหยางเฉินทีหนึ่ง “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เรียกฉันเสี่ยวเยว่ ถ้าตอนค่ำโป๊ะแตก ฉันไม่เอานายไว้แน่”

“ได้ๆๆ เสี่ยวเยว่ ตอนนี้ไปได้รึยัง?”

หยางเฉินเหนื่อยอย่างคาดไม่ถึง เขาไม่เข้าใจจริงๆ ตอนที่ผู้หญิงเดินซื้อของ เอาพละกำลังมาจากไหน?

เขาเป็นคนหนึ่งที่ฝึกวิชาต่อสู้ก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว ผังเสี่ยวเยว่ยังกระฉับกระเฉงอยู่เลย

“เวลาพอสมควรแล้ว ไปเถอะ!”

ผังเสี่ยวเยว่มองดูเวลาแวบหนึ่ง เย็นอยู่หน่อยจริงๆ นี่ถึงเสร็จสิ้นการซื้อของ

หยางเฉินที่น่าสงสาร มือทั้งสองหิ้วของไว้เต็ม กลับไม่มีซื้อให้เขาสักชุด

ยี่สิบนาทีต่อมา รถจอดอยู่ที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัยเยี่ยนตู

“เพื่อนฉันใกล้ถึงแล้ว ตอนนี้พวกเรารออยู่ข้างนอก!”

หลังผังเสี่ยวเยว่ลงรถ มองไปยังหอพักทางทิศตะวันออกของลานจอดรถไปด้วย เอ่ยปากบอกไปด้วย