ตอนที่ 802 การชุมนุมที่คฤหาสน์เจียงหยาง 2

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 802 การชุมนุมที่คฤหาสน์เจียงหยาง 2

“บะ บางที เจ้าเองก็เป็นสมาชิกตระกูลเจียงหยางของข้ารึ ? ” หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หญิงสาวจึงรวบรวมความคิดและสติกลับมาได้อีกครั้ง พร้อมกับจ้องมองลุงเจียงอย่างตกตะลึง

ชายหนุ่มเองก็ตกตะลึงยืนนิ่งรอฟังคำตอบจากลุงเจียง

ลุงเจียงถอนหายใจมองท้องฟ้าก่อนค่อย ๆ หลับตาลง ภาพความทรงจำที่เขาเคยปิดผนึกไว้ภายในค่อย ๆ กลับมาราวกับคลื่นน้ำเป็นระลอก ๆ ภาพความทรงจำต่าง ๆ ค่อย ๆ ปรากฏมาในจิตใจอีกครั้ง น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินออกมาอย่างไม่อาจควบคุม

ทั้งทหารยามและเหล่าสมาชิกตระกูลเจียงหยางต่างมองลุงเจียงอย่างงุนงง บางคนเริ่มเข้าใจจากบทสนทนาระหว่างลุงเจียงกับสองพี่น้อง แต่ถึงอย่างไรก็ตามทุกคนก็ยังคงก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าลุงเจียงกับสองพี่น้องคู่นั้นมีความสัมพันธ์แบบไหนกัน

“หรือว่าบนทวีปเทียนหยวนนี้จะมีตระกูลเจียงหยางอยู่อีกตระกูลจริง ๆ ? แล้วระหว่างสองตระกูลนี้มีความสัมพันธ์อะไรอยู่กันแน่ ? ” ยามนี้ทุกคนต่างมีคำถามนี้ขึ้นมาในใจพร้อม ๆ กัน

พี่น้องจากตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางไม่พูดอะไร สีหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและงุนงง แววตามองลุงเจียงอย่างกังวลและระแวดระวัง

จากสถานการณ์ตอนนี้ ทั้งสองพอจะเดาได้ว่าตระกูลเจียงหยางประจำเมืองลอร์อาจจะไม่ใช่แค่ตระกูลเล็ก ๆ ธรรมดา ๆ ที่บังเอิญแซ่เหมือนกัน แต่กลับมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับตระกูลผู้พิทักษ์

หลังจากเริ่มเรียบเรียงความคิดได้ ทั้งสองพี่น้องเปลี่ยนท่าทีที่มองคนตระกูลเจียงหยางที่อยู่ตรงหน้าทันที ประเด็นปัญหาเรื่องชื่อสกุลที่เหมือนกันถูกมองข้ามไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ลุงเจียงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา มองสองพี่น้องด้วยแววตาแฝงไว้ด้วยอารมณ์หลากหลาย แล้วพูดขึ้น “ข้าชื่อเจียงหวูจี่ ยามที่เจ้ากลับไป ลองบอกแม่เฒ่าเจียงหยาง ซูอวี้หยวน นางน่าจะรู้ว่าข้าคือใคร “

“เจียงหวูจี่ ? ” สองพี่น้องพึมพำ สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะชื่อนั้นไม่มีคำว่าเจียงหยางอยู่

ตระกูลเจียงหยางมี 3 สาขา สาขาซู สาขาหยวน และสาขาฉิง ไม่ว่าใครที่เป็นสมาชิกตระกูล ชื่อต้นย่อมเป็นเจียงหยางไม่มีข้อยกเว้น ตามมาด้วยชื่อสกุลสาขา ซู หยวน หรือชิง เพื่อเจาะจงว่าเป็นคนของสาขาไหน หลังจากสามคำหลักนำหน้าแล้ว จึงจะเป็นชื่อจริง ๆ ของคน ๆ นั้น

แค่ชื่อสามพยางค์ “เจียงหวูจี่” มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมาจากตระกูลเจียงหยาง เพราะชื่อนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ต่อให้จะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่สองพี่น้องก็ไม่พูดอะไรอีก ชายหนุ่มป้องมือทำความเคารพเจียงหวูจี่เพื่อบอกลา ก่อนออกจากคฤหาสน์ไปพร้อม ๆ กับน้องสาว

สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า สองพี่น้องพร้อมกับเซียนสวรรค์อีกสิบสองคนพุ่งทะยานห่างออกไป ก่อนที่หญิงสาวจะหันไปถามชายหนุ่มข้าง ๆ “ท่านพี่ ท่านคิดว่าชายคนนั้นเป็นใครกัน? จากชื่อ น่าจะไม่ใช่คนในตระกูลของเรา แต่กลับรู้ชื่อท่านย่าเย่ หรือว่ารู้จักกันเป็นการส่วนตัว?”

ชายหนุ่มคิ้วขมวดเล็กน้อย เขาเองก็งุนงงสับสนกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเหมือนกัน “อย่าพึ่งคิดไปเองก่อนเลยน้องสาว ยามนี้รีบกลับบ้านกันก่อน ความจริงจะเปิดเผยออกมาเองตอนที่เราเล่าเรื่องวันนี้ให้ท่านย่าฟัง” สิ้นคำเขาก็ดึงหยกขนาดเท่ากำปั้นออกมาจากอกเสื้อ กำไว้ในมือก่อนจะบีบจนแตกเป็นผุยผง

พลังปั่นป่วนไหลออกมาจากเศษหยก แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนสภาพกลายเป็นประตูมิติหลากสีตรงหน้า สองพี่น้องและผู้ติดตามทั้งสิบสองจึงพุ่งตรงหายเข้าไปในนั้น

สองพี่น้องและขณะปรากฏตัวในมิติแปลกประหลาด กว้างใหญ่ราวกับโลกใบเล็ก ๆ มีทั้งภูเขาแม่น้ำลำธารกระจายอยู่โดยรอบ สัตว์อสูรมากมายกระจัดกระจายไปทั่ว ในนั้นมีสัตว์อสูรระดับสูงที่หายากบนทวีปเทียนหยวนอยู่จำนวนไม่น้อย

ใจกลางมิติมีเกาะลอยอยู่ บนเกาะลอยฟ้านั้นเต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง ผู้คนเดินกันขวักไขว่ ราวกับเมืองขนาดย่อม ๆ ใจกลางเกาะลอยนั้นมีปราสาทขนาดใหญ่ตั้งอยู่

ตอนนี้ภายในหมู่ปราสาทนั้น หญิงสาวมีอายุในชุดสีขาวนั่งอยู่ริมหน้าต่าง นางจ้องมองภายใน แววตาเศร้าสร้อยอมทุกข์อยู่ลึกอยู่ในดวงตา

ชายมีอายุในชุดคลุมสีขาวค่อย ๆ เดินไปข้าง ๆ หญฺิงสาว ก่อนวางมือลงบนไหล่ของนางอย่างนุ่มนวล แล้วนวดอย่างเบามือ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้ม “หยิงหยุน เจ้ายังคิดถึงคงเอ๋ออยู่หรือ ? “

หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ ก่อนพูดอย่างเจ็บปวด “ยามที่คงเอ๋อละเมิดกฏของตระกูล เขาเกือบนำตระกูลเราลงไปสู่หายนะ ท่านปู่จึงปิดผนึกพลัง ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงระดับเซียนผู้คุมกฎได้ตลอดชีวิต นี่ผ่านมาจะพันปีแล้วตั้งแต่เขาเกิด ข้าอยากรู้นักว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ? เขาอยู่ที่ไหนกัน ? ข้าอยากพบลูกเหลือเกิน”

ชายคนนั้นถอนหายใจ แววตาอมทุกข์ปรากฏขึ้นมาวูบหนึ่ง คงเอ๋อที่พูดถึงเป็นบุตรชายคนเดียวของทั้งสอง เกิดขึ้นยามทั้งคู่เป็นเพียงเซียนผู้คุมกฎ ในขณะเดียวกันก็เป็นความเจ็บปวดที่สุดของทั้งสองด้วย

หลายร้อยปีก่อน บุตรชายของทั้งสองถูกขับออกจากตระกูลเนื่องจากทำตระกูลเข้าสู่สภาวะวิกฤติ ความสามารถและพลังถูกปิดผนึกทำให้ไม่สามารถเข้าถึงระดับเซียนผู้คุมกฎได้ ทำให้อายุขัยสูงสุดเพียงพันปีเท่านั้น

ต่อให้ทั้งสองจะมีสถานะอยู่บ้างในตระกูล แต่ก็ไม่มากพอจะช่วยลูกชายของตัวเองได้เพราะความผิดนั้นใหญ่จนเกินไป เขาทำให้มิติที่ตระกูลเจียงหยางตั้งอยู่นั้นเกือบถล่มล่มลงไป

เพราะว่าอย่างนั้นทำให้ฮูหยินของเขา เจียงหยาง ซู อวี้หยวน ติดค้างเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 หากไม่สามารถก้าวข้ามบาดแผลในใจตัดผ่านเป็นเซียนราชาได้ นางจะมีอายุขัยเพียงแค่ 3,000 ปี

ในอดีตแม้ทั้งสองจะเคยคิดออกไปโลกภายนอกเพื่อตามหาบุตรชาย แต่ไม่สามารถทำได้เพราะมิติถูกปิดผนึกไว้ตลอดมา ด้วยความผิดอันใหญ่หลวงของบุตรชาย ผู้อาวุโสในตระกูลต่างไม่เห็นด้วยที่จะต้องเสียทรัพยากรจำนวนมากเพื่อเปิดผนึกให้ทั้งสองออกไปตามหาลูก

ในยามนี้ ผนึกมิติของตระกูลเจียงหยางเปิดออก เพราะการรุกรานจากทวีปเทพอสูร แต่ภารกิจหลักในครานี้คือการต่อต้านการบุกรุกของทวีปสัตว์เทวะ พร้อมทั้งตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะ ทุกคนดูไม่มีเวลาจะมาช่วยทั้งสองตามหาลูกชายที่แยกห่างกันไปเนิ่นนาน อีกทั้งทวีปเทียนหยวนนั้นกว้างใหญ่ไพศาล หากไม่ใช้คนทั้งตระกูลออกตามหา ก็ไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทร ถ้าออกไปเองแค่สองคน ต่อให้ใช้ทักษะลับของตระกูลก็ไม่เพียงพอที่จะตามหาพบ

เพราะไม่เพียงพลังและความสามารถเท่านั้นที่บุตรชายของทั้งสองโดนผนึกเอาไว้ แม้กระทั่งสายเลือดยังโดนผนึกไปด้วย

ทันใดนั้นชายมีอายุก็มีท่าทีเปลี่ยนไป “อวี้หยวน ตระกูลพบเบาะแสของพยัคฆ์ปีกเทวะแล้ว มันอยู่กับชายหนุ่มชื่อเจี้ยนเฉิน และยามนี้ก็พบแล้วว่าเจี้ยนเฉินนั้นอยู่ที่ไหน ไปกันเถอะ ผู้อาวุโสกำลังรอเราอยู่”

เจียงหยาง ซู อวี้หยวนเรียบเรียงความคิดตัวเองก่อนลุกขึ้นเดินเตียงข้างชายคนนั้นออกไปภายนอก

“ท่านย่าเย่ ท่านย่าเย่ ! “

ในขณะที่ทั้งสองเดินผ่านประตูใหญ่ คู่หนุ่มสาวคู่หนึ่งก็วิ่งตรงเข้ามา แม้จะอยู่ห่างไปไม่น้อย แต่ทั้งสองยังได้ยินเสียงตะโกนนั้นอย่างชัดเจน

ทั้งสองวิ่งตรงมาข้าง ๆ เจียงหยางซูอวี้หยวน ก่อนที่หญิงสาวจะรีบพูด “ท่านย่าเย่ ยามท่านพี่กับข้าออกไปตามหาร่องรอยของพยัคฆ์ปีกเทวะ เราพบตระกูลเล็ก ๆ ตระกูลหนึ่งใช้แซ่เดียวกับเราอยู่ในเมืองเล็ก ๆ “

เจียงหยางซูอวี้หยวนฝืนยิ้มออกมาก่อนพูดอย่างอ่อนโยน “เซียวเอ๋อ ทวีปเทียนหยวนนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ผู้คนนั้นมากเกินจะนับได้ ไม่แปลกหรอกที่จะมีตระกูลที่มีแซ่ซ้ำกับเรา เจ้าไม่ต้องใส่ใจนักหรอก”

“ข้ารู้ แต่ท่านย่าเย่ ที่นั้นมีชายแก่คนหนึ่งในตระกูลเจียงหยางนั้นที่ทำท่าทีเหมือนรู้จักท่านย่า รู้ชื่อเต็มของท่านด้วยนะ” หญิงสาวพูดต่อพร้อมจ้องมองเจียงหยางซูอวี้หยวนอย่างสงสัย

เจียงหยางซูอวี้หยวนมองอย่างแปลกใจก่อนรีบถาม “เซียวเอ๋อ เจ้ารู้ชื่อของชายผู้นั้นหรือไม่ ? “

“เขาบอกข้าว่าเขาชื่อเจียงหวูจี่ แถมยังบอกว่าท่านย่ารู้จักเขา” เสี่ยวเอ่อร์ตอบ

“อะไรนะ ? เจียงหวูจี่ ? ! ” เจียงหยางซูอวี้หยวนพูดเสียงดังลั่น ท่าทีของนางเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน ไม่นานร่างของนางเริ่มสั่นเล็กน้อยอย่างกระวนกระวาย

“เจียงหวูจี่ ? ไม่ใช่ว่านั้นคือชื่อคนรับใช้ที่ตามคงเอ๋อไปหรอกรึ ? ” ชายที่ยืนเคียงข้างฉางหยางซูอวี้หยวนร้องลั่น สีหน้าท่าทางเองก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน

ชายคนนี้คือสามีของเจียงหยางซูอวี้หยวน รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเจียงหยาง นามว่าเจียงหยางซูหยวนเซียว

เจียงหยางซูอวี้หยวนปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ เข้าด้วยกันก่อนที่จะตื่นเต้น ร่างทั้งร่างรวมไปถึงเสียงสั่นอย่างเห็นได้ชัด “คงเอ๋อ คงเอ๋อ ต้องเป็นคงเอ๋อแน่ ๆ คงเอ๋อต้องอยู่ที่นั่นเป็นแน่ เซียวเอ๋อ รีบ รีบนำทางเราไปเลย” เจียงหยางซูอวี้หยวนพูดอย่างรีบร้อน

“หยุนเซียว หยุนเฟย รีบบอกพวกเรามาว่าเจ้าพบเจียงหวูจี่ที่ไหน” กระทั่งน้ำเสียงของเจียงหยางซูหยุนเซียวก็เต็มไปด้วยความร้อนรน

“เขาอยู่ที่…” ชายหนุ่มรีบบอกสถานที่ที่เขาพบเจียงหวูจี่คร่าว ๆ ให้ทั้งสองฟัง

ทันใดนั้นเจียงหยางซูหยุนเซียวสะบัดมือผ่ามิติตรงหน้า สร้างประตูมิติก่อนพาทั้งสองพี่น้องเข้าไปโดยไม่สนใจเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่โดยรอบ

ในห้องโถง เก้าอี้ 7 ตัวตั้งชิดติดกัน ชายหกคนอายุแตกต่างกันไป ไม่น่าแปลกใจที่หนึ่งในนั้นคือเจียงหยางชิงหยุน ชายแก่ที่เป็นตัวแทนตระกูลเจียงหยางยามประชุมที่เมืองทหารรับจ้าง รอบ ๆ มีคนจำนวนไม่น้อยนั่งอยู่เบื้องล่างลงไป

ฉับพลัน แววตาของชายทั้งหกที่นั่งอยู่ริมสุดภายใน ทั้งหมดจ้องมองจุดที่สองสามีภรรยาผ่ามิติจากไป

“นั่นมันเจียงหยางซูหยุนเซียว ทำไมจู่ ๆ ผ่ามิติจากไปเช่นนั้น? มีอะไรเกิดขึ้นงั้นรึ ? ” ชายแก่ถามอย่างแปลกใจ แววตาดูแปลกประหลาด

“ช่างมันเถอะ ปล่อยมันไป ในเมื่อไม่มา งั้นเราก็ประชุมกันเองหกคนนี้แหละ” เจียงหยางชิงหยุนพูดไม่ใส่ใจ เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสสูงสุดทั้งเจ็ด อิทธิพลจึงเหนือกว่าคนอื่นไม่น้อย

ยามนี้ลุงเจียงยืนอยู่ในศาลากลางน้ำในสวนของคฤหาสน์ แววตาราวกับกำลังรื้อฟื้นความหลัง หลังจากสมาชิกอาวุโสในตระกูลเห็นท่าทีของลุงเจียงยามนี้ก็พอจะเริ่มเข้าใจความเป็นจริงบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในวันนี้

จากเรื่องวุ่นวายที่สองพี่น้องก่อไว้ ทั้งหมดรู้อย่างหนึ่ง เบื้องหลังลุงเจียงและบรรพชนตระกูลเจียงหยางมีความลับใหญ่บางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ ความลับที่เลือนหายไปจากความทรงจำมาเนิ่นนาน ความลับที่ไม่มีใครในตระกูลเคยรู้

ชื่อแม่เฒ่าเจียงหยาง ซูอวี้หยวน เป็นคำถามหลักที่สมาชิกในตระกูลถามขึ้นมาหลายครั้ง นางเป็นบุคคลปริศนาที่ลุงเจียงเรียกว่าแม่เฒ่า ดังนั้นสถานะของนางย่อมไม่ธรรมดาเป็นแน่

ตอนนี้คนเก่าคนแก่ในตระกูลเริ่มสงสัยเบื้องหลังของบรรพชนตระกูลเจียงหยางกับลุงเจียงเป็นครั้งแรก

ลุงเจียงยืนอยู่ในศาลามองปลาที่แหวกว่ายอยู่ในบ่อ หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ก็พูดขึ้นโดยไม่หันมามอง “ไม่ต้องถามอะไรอีกแล้ว เจ้าจะได้รับคำตอบเร็ว ๆ นี้แหละ”

ณ ตอนนี้เอง ท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์ถูกแยกออก ประตูมิติหลากสีปรากฏขึ้นอย่างฉับหลัน ตามมาด้วยร่างหลายร่างค่อย ๆ พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว