ตอนที่ 803 การชุมนุมที่คฤหาสน์เจียงหยาง 3
พริบตาเดียวคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวบนท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์เจียงหยาง เกือบทั้งหมดสวมชุดคลุมสีขาวยืนอยู่บนก้อนเมฆที่รวมกันจนแข็งตัวด้วยพลังเซียนธาตุแสงทั้งหมดเป็น…..ส่วนที่เหลือเป็นทหารอายุหลากหลายสวมชุดแตกต่างกันไป
ทั้งหมดรีบออกจากประตูมิติ ก่อนลอยตัวล้อมคฤหาสน์ไว้ หนึ่งในนั้นสะบัดมือคราหนึ่ง สร้างม่านพลังปกคลุมคฤหาสน์ไว้ทั้งหลัง ถึงขนาดทะลุเข้าไปในพื้นดิน ปิดกั้นทางหนีทุกทิศทาง
จากเมืองแห่งเทพเจ้าแห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ คนจากสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงมาถึงแล้ว
บรรยากาศโดยรอบที่เปลี่ยนไปโดยฉับพลัน ทำให้ทุกคนในคฤหาสน์รู้สึกตัวทันที ทหารยามที่ผ่อนคลายลงหลังสองพี่น้องจากไปกลับเข้าสู่สภาวะพร้อมรบอีกครั้ง ทั้งหมดจ้องมองท้องฟ้าอย่างเคร่งเครียด ใบหน้าซีดเผือดหลังจากเห็นม่านพลังโดยรอบ เพราะรู้ดีว่านี้การกระทำของเซียนผู้คุมกฎ
ลุงเจียงเองก็รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า ก่อนจะเก็บความเศร้าหมองไว้ภายในเป็นการชั่วคราว ก่อนพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที ยามปรายตามองผู้คนที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า ทันทีที่สังเกตเห็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 ที่ขี่ก้อนเมฆพร้อมติดตราสีม่วง สีหน้าของลุงเจียงกลายเป็นเคร่งเครียดทันที
“ผู้อาวุโส พวกท่านมาจากสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแห่งเมืองแห่งเทพเจ้างั้นหรือ ? ” ลุงเจียงประสานมือทำความเคารพกลุ่มคนตรงหน้าอย่างสุภาพ ตระกูลเจียงหยางเล็กจ้อยที่นี่ไม่สามารถทำตัวถือดีต่อหน้าเหล่าบุคคลตรงหน้าได้แม้แต่น้อย
“ถูกแล้ว เรามาจากสมาคม นี่คือท่านอาจารย์ของข้า ประธานสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ทำไมยังไม่รีบคุกเข่าอีกเล่า ? ” ชายที่ยืนอยู่ข้างประธานโห่ร้องตอบพร้อมชี้นิ้วตรงไปทางลุงเจียง เขาคือลูกศิษย์ลำดับที่สองของประธาน หยวนเทียน
“ผู้น้อย เจียงหวูจี่คารวะท่านประธาน” ลุงเจียงเร่งป้องมือไปทางประธานแล้วพูดอย่างสุภาพเป็นพิเศษ ประธานสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงมีพลังอำนาจมาก ดังนั้นลุงเจียงจึงแสดงความเคารพอย่างเต็มใจ แต่ไม่คุกเข่า นอกจากนายท่านและฮูหยินผูเฒ่าที่หายไปหลายร้อยปี ไม่มีใครมีสิทธิ์ทำให้เขาคุกเข่าให้ทั้งนั้น ต่อให้เป็นประธานของสมาคมก็ตาม
หยวนเทียนโกรธขึ้นทันทีที่เห็นลุงเจียงไม่คุกเข่า เขาเคยมีปัญหากับเจี้ยนเฉินมาก่อนตั้งแต่ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะเอาวัตถุเซียนไปด้วยซ้ำ ยามนี้วัตถุเซียนเองก็หายไป โอกาสที่จะเข้าถึงระดับ 7 ของเขาก็ยากขึ้นตามไปด้วย ความเกลียดชังของหยวนเทียนที่มีต่อเจี้ยนเฉินนั้นลึกไปถึงกระดูก เขาไม่ปล่อยคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเจี้ยนเฉินไปง่าย ๆ เป็นอันขาด
“บังอาจ ! เจ้าเป็นแค่คนรับใช้ แต่กล้าไม่คุกเข่าต่อหน้าประธานสมาคมงั้นรึ ? รนหาที่ตาย ! ” หยวนเทียนตะโกนลั่น
“หยวนเทียน อย่าทำตัวหยาบคาย ! ” ประธานยื่นมือมาหยุดหยวนเทียน ถึงแม้เจี้ยนเฉินจะเอาวัตถุเซียนของสมาคมไป แต่เขาก็รู้ดีว่าวัตถุเซียนยินยอมที่จะติดตามไป ไม่ใช่ว่าเจี้ยนเฉินจงใจทำ ดังนั้นประธานเองก็ไม่อยากสะบั้นความสัมพันธ์กับเจี้ยนเฉินด้วยเรื่องของตระกูลเจียงหยาง เพราะยังไงตอนนี้ทุกอย่างยังมีโอกาสแก้ไขอยู่
ประธานประสานมือเล็กน้อยให้ลุงฉางก่อนถาม “ข้าอยากรู้ว่ายามนี้เจี้ยนเฉินอยู่ที่ใดกันรึ ? “
“ท่านประธานที่เคารพ ยามนี้นายน้อยสี่จากไปแล้ว แม้กระทั่งข้ารับใช้เก่าแก่คนนี้ยังไม่รู้ว่าท่านจากไปที่ใด” ลุงเจียงตอบเสียงราบเรียบไร้ท่าทีหวาดกลัว
“ท่านอาจารย์ ในเมื่อหยางยู่เทียนไม่อยู่ที่นี่ ข้าว่าเราควรเชิญทุกคนในตระกูลเจียงหยางไปพักที่สมาคม เมื่อเจี้ยนเฉินกลับมา ค่อยให้มันมารับคนในตระกูลกลับที่สมาคม” หยวนเทียนพูดขึ้น
ประธานไม่ได้พูดโต้ตอบกับหยวนเทียน แต่กลับพูดต่อ “แล้วรู้ไหมว่าเมื่อไหร่จะกลับมา ? ” นอกจากทุกอย่างจะถึงจุดแตกหัก ประธานไม่อยากสร้างปัญหากับครอบครัวของเจี้ยนเฉิน หากทำให้เจี้ยนเฉินโกรธขึ้นมา แล้วนำวัตถุเซียนไปซ่อนหรือส่งต่อ ทำให้องค์กรที่ทรงพลังเช่นสมาคมสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
“ข้ารับใช้แก่คนนี้เองก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อใดนายน้อยถึงจะกลับมา” ลุงเจียงตอบ
“ท่านประธาน ข้าว่าเราทำตามที่หยวนเทียนเสนอมา พาคนพวกนี้ไปให้หมด ตราบใดที่เรามีครอบครัวมันอยู่ในกำมือเรา ข้าไม่เชื่อว่าจะกล้าไม่ส่งคืนวัตถุเซียน” ผู้อาวุโสคนหนึ่งแนะนำขึ้นจากเบื้องหลัง
“ท่านอาจารย์ ข้าเองก็เห็นด้วย เราไม่รู้ว่าเมื่อใดเจียงหยางยู่เทียนจะกลับมา จะให้คนจำนวนมาคอยเฝ้ารอที่นี้ตลอดเองก็เป็นไปไม่ได้ หากเรานำตัวครอบครัวของเจียงหยางยู่เทียนไป ข้าเชื่อว่ามันต้องโผล่ออกมาโดยเร็ว” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งสนับสนุน
หลังจากคิดอยู่ครู่ใหญ่ ประธานเห็นด้วยกับข้อเสนอในท้ายที่สุด ก่อนพูด “เรามีแค่ทางนี้ทางเดียว ทุกคนแห่งตระกูลเจียงหยาง ได้โปรดตามข้าไปพักที่สมาคมสักพัก ยามใดที่เจี้ยนเฉินส่งคืนวัตถุเซียนให้เรา ข้าจะเป็นคนมาปล่อยทุกคนกลับด้วยตัวเอง”
ทันทีที่ได้ยิน ลุงฉางพูดด้วยเสียงที่เครียดขึ้นมากกว่าเดิม “หากนายน้อยไม่กลับมาศตวรรษหนึ่งเล่า นั้นหมายความว่าสมาคมจะคุมตัวพวกเราไว้ 100 ปีเชียวหรือ?”
“ถูกแล้ว ! ” ประธานตอบอย่างเรียบเฉย เขารอเป็นร้อยปีไม่ได้ หากผ่านไปเป็นศตวรรษขึ้นมาจริง ๆ สมาคมจะเป็นเช่นไรยังยากจะพูดได้
ใบหน้าของลุงเจียงออกอาการโกรธขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนพูดอย่างเย็นชา “สมาคมของท่านอาจจะทรงพลังอำนาจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีสิทธิ์มาข่มเหงคนตระกูลเจียงหยางของข้าได้”
สิ้นคำ ท่าทีของคนจากสมาคมเปลี่ยนไปทันที คำพูดของลุงเจียงไม่ต่างกับการประณามสมาคม ทุกคนที่นี่ต่างใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเพราะสมาคม คำพูดของลุงเจียงทำให้ทุกคนโกรธขึ้นมาทันที
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย ! ” ชายในชุดรัดรูปตะคอกอย่างโกรธเคือง ก่อนอัดฝ่ามือส่งพลังตรงไปทางลุงเจียง พื้นที่โดยรอบลุงเจียงหยุดนิ่ง ลุงเจียงไม่สามารถขยับตัวหลบได้แม้แต่น้อย
พลังที่มองไม่เห็นปะทะเข้ากับลุงเจียง ใบหน้าลุงเจียงซีดเผือดก่อนกระอักเลือดออกมาคราใหญ่ พื้นที่โดยรอบกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง ร่างของลุงเจียงร่วงลงจากฟ้าอย่างรวดเร็ว
เบื้องล่าง เซียนปฐพีหลายคนตะโกนก้อง ทันใดนั้นทุกคนต่างพุ่งตรงไปรับร่างลุงเจียงอย่างเป็นห่วง ทุกคนต่างรู้ดีว่ายามนี้ตระกูลเจียงหยางกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาอันใหญ่หลวง ปัญหากับสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่ทรงอำนาจจากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ จักรวรรดิที่เหนือกว่าอาณาจักรฉินหวงหลายขุม
ชายที่โจมตีลุงเจียงชายตามองอย่างเย็นชา ก่อนพูด “เป็นเพียงตระกูลเล็กต่ำต้อยแต่กล้าทำตัวยโสโอหังต่อหน้าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง เจ้าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ครานี้ข้าจะปล่อยไป หากมีอีกข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสียตรงนั้น ไม่ยั้งมือหรอกนะ”
ความแตกต่างระหว่างระหว่างเซียนสวรรค์กับเซียนผู้คุมกฎนั้นห่างกันเกินไป ในสายตาเซียนผู้คุมกฎแล้ว คนอื่นไม่ต่างจากมดตัวหนึ่ง ต่อให้ลุงฉางจะเป็นเซียนสวรรค์ขั้นสูงสุด แต่ก็เปราะบางเมื่อเผชิญหน้ากับเซียนผู้คุมกฏ
ไม่มีหยุดการกระทำของชายคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นประธานหรือผู้อาวุโสสูงสูด ต่อให้ไม่อยากจะแตกหักกับเจี้ยนเฉิน แต่ทุกอย่างมีขีดจำกัด คำพูดของลุงเจียงนั้นเกินขอบเขตที่ทุกคนตรงนั้นจะรับได้
ประธานหันไปมองชายแก่ผมขาวที่อยู่ไม่ไกล ก่อนร้องขอ “ข้าต้องขอรบกวนผู้อาวุโสเจียให้พาทุกคนไปยังสมาคมด้วย”
ชายแก่พยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนผ่ามิติ สร้างประตูมิติระหว่างสมาคมกับคฤหาสน์เจียงหยาง เตรียมพาทุกคนในตระกูลกลับไปยังสมาคม
เปรี้ยง !
ทันใดนั้นเสียงดังลั่นเกิดขึ้น ม่านพลังที่กางเอาไว้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ร่างสี่ร่างลอยอยู่นอกม่านพลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้
ชาย 2 คนและหญิงอีก 2 คน พี่น้องและคู่สามีภรรยาจากตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง
ทุกคนจากสมาคมต่างหันไปมองคนทั้งสี่ทันที เสียงหนึ่งตะโกนออกไป “บอกมาเจ้าเป็นใคร ? แสดงตัวออกมา ! “
เจียงหยางซูอวี้หยวนและเจียงหยางซูหยวนเซียวมองคนจากสมาคมตรงหน้าก่อนจะเมินเฉย แล้วหันไปถามคนข้างกาย “ทำไมสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงถึงอยู่นี้เล่า ? หยุนเฟย หยุนเซียว ที่นี่คือที่ซึ่งเจ้าพูดถึงหรือ ? “
“ท่านปู่หยวนเซียว ท่านย่าเย่ ถูกแล้ว ที่นี่แหละ” เจียงหยางซูหยวนเฟยตอบพร้อมมองสำรวจคนที่อยู่เบื้องล่าง ก่อนเห็นเจียงหวูจี่ที่บาดเจ็บหนักอยู่บนพื้น “นั่นไง ท่านปู่ท่านย่า คนนั้นคือคนที่บอกว่าชื่อเจียงหวูจี่”
เจียงหยางซูหยวนเซียวและเจียงหยางซูอวี้หยวนหันไปให้ความสนใจมองเจียงหวูจี่ ถัดมาทั้งสองขยับตัวเล็กน้อยก่อนโผล่มาอยู่ข้างเจียงหวูจี่ทันใด แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นในขณะที่มองเจียงหวูจี่
ตอนนี้รูปลักษณ์ของลุงเจียงกลายเป็นชายแก่อายุ 70 ปี ใบหน้าทั้งหลายเปลี่ยนไปจนสองสามีภรรยาเองยังแทบจะจำไม่ได้
“เจ้า…เจ้าคือเจียงหวูจี่ใช่หรือไม่ ? ” เจียงหยางซูอวี้หยวนถามอย่างลังเล เสียงของนางเต็มไปด้วยความหวัง ภายในใจนางเครียดเป็นอย่างมากเนื่องจากกังวลว่าชายตรงหน้านางจะใช่เจียงหวูจี่ที่ตามหาอยู่หรือไม่
สมาชิกในตระกูลเจียงหยางที่อยู่รอบเจียงหวูจี่มองหน้ากันเองก่อนหันไปมองสองสามีภรรยาเป็นครั้งคราว ทั้งหมดพอจะเดาได้ว่าทั้งสองเป็นใคร แต่ไม่กล้าพูดออกมา ทั้งคู่ต้องเป็นเซียนผู้คุมกฎอย่างแน่นอนถึงจะสามารถทำลายม่านพลังที่เซียนคุมกฏสร้างขึ้นมาได้
หลังจากเห็นหญิงสาวตรงหน้า อารมณ์ความรู้สึกของเจียงหวูจี่เอ่อล้นขึ้นมาทันที น้ำตาเริ่มไหลลงมาราวกับน้ำพุ ควบคุมไม่ได้ ก่อนพยายามลุกขึ้นพร้อมพูดด้วยเสียงสั่นไหว “ฮะ ฮูหยินผู้เฒ่า นะ นายท่านผู้เฒ่า ขะ ข้า ข้ารับใช้คนนี้คือเจียงหวูจี่.. เจียงหวูจี่คารวะฮะ ฮูหยินผู้เฒ่าและนายท่านผู้เฒ่า แค่ก แค่ก แค่ก…” ลุงเจียงรับการโจมตีจากเซียนผู้คุมกฏมา ต่อให้อีกฝ่ายจะรั้งพลังไว้บ้าง แต่เขาเองก็ยังได้รับบาดเจ็บไม่น้อย กระทั่งจะพูดยังยากลำบาก จนท้ายที่สุดถึงขั้นกระอักเลือดออกมา ย้อมเสื้อตัวเองกลายเป็นสีแดงฉาน