“หา? เจ้าบอกว่า……เจ้าจะไปที่โลกวิญญาณงั้นหรือ?” เฉียวฉู่เบิกตากว้างจ้องมองจวินอู๋เสียที่เพิ่งบอกข่าวที่น่าตกใจให้เขาฟัง มือที่ถือตะเกียบของเขาชะงักค้าง เขากลืนน้ำลายและมองไปที่พวกฮัวเหยา ดูเหมือนว่าเขาพยายามจะจับปฏิกิริยาของเพื่อนๆ
“ใช่ ข้าจะไป ฉินเกอกับหลงจิ่วก็จะไปด้วย” จวินอู๋เสียพูด
อาจเป็นเพราะเมื่อวานนางเหนื่อยมากจึงหลับยาวจนตะวันขึ้นสายโด่ง และคงเพราะได้อยู่ที่บ้านซึ่งจากไปนาน ความอบอุ่นสบายใจทำให้นางหลับสนิท แต่พอตื่นขึ้นมา นางก็ไปพบกับพวกเฉียวฉู่ทันทีเพื่อปรึกษาเรื่องการเดินทางไปโลกวิญญาณ
ถ้าสามารถทำให้สภาวะของนางมั่นคงได้ จวินอู๋เสียย่อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ ตอนนี้ยาและวิชาแพทย์ไม่สามารถควบคุมความผิดปกติของร่างกายนางได้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกหมดหนทางต่อสภาพร่างกายของตัวเอง
“การไปโลกวิญญาณตอนนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเรา ถ้าเจ้าอยากไป พวกเราสามารถพาเจ้าไปได้ทุกเมื่อ” ฮัวเหยาวางตะเกียบ เขาเชื่อว่าการตัดสินใจทุกอย่างของจวินอู๋เสียนั้นล้วนมีเหตุผลในตัวเอง
“งั้น……ไปก็ไป พวกจงจงก็คิดถึงเจ้ามากเหมือนกัน” เฉียวฉู่เกาหัว จากนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา เขามองไปรอบๆและพูดแบบลับๆล่อๆว่า “หลงจิ่วกับฉินเกอ ข้าไม่มีความเห็นอะไรหรอกนะ แต่ซือถูเหิงน่ารังเกียจนั่น……เขาจะไปด้วยรึเปล่า?”
ซือถูเหิงอยู่กับพวกเขาตั้งแต่อาณาจักรกลางจนถึงอาณาจักรล่าง พวกเฉียวฉู่เห็นซือถูเหิงทำหน้าบึ้งไปตลอดทาง ถ้าไม่คำนึงถึงว่าซือถูเหิงเป็นคนของดินแดนแห่งวิญญาณ เฉียวฉู่คงต่อยตีกับเขาไปนานแล้ว
“ไป” จวินอู๋เสียตอบ “เขาจะไปทำอะไร……น่าหงุดหงิดจริง” พอได้ยินว่าซือถูเหิงจะไปด้วย เฉียวฉู่ก็เบะปากทันที
“ช่างเถอะ พวกเราก็ไม่ต้องไปสนใจ โลกวิญญาณกว้างใหญ่จะตาย เขาเองก็ไม่ชอบอยู่กับพวกเรา พาเขาไป แล้วเขาจะไปไหนก็ช่างเขา พวกเราไม่ต้องไปสนใจ” เฟยเหยียนไม่คิดว่ามันจะมีอะไรนักหนา คิดซะว่าเป็นแค่คนที่ผ่านทางมา
หลังจากตัดสินใจแล้ว ทุกคนก็กินข้าวได้อย่างสบายใจ เป็นเพราะจวินอู๋เสียกลับมา พวกเฉียวฉู่จึงเข้ามาขอข้าวกินที่วังหลินอ๋องอย่างหน้าด้าน แม้ว่าจวินเสี่ยนจะคิดถึงหลานสาวของเขามาก แต่เขาไม่อยากขัดจังหวะพวกเด็กๆ นอกจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าหลานสาวของเขาโตเกินวัยไปแล้ว ถ้าได้รวมตัวกับคนรุ่นเดียวกันก็อาจจะทำให้ร่าเริงสดใสขึ้นมาได้
แน่อยู่แล้วว่า……
ความปรารถนาของจวินเสี่ยนคงไม่เป็นจริง พวกเฉียวฉู่อยู่กับจวินอู๋เสียมานานแล้วไม่เห็นว่าจะทำให้จวินอู๋เสียร่าเริงขึ้นเลย
“อ๊ะ! งั้นเจ้าก็จะพาฉินเกอ หลงจิ่ว ซือถูเหิง เสี่ยวเฮย บัวเมา ตู๋เถิง แล้วก็อิงซู่ไปด้วยใช่ไหม? ข้าไม่ได้เจอพวกบัวเมามาตั้งนาน” เฉียวฉู่หัวเราะคิกคัก ทุกครั้งที่เห็นบัวเมากับอิงซู่ทะเลาะกัน มันสนุกแบบที่อธิบายไม่ถูก
จวินอู๋เสียกลืนอาหารในปากแล้ววางตะเกียบลง จากนั้นก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน
“ไม่ใช่”
“ไม่ใช่? งั้นมีใครอีกล่ะ? ท่านแบะแบะกับกระต่ายโลหิตไม่ได้ไปไม่ใช่หรือ?” เฉียวฉู่สับสนเล็กน้อย
จวินอู๋เสียใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากอย่างสง่างาม จากนั้นก็ยกแขนขึ้นเล็กน้อย แสงหกดวงปรากฏขึ้นด้านหลังนางทันที
เมื่อแสงจางหายไป ร่างหกร่างที่มีขนาดรูปร่างต่างกันก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
เคร้ง! ชามกับตะเกียบในมือเฉียวฉู่หล่นลงกระแทกโต๊ะ
“หก……หก……ภูติประจำตัว……หกตน?! เสี่ยวเสีย เจ้ามีภูติประจำตัวหกตน!!!”