ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 63 คำทำนาย

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

หนึ่งเดือนผ่านไป เรื่องของหวงฝู่อวี้เป็นที่เล่าลือกันไปทั่วเมืองหลวง จากนั้นก็ค่อยๆ เลือนหายไป  

 

 

หวงฝู่ซวิ่นส่งคนไปที่รัฐอิง และฉู่เหวินเจี๋ยก็นำเหล่าทหารทั้งหลายกลับเมืองหลวงมาแล้ว  

 

 

ศึกครั้งนี้มีทหารบาดเจ็บมากมาย  

 

 

หวงฝู่ซวิ่นไม่อยากเป็นเหมือนแต่ก่อน ที่ให้เงินกับพวกเขาเล็กน้อยแล้วปล่อยให้กลับบ้านไปตายเอาดาบหน้า แต่ก็ยังคิดหาทางจัดการไม่ได้ คิดเสียจนผมหงอกไปทั้งหัวแล้ว  

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยร้อนรนไม่แพ้กัน หลังจากที่เข้าเฝ้าหวงฝู่ซวิ่นแล้ว ทั้งสองคนก็วางแผนการลับเอาไว้ว่า ให้ไปที่จวนอ๋องฉีเป็นบ่อยๆ ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ ให้แกล้งทำเป็นพูดถึงเรื่องทหารบาดเจ็บ ไม่มีทางอื่นแล้ว ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้นที่คาดหวัง ขนาดพวกทหารที่อยู่ในค่ายยังตั้งหน้าตั้งตารอข่าวเลย 

 

 

หวงฝู่ซวิ่นยังดี ที่หน้าด้านมาแต่ไหนแต่ไร หลังจากออกว่าราชการเช้า ตรวจฎีกาเสร็จ ก็ไปที่จวนอ๋องฉี พูดคุยโวเสียดิบดีเรื่องที่รัฐอิงแพ้พ่าย ทำให้เขาวางใจได้เสียที ตอนนี้บ้านเมืองสงบสุข ไม่มีเรื่องอันใด ในที่สุดเขาก็มีเวลามาหาเสด็จอากับเสด็จอาสะใภ้ของเขาเสียที  

 

 

แต่ฉู่เหวินเจี๋ยไม่เลย อายุปามาปูนนี้ เขายังไม่เคยทำเรื่องน่าอายเช่นนี้มาก่อนเลย แต่เพื่อเหล่าทหารที่บาดเจ็บทั้งหลาย เขากัดฟัน บากหน้าไปทุกวัน หลังจากที่เขาฝึกซ้อมทหารเสร็จ ก็หาข้ออ้างต่างๆ นาๆ มากินข้าวที่จวนอ๋องฉี ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น รู้แต่ว่าเขามาหาพี่สาวกับพี่เขยของเขาเท่านั้น  

 

 

คำพูดของเขาสองคน ท่านอ๋องฉีได้ฟังก็เข้าใจทันที เลยเหลือบมองทั้งสองคนแล้วถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้อะไร  

 

 

พระชายาฉีกลับดีใจ สั่งให้ครัวทำสำรับที่ทั้งสองคนชอบออกมาให้กินทุกวัน  

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้ตั้งนานแล้วว่าพวกเขาต้องการอะไร แต่ไม่พูด แต่ได้เห็นสองคนนั้นร้อนใจ พอกลับถึงห้องไปกลับมีความสุขยิ่งนัก 

 

 

ผ่านไปอีกครึ่งเดือน ทหารบางคนก็หายดีแล้ว เริ่มออกจากค่ายทหารกันแล้ว ฉู่เหวินเจี๋ยร้อนใจ มาเข้าพบหวงฝู่ซวิ่นที่วังหลวงแล้วพูดอย่างไม่เกรงใจว่า “ฝ่าบาท หากยังคิดหาวิธีจัดการกับทหารไม่ได้ล่ะก็​ คนทั้งประเทศจะหัวเราะเยาะฝ่าบาทเอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ไม่ว่าเขาจะทำเช่นไร จะแสดงออก หรือบอกเป็นความนัย เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น หลายวันมานี้หวงฝู่ซวิ่นร้อนรนกระวนกระวายเสียจนหัวแทบจะล้านแล้ว ได้ยินดังนั้น ก็ลุกขึ้น เอาฎีกาที่อยู่ในมือเขวี้ยงลงไปที่โต๊ะหนังสือ “ทหาร จัดขบวนไปจวนอ๋องฉี วันนี้ถ้าหากซื่อจื่อเฟยไม่มีทีท่าอะไร ข้าไม่กลับ” 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยที่ยืนอยู่อีกทางหนึ่งก็พูดว่า “ฝ่าบาท นี่ท่านจะไปขอความช่วยเหลือนะพ่ะย่ะค่ะ ท่านจัดขบวนใหญ่โตขนาดนี้ จะไปขอความช่วยเหลือหรือว่าไปบังคับข่มขู่กันแน่” 

 

 

หวงฝู่ซวิ่นชะงักไป แล้วออกคำสั่งใหม่ว่า “ทหาร เอารถม้าของไท่จื่อมาให้ข้า” 

 

 

ทหารตอบรับ  

 

 

หวงฝู่ซวิ่นนั่งรถม้า ฉู่เหวินเจี๋ยขี่ม้า ไร้ซึ่งผู้ติดตามเดินทางมาที่จวนอ๋องฉี  

 

 

ครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ที่เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ออกตัว ก็เพราะนางกับหวงฝู่อี้เซวียนกำลังทำการสืบเรื่องทหารที่ได้รับบาดเจ็บอย่างลับๆ อยู่ว่าจะจัดการเช่นไรถึงจะดี จนกระทั่งวันนี้ ถึงจะหารือกันแล้วเสร็จ  

 

 

ตอนที่หวงฝู่ซวิ่นกับฉู่เหวินเจี๋ยมา ทั้งสองคนเพิ่งจะปรึกษากันเสร็จ เพราะฉะนั้น พอทั้งสองคนเดินเข้าจวนมา หวงฝู่อี้เซวียนก็เอาเรื่องที่ทั้งสองปรึกษากันเรียบร้อยแล้วพูดออกมาว่า “ฝ่าบาท ข้ากับโยวเอ๋อร์ปรึกษากันเรียบร้อยแล้วว่าจะไปเปิดร้านบะหมี่มันฝรั่งที่รัฐเพื่อนบ้าน เพราะฉะนั้นเลยต้องการพื้นที่เปล่าเพื่อใช้สอย ท่านดูว่าจะพระราชทานให้พวกเราได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

พื้นที่เปล่าน่ะมี แต่เป็นที่ๆ อยู่ห่างจากเมืองหลวงออกไปไกล แต่ทหารพวกนั้นก็ไม่ได้เป็นคนเมืองหลวงอยู่แล้ว ไม่น่าคิดมาก หวงฝู่ซวิ่นเลยตอบรับทันที “แบบนี้ค่อยดีหน่อย พวกเจ้าต้องการเท่าไรล่ะ” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหันไปหาฉู่เหวินเจี๋ย “ท่านน้าขอรับ เปิดหน้าดินเป็นเรื่องลำบาก ท่านกลับไปถามพวกเขาก่อน ว่ามีคนไม่ยินยอมหรือไม่ พวกเราจะไม่บังคับ” 

 

 

ทหารเหล่านี้มาจากบ้านนอกทั้งนั้น ล้วนเป็นลูกของคนยากคนจน งานหนักงานเหนื่อยเพียงใดล้วนเคยทำมาหมด เปิดหน้าดินแค่นี้เอง แต่ก็เพื่อความแน่นอน ฉู่เหวินเจี๋ยจึงพยักหน้าตอบรับ “ได้ ข้าจะกลับไปถาม แล้วจะรีบมาบอกโดยเร็ว” 

 

 

“ดีขอรับ ถ้าสองเรื่องนี้จัดการเรียบร้อย พวกเราก็สามารถจัดการกับพวกทหารที่เหลือได้แล้ว” 

 

 

หวงฝู่ซวิ่นกับฉู่เหวินเจี๋ยคิดไม่ถึงว่าแผนการที่พวกเขาวางมาทั้งหมด ที่หน้าด้านมาขอความช่วยเหลือตั้งครึ่งเดือน จะจบง่ายๆ เพียงเท่านี้ เขาไม่อยากจะเชื่อ เลยเอาแต่นั่งชะงักอยู่บนเก้าอี้ 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้วถาม “ฝ่าบาท ท่านน้า พวกท่านไม่พอใจกับแผนการนี้อย่างนั้นหรือ” 

 

 

หวงฝู่ซวิ่นได้สติ สะดุ้งขึ้นมาพูดอออกมาไม่ขาดปากว่า “พอใจๆ ข้าจะออกราชโองการ เจ้ากับเมียเจ้าชอบที่ตรงไหน ก็บอกมาได้เลย จะเอาเท่าไรก็เอาไป” 

 

 

การเปิดหน้าดินในพื้นที่รกร้าง ไม่เพียงแต่จะจัดการเรื่องทหารได้ ยังสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อีกด้วย ยิงนัดเดียวได้นกสองตัวเช่นนี้ คนเป็นฮ่องเต้อย่างเขามีหรือจะไม่พอใจ ไม่ให้การสนับสนุนก็โง่แล้ว 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยได้สติ ลุกขึ้นยืนทันที แล้วพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ข้าจะกลับค่ายทหารเดี๋ยวนี้ ไปถามความเห็นของพวกเขาก่อน อย่างช้าสุดก็คืนนี้…​… ไม่สิ ช้าสุดก็หลังจากนี้หนึ่งชั่วยามข้าจะกลับมารายงาน” 

 

 

พูดจบ ก็คารวะหวงฝู่ซวิ่น แล้วขอตัวลา เดินออกจากจวนอ๋องฉีแล้วควบม้ากลับไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

หวงฝู่ซวิ่นก็ไม่ได้อยู่ต่อ รีบกลับวังหลวงไป 

 

 

เรื่องทหารที่ได้รับบาดเจ็บ พอได้รับการแก้ไข ฮ่องเต้ดีพระทัยยิ่งนัก เลยพระราชทานของล้ำค่ามากมายให้กับจวนอ๋องฉี แต่เป็นเพราะฤดูหนาว อากาศหนาวเหน็บ พื้นดินเป็นน้ำแข็ง ไม่สามารถทำอะไรได้ เมิ่งเชี่ยนโยวได้แต่ให้เหล่าทหารพวกนั้นไปสร้างบ้านอยู่แถวนั้นก่อน เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิคงย้ายเข้าไปอยู่ได้พอดี  

 

 

หวงฝู่อวี้ก็กลับมาเป็นปกติแล้ว ดูแลกิจการของจวนอ๋องได้เป็นอย่างดี  

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งกับหวงฝู่เย่าเย่ว์แล้วก็หวงฝู่เฮ่าไปเรียนที่กั๋วจื่อเจี้ยนตามเดิม แต่ว่า หลังจากที่ผ่านเรื่องของหลินหันเยียนไป หวงฝู่เย่าเย่ว์ที่สดใสมีชีวิตชีวาก็กลายเป็นคนเงียบขรึม  

 

 

พระชายาฉีเห็นดังนั้น ก็ทั้งสงสารทั้งปลื้มใจ เอาแต่คิดหาวิธีเอาใจให้นางดีใจ  

 

 

หลายวันผ่านไป วันนี้อากาศดี แสงพระอาทิตย์ส่องที่อบอุ่นส่องลงมา พระชายาฉีเลยพูดขึ้นมาว่า “วันนี้อากาศดี พวกเราไปแก้บนที่วัดชิงอวิ๋นกันเถอะ” 

 

 

ปีนั้นท่านอาจารย์เสวียนชิงไม่ได้เปิดโปงเมิ่งเชี่ยนโยวว่านางมาจากอนาคตต่อหน้าฮ่องเต้และชาวบ้าน หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวซาบซึ้งเป็นอย่างมาก จึงหาเวลาไปกราบที่วัดชิงหวิ๋นในทุกปี แล้วทำบุญค่าธูปเทียนเป็นจำนวนมาก นานวันเข้า หลายปีผ่านไป ก็กลายเป็นความเคยชินของจวนนี้ ที่ทุกคนในจวนจะต้องไปกันพร้อมหน้าในทุกๆ ปี  

 

 

ท่านอ๋องฉีเห็นด้วย หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ต้องพูดถึง หวงฝู่อวี้ก็อยู่จวนพอดี หลังจากที่ทุกคนเตรียมของเสร็จ ต่างก็ขึ้นรถม้าเดินทางมาที่วัดชิงหวิ๋น  

 

 

วัดชิงอวิ๋นมีธูปเทียนพร้อมสรรพ ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งข้าราชการทั้งผู้ดีทั้งหลาย จนถึงชาวบ้านธรรมดา พ่อค้าแม่ขาย ล้วนมากันหมด 

 

 

บ้างขอโชคลาภ บ้างขอคู่ครอง บ้างขอเรื่องสุขภาพ บ้างก็ขอให้ครอบครัวมีแต่ความสุข อีกทั้งยังมีการขอพรแปลกๆ ต่างๆ นาๆ ล้วนมีหมด  

 

 

รถม้าเดินทางมาถึงตีนเขา ทุกคนลงจากรถม้า  

 

 

ท่านอ๋องฉีกับพระชายาเดินนำอยู่ด้านหน้า  

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งกับหวงฝู่เย่าเย่ว์เดินประกบข้างพวกเขา  

 

 

หวงฝู่รุ่ยกับหวงฝู่เฮ่าเดินอยู่ด้านหลัง 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยว และหวงฝู่อวี้อีกทั้งเจียงจิ่นเดินอยู่หลังสุด  

 

 

ในวัดเต็มไปด้วยผู้คน หลังจากที่ทุกคนกราบสักการะเรียบร้อย พระสงฆ์ที่อยู่ในวัดก็พาพวกเขาไปที่กุฏิของท่านอาจารย์เสวียนชิง 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหยิบตั๋วเงินขึ้นมาหนึ่งปึกวางไว้ตรงหน้าท่านอาจารย์เสวียนชิง 

 

 

ท่านอาจารย์เสวียนชิงยิ้มแล้วสั่งให้พระสงฆ์รูปนั้นนำไปเก็บ เสร็จแล้วมองไปที่เด็กๆ แต่ละคน แต่เมื่อมองไปที่หวงฝู่สือเมิ่งกับหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ยิ้มแล้วถามว่า “โยมน้อยทั้งสอง ช่วงที่ผ่านมาเจอเรื่องอันใดมางั้นรึ” 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งกับหวงฝู่เย่าเย่ว์นิ่งไม่ได้ตอบ  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเลยถามว่า “เหตุใดท่านอาจารย์ถึงได้พูดเช่นนี้เจ้าคะ” 

 

 

“โยมน้อยทั้งสองนี้ดาวเทพมงคลเคลื่อนย้าย โดยเฉพาะโยมน้อยผู้นี้… …” พูดถึงตรงนี้เสร็จก็ชี้ไปที่หวงฝู่สือเมิ่ง “อีกไม่นานจะมีผู้บุญหนักศักดิ์ใหญ่มาสู่ขอ” 

 

 

จะเอาของๆ คนอื่น ก็ต้องทุ่มเทเป็นธรรมดา จวนท่านอ๋องฉีร่ำรวยเงินทอง ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่ท่านหญิงน้อยทั้งสองของจวนอ๋องฉีนี้เป็นที่จับตามองของใครหลายๆ คน มีแต่คนอยากจะมาสู่ขอพวกนาง ท่านอาจารย์เสวียนชิงบอกสิ่งเหล่านี้ เพื่อให้หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวได้เตรียมใจเอาไว้ก่อน อีกอย่าง ดูรูปร่างหน้าตาของท่านหญิงน้อยทั้งสองแล้ว ในภายภาคหน้าก็จะได้ดิบได้ดี แต่เสียดายที่คำพูดของเขายังพูดไม่ทันจบก็โดนท่านอ๋องฉีพูดตัดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเสียก่อนว่า “ท่านอาจารย์เสวียนชิง ข้านับถือท่านเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่ง เลยพาครอบครัวมาทำบุญบริจาคเงิน แต่ไม่ได้พามาเพื่อให้ฟังเรื่องไร้สาระเช่นนี้ หลานข้ายังเล็ก จะมีคนมาสู่ขอได้อย่างไรกัน” 

 

 

ท่านอาจารย์เสวียนชิงชะงักไปเล็กน้อย จึงยิ้มแล้วพนมมือพูดว่า “อมิตาพุทธ โยม อาตมาพูดมากไปหน่อย” 

 

 

แล้วท่านอ๋องฉีก็หันหลังเดินออกไปด้วยความไม่พอใจ  

 

 

ท่านอาจารย์เสวียนชิงยิ้มแล้วส่ายหน้า ที่บอกว่าท่านอ๋องฉีรักและเอ็นดูหลานสาวทั้งสองคนนี้นั้นคงเป็นเรื่องจริงสินะ แต่เรื่องคู่ครองนั้น ไม่ว่าเจ้าจะเป็นท่านอ๋องหรือเป็นใคร ล้วนไม่อาจกีดกันได้  

 

 

แต่พระชายาฉีมิได้คิดเช่นนั้น โบราณว่าหญิงสาวผู้มีแต่คนอยากครอบครองนั้นดียิ่งนัก หลานสาวของตนจะมีคนมาสู่ขอตั้งแต่ยังเล็กนั้นเป็นเรื่องดี จึงมีสีหน้ายิ้มแย้ม จึงกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์  

 

 

เมื่อเห็นนางมีท่าทางเช่นนี้ ท่านอาจารย์เสวียนชิงก็อดไม่ได้ที่จะเตือนว่า “แม้ว่าโยมน้อยทั้งสองจะมีชะตาคู่ครองที่ดี แต่ก็ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปให้ได้ถึงจะเจอสิ่งที่ดีที่สุด” 

 

 

แต่พระชายาฉีไม่ได้สนใจ ตอนนั้นหวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวเจออะไรต่อมิอะไรมากมาย จนหลานสาวของนางได้ถือกำเนิดขึ้นบนกองเงินกองทอง ชะตาคู่ครองของพวกนางจะมีอะไรลำบากยากเย็นไปมากกว่าของพ่อกับแม่พวกนางอีกหรือ คิดได้ดังนั้น จึงยิ้มรับแล้วเดินออกไป 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวหนักใจ แต่ไม่ได้แสดงออก ได้แต่ขอบพระคุณแล้วเดินออกมา แล้วท่านอาจารย์เสวียนชิงก็พูดตามหลังมาอีกว่า “ชะตาคู่ครองนั้นสวรรค์ลิขิต อย่าได้ฝืน” 

 

 

ทั้งสองคนชะงักฝีเท้า แต่ก็ไม่ได้หันกลับมาถาม  

 

 

หลังจากที่ท่านอ๋องฉีเดินออกมา ก็ไม่ได้ไปไหน บอกกับทุกคนว่า “ข้าจะไปรอพวกเจ้าที่รถม้า” 

 

 

“ข้ากับพี่ใหญ่ไปกับเสด็จพ่อดีกว่าขอรับ ให้พี่สะใภ้ใหญ่กับเจียงจิ่นอยู่กับเสด็จแม่และเด็กๆ” หวงฝู่อวี้รู้สึกได้ว่าตอนที่เขาไปชายแดนจะต้องเกิดเรื่องอะไรที่ตนยังไม่รู้อย่างแน่นอน จึงอยากจะถามให้คลายสงสัย จึงรีบพูดขึ้นมาก่อน