บทที่ 2814 (1) เปิดโปง 2
ความเคลื่อนไหวของเขากล่าวได้ว่าว่องไว แต่ความเคลื่อนไหวของกู้ซีจิ่วว่องไวกว่า
เคลื่อนย้ายเข้าไปโดยตรง สกัดขวางการโจมตีของราชันปีศาจ เอ่ยเสียงเย็น “ร้อนตัวอันใดเล่า? ในนี้มีวาจาบางส่วนที่เปิ่นจุนเคยได้ยินกับหูมาแล้ว กล้าทำไม่กล้ารับงั้นหรือ?”
ราชันปีศาจชะงักไป
“เยาซิงเย่ อย่าได้รีบร้อนไป ยังมีช่วงหลังอีก” หยางจิ่นเทียนยิ้มหยัน เขากดสังข์กักเสียงอีกคราหนึ่ง มีบทสนทนาของชายหญิงคู่หนึ่งแว่วออกมา
เสียงสตรีย่อมเป็นของเยาถิงถิงองค์หญิงปีศาจ เสียงบุรุษก็เป็นของตี้ฝูอี บทสนทนาระหว่างพวกเขาคือบทสนทนาตอนที่สองคนนี้อยู่ในห้องขัง…
เมื่อบทสนทนานี้ถูกปล่อยออกมา ย่อมทำให้ราษฎรเผ่าปีศาจโกรธแค้นขึ้นมา!
ช่วงหลายปีที่ผ่านมามีคนในเผ่าปีศาจหายสาบสูญไปมากมาย ในบรรดานั้นมีคุณหนูคุณชายของตระกูลสูงศักดิ์ในเผ่าปีศาจอยู่ไม่น้อยเลยด้วย
ยามนั้นได้รายงานต่อราชันปีศาจไป ราชันปีศาจล้วนกล่าวว่าจะสืบสวนให้ละเอียด ผลจากการตรวจสอบที่สรุปผลออกมาล้วนเป็นฝีมือของคนเผ่าพันธุ์อื่น เผ่าอสูรเอย เผ่าเซียนเอย ภูตผีเอย ล้วนโดนยัดข้อหาทั้งสิ้น…
และได้ดึงดูดให้เกิดศึกสงครามนับไม่ถ้วนขึ้นเนื่องด้วยเหตุนี้ คนของเผ่ามารบาดเจ็บล้มตายไปมากมาย
กลับคาดไม่ถึงเลยว่าทั้งหมดจะเป็นฝีมือของเยาถิงถิง! ที่แท้ญาติมิตรที่หายตัวไปในยามนั้นล้วนสิ้นชีพอย่างน่าสังเวชเช่นนั้น
ในบรรดาลูกน้องที่ภักดีต่อราชันปีศาจก็มีพี่น้องบุตรธิดาที่หายสาบสูญไปเช่นกัน ตอนนั้นราชันปีศาจให้คำมั่นว่าจะควานหาตัวคนร้ายออกมาให้พวกเขาได้ล้างแค้นแน่นอน ซ้ำยังเป็นตัวตั้งตัวตีพาพวกเขาไปตามล้างแค้นเผ่าอื่นๆ ด้วย ทำให้พวกเขาสำนึกตื้นตันในตัวเขา ถวายชีวิตให้…
ตอนนี้ดูๆ ไปแล้ว ไหนเลยจะเป็นการล้างแค้นให้พวกเขา เป็นการใช้พวกเขาเป็นเครื่องมือบุกยึดดินแดนอื่นชัดๆ! มองพวกเขาเป็นคนโง่เง่า!
“ของปลอม! เป็นของปลอม! ปลอมทั้งนั้น!” เยาซิงเย่มองลูกน้องของตนที่เอาใจออกห่างตนแล้ว แม้แต่องครักษ์ข้างกายก็พากันถอยห่าง ไม่ปกป้องเขาแล้ว
เขาร้อนรนแล้ว พลันตัดสินใจ ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง บอกว่านักบวชคนนั้นสร้างสังข์กักเสียงปลอมขึ้นมา…
“หือ จะปฏิเสธทุกอย่างหรือ?” พลันมีเสียงเย้ายวนสายหนึ่งแว่วออกมาจากภายในเกี้ยวสีแดงหลังหนึ่ง ม่านเกี้ยวเลิกเปิด สตรีชุดแดงนางหนึ่งเดินนวยนาดออกมา
คิ้วโก่งดุจสันเขาอันไกลโพ้น นัยน์ตาดั่งระลอกคลื่นในฤดูใบไม้ร่วง เรือนกายอ้อนแอ้นดุจกิ่งหลิว ย่างก้าวปานบงกชคลี่บาน
สตรีนางนี้เป็นโฉมงามผู้หนึ่ง ซ้ำยังเป็นโฉมงามที่งดงามจนน่าเหลือเชื่อด้วย เรือนผมยาวดุจสาหร่ายทะเลสยายเคลียไหล่ ในเรือนผมมีหูจิ้งจอกสองข้างแพลมออกมา ด้านหลังมีหางเก้าพวงโบกไหวท้าสายลม
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางแห่งสกุลถูซาน…
เธอจำได้รางๆ ว่าก่อนที่ตนจะหลับใหลไป ผู้นำของเผ่าปีศาจก็คือเผ่าจิ้งจอกสกุลถูซาน แต่หลังจากตื่นมากลับกลายเป็นดินแดนของเผ่าเจียว…
เธอก็เคยตรวจสอบดูแล้วเช่นกัน ตามที่ได้ยินมาคือเมื่อสามพันปีก่อนสกุลถูซานถูกล้างบางทั้งเผ่าภายในชั่วข้ามคืน และในยามนั้นเยาซิงเย่จากเผ่ามังกรเจียวก็เป็นองครักษ์หลวงของราชันจิ้งจอก หลังจากสกุลถูซานถูกล้างบางในชั่วข้ามคืน เยาซิงเย่ก็ได้สาบานด้วยชีวิตว่าจะล้างแค้นให้แก่สกุลถูซาน สืบสวนไปสืบสวนมา ก็สืบสาวไปถึงตัวของเผ่าอสูร เขานำทัพเหล่าปีศาจเข้าต่อสู้กับเผ่าอสูรอย่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน กวาดล้างผู้ที่เรียกว่าเป็นคนร้ายภายในเผ่าอสูร ถึงได้ถูกชาวเผ่าปีศาจยกขึ้นเป็นราชัน แทนที่สกุลถูซาน
ในเผ่าพันธุ์ปีศาจเผ่าจิ้งจอกสกุลถูซานยังคงมีชื่อเสียงบารมียิ่งนักอยู่ และเป็นเชื้อสายราชวงศ์ที่ปวงประชาตั้งตารอให้หวนคืน หากมิใช่เพราะสกุลถูซานถูกล้างบางไปแล้ว เยาซิงเย่ก็คงไม่ได้ตำแหน่งราชันปีศาจนี้
เยาซิงเย่ต้องการจะซื้อใจปวงประชา หลายปีที่ผ่านมาจึงส่งคนออกไปตามหาชนรุ่นหลังของสกุลถูซานอยู่ตลอด
ผู้คนล้วนคิดว่าสกุลถูซานสูญสิ้นเชื้อสายไปแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าบัดนี้จะมีคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ซ้ำยังงดงามถึงเพียงนี้ด้วย!
เสน่ห์ของเผ่าจิ้งจอก ผสานกับเสน่ห์ของสตรีที่อยู่เบื้องหน้านางนี้จู่โจมเข้าสู่หัวใจของผู้คนอย่างจัง! ถึงขั้นที่แฝงอำนาจกดดันอันน่าพิศวงประการหนึ่งเอาไว้ด้วย อำนาจของผู้เป็นราชัน
หลังจากราษฎรชาวปีศาจตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ก็พากันคุกเข่าลงโขกศีรษะให้
สีหน้าของเยาซิงเย่ซีดขาวอย่างยิ่งแล้ว หลายปีมานี้เขาลอบส่งคนไปไล่ล่าสังหารเชื้อสายของสกุลถูซานอยู่ตลอด ไม่นึกเลยว่าจะมีปลาที่เล็ดรอดตาข่ายไปได้…
สายตาเยียบเย็นของสตรีนางนี้ร่อนลงบนร่างของเยาซิงเย่ “เยาซิงเย่ ในปีนั้นคนที่คิดคดสังหารองค์ราชัน กวาดล้างสกุลถูซานทั้งตระกูลก็คือเจ้า! เรื่องเหล่านี้ละไว้ก่อนชั่วคราว เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่าเสียงภายในสังข์กักเสียงเหล่านี้ล้วนเป็นของปลอมมิใช่หรือ? วันนี้ข้าได้นำหลักฐานที่ชัดแจ้งมาให้เจ้าแล้ว!”
————————————————————————————-
บทที่ 2814 (2) เปิดโปง 2
นางหยิบกระดาษปึกหนึ่งออกมา ให้คนส่งให้เหล่าประชาราษฎร์ของเผ่ามารแจกจ่ายเวียนกันไป ด้านในเป็นบันทึกจำพวกสถานที่ สาเหตุการตายของคนเหล่านั้น ที่ถูกเยาถิงถิงบีบคั้นทำร้ายเอาไว้อย่างละเอียด นางไม่เพียงแต่มีหลักฐานเท่านั้น ยังมีพยานบุคคลด้วย นางปรบมือคราหนึ่ง มีขุนพลปีศาจอีกกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมาจากทางลับ พวกเขาได้ห้อมล้อมนางกำนัลและบ่าวรับใช้ในเผ่ามารสองสามคนออกมาด้วย
นางกำนัลข้ารับใช้เหล่านี้ล้วนเคยปรนนิบัติรับใช้เยาถิงถิง เคยเห็นเยาถิงถิงกระทำเรื่องโหดร้ายทารุณเหล่านั้นมากับตา…
ราชันปีศาจไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเตรียมการกันได้รัดกุมถึงเพียงนี้ มาถึงตอนนี้เขาพูดจาโต้แย้งไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
พสกนิกรชาวปีศาจต่างฮึกเหิมโกรธาขึ้นมาตามๆ กัน หากมิใช่เพราะตระหนักถึงวรยุทธ์ของราชันปีศาจ เกรงว่าคงมีคนมากมายลงมือสังหารเขาเพื่อล้างแค้นแล้ว…
มาถึงยามนี้แล้วเยาซิงเย่ก็ทราบดีว่าหมดสิ้นความหวังแล้ว เขาพลันทะยานร่าง กระโจนเข้าใส่เกี้ยวสีฟ้าหลังนั้นในทันใด “เทียนโม่เวิ่น เจ้าไสหัวออกมาหาผู้เฒ่าเดี๋ยวนี้!”
เขาซัดฝ่ามือผ่านอากาศไป พลังปีศาจดุจขุนเขาระเบิดเข้าใส่เกี้ยวหลังนั้นโดยตรง!
บรรดาผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ นอกจากกู้ซีจิ่วแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานฝ่ามือของเยาซิงเย่ได้เลย
และกู้ซีจิ่วก็กำลังง่วนอยู่กับการช่วยเหลือฟั่นเชียนซื่อ รอจนได้เห็นการลงมือนี้ ก็สายไปเสียแล้ว ลอบอุทานว่าแย่แล้วอยู่ในใจ
ด้วยพลังยุทธ์ของตี้ฝูอี เกรงว่าไม่มีทางจะรับมือฝ่ามือนี้ของเยาซิงเย่ได้ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกระเบิดจนแหลกละเอียดไปพร้อมกับเกี้ยวเลยก็ได้…
กลับคาดไม่ถึงว่าการโจมตีนี้ที่เยาซิงเย่ทุ่มพลังทั้งหมดลงไปเพิ่งจะปะทะเข้ากับด้านหน้าของตัวเกี้ยว ก็ราวกับถูกผู้ใดสกัดจุดเอาไว้กะทันหัน ชะงักไปเลย
เกี้ยวปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน แต่เยาซิงเย่กลับเสมือนถูกคนซัดฝ่ามือโจมตีอย่างรุนแรง! ฝีเท้าซวนเซไปสองก้าว กระอักโลหิตออกมาเสียงดังพรูด
เขายกมือค้ำอก พลันเงยหน้าขึ้น มองไปที่เกี้ยวหลังนั้น “เทียนโม่เวิ่น เจ้าทำอันใดกับเปิ่นหว่าง?!”
ม่านเกี้ยวพลันเลิกเปิด คนผู้หนึ่งย่างเท้าออกมา
เสื้อคลุมขาวพิสุทธิ์ดุจหิมะ หน้ากากภูตผีอันหนึ่ง ถึงแม้จะบดบังโฉมหน้าจริงเอาไว้ แต่รัศมีอันบริสุทธิ์หลุดพ้นโลกีย์กลับแทบจะบดขยี้ทุกคนได้ ทำให้คนเห็นแวบเดียวก็ไม่อาจลืมเลือนได้
เหล่าองครักษ์คนสนิทของราชันปีศาจพวกนั้นรู้จักคนผู้นี้ เป็นนักบวชที่หมู่นี้ราชันปีศาจให้ความนับหน้าถือตายิ่งนัก…เทียนโม่เวิ่น
เพียงแต่ในยามนั้นบุคลิกของนักบวชคนนี้เย็นชา นิสัยประหลาด ไม่ชมชอบใกล้ชิดกับผู้อื่น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้อื่นประหม่าวิตก คนของเผ่ามารไม่เกรงกลัวเขา ถึงขั้นที่ลอบจิกกัดนักบวชคนนี้อยู่ด้วย
แต่ตอนนี้บนร่างของนักบวชผู้นี้กลับมีรัศมีที่ข่มขวัญผู้อื่นอยู่รางๆ ทำให้คนไม่กล้าบุ่มบ่ามลามปาม แน่นอนว่าดึงดูดสายตาของเหล่าสตรีนับไม่ถ้วนด้วย
กู้ซีจิ่วมองเขาอยู่สองสามครา คนผู้นี้มีหลากหลายฐานะ หลากหลายนามแฝง…
เฟิงเจี่ยอี เทียนโม่เวิ่น ตี้ฝูอี...
เธอไม่รู้เลยว่าฐานะใดกันแน่ที่เป็นตัวเขาจริงๆ…
เธอมองดูตี้ฝูอี จากนั้นก็มองมารสตรีเผ่าจิ้งจอกนางนั้น ชัดเจนยิ่งนัก ตอนนี้ตี้ฝูอีกับสตรีเผ่าจิ้งจอกเป็นพวกเดียวกัน
ถึงแม้จะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่กู้ซีจิ่วก็รู้แล้วว่า ผู้ที่ควบคุมบงการทุกอย่างอยู่หลังม่านล้วนเป็นตี้ฝูอีทั้งสิ้น คนผู้นี้กระทำการได้รอบคอบน้ำไม่รั่วเลยสักหยดจริงๆ วางกับดักใหญ่ขนาดนี้ต่อราชันปีศาจได้…
ยามนี้เขามาพร้อมกับสตรีเผ่าจิ้งจอกสกุลถูซาน คาดว่าจะต้องหนุนนำให้นางได้กลับสู่ตำแหน่งราชันแน่นอน
กู้ซีจิ่วลูบจมูกเล็กน้อย เทพผู้สร้างโลกผู้สูงส่งอย่างเธอก็ถูกเด็กคนนี้ใช้เป็นตัวหมากในกระดานด้วย
แน่นอนว่าเขาเคยช่วยเหลือเธอไว้ และเคยช่วยสาวใช้ของเธอด้วย บุญคุณความแค้นนี้ก็นับว่าสิ้นสุดต่อกันแล้ว เธอไม่มีทางเก็บมาใส่ใจอีก
เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว การที่สตรีเผ่าจิ้งจอกจะได้ขึ้นเป็นราชันองค์ใหม่นั้นเป็นเรื่องชอบธรรมตามหลักเหตุผลอยู่แล้ว ส่วนเยาซิงเย่ถูกตี้ฝูอีเล่นงานแล้ว ก่อคลื่นลมไม่ได้ชั่วขณะ ถูกขุนพลของเผ่าปีศาจจับกุม สิ่งที่รอเขาอยู่คือทัณฑ์ประหารด้วยการเผาทั้งเป็น…
ละครฉากใหญ่นี้นับว่ากู้ซีจิ่วรับชมอย่างได้อรรถรสนัก เธอรู้สึกว่าต่อจากนี้คงไม่มีเรื่องครื้นเครงที่น่าชมแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงพยุงฟั่นเชียนซื่อขึ้นมา สะบัดแขนเสื้อหมายจะเคลื่อนย้ายจากไป
————————————————————————————-