บทที่ 2815 อาจารย์ พวกเราไปกันเลยไหมขอรับ?
ฟั่นเชียนซื่อคงจะนั่งจนเหน็บกินขาแล้ว พอลุกขึ้นมาก็ส่ายโงนเงน หวิดจะโผเข้าใส่อ้อมแขนของกู้ซีจิ่ว!
กู้ซีจิ่วรีบใช้แขนโอบเอวเขาไว้เล็กน้อย ให้เขายืนได้มั่น
ดวงตาฟั่นเชียนซื่อทอประกายนิดๆ บนร่างนางมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อย่างหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ยิ่ง คล้ายหยาดน้ำค้างบนกลีบบุปผาที่ผลิแย้มรับอรุณ อ่อนละมุน ให้คนดมแล้วผ่อนคลาย
ตอนที่กู้ซีจิ่วถ่ายทอดวรยุทธ์ให้เขา บางครั้งก็มีการถูกเนื้อต้องตัวบ้าง สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาละโมบ เขาละโมบในกลิ่นหอมนี้
เพียงแต่ในหนึ่งปีมานี้กู้ซีจิ่วค่อนข้างเว้นระยะห่างจากเขา โอกาสที่จะเข้าใกล้เขาเช่นนี้ยิ่งน้อยนิดเสียจนน่าสังเวช
ตอนนี้นางพยุงเขาไว้ จิตใจเขาพลันปั่นป่วน หักใจออกห่างไม่ได้
ดังนั้นในยามที่กู้ซีจิ่วจะปล่อยมือจากการพยุงเขา ร่างกายของเขาก็โอนเอนอีกรอบ กู้ซีจิ่วมุ่นหัวคิ้วนิดๆ เพียงแต่ยังคงพยุงเขาไว้
ฟั่นเชียนซื่อเอนพิงร่างของนาง ในใจเปรมปรีดิ์ยิ่ง พลันเสตาแวบหนึ่ง ทว่าได้สบตากับตี้ฝูอีเข้า!
มุมปากของตี้ฝูอียกขึ้นบางๆ แวบหนึ่ง ราวกับมองเห็นความคิดของเขาได้ทะลุปรุโปร่ง
หัวใจฟั่นเชียนซื่อพลันดิ่งวาบ เขาเกิดความระแวดระวังคนผู้นี้ขึ้นมาตามสัญชาตญาณ…
“อาจารย์ พวกเราไปกันเลยไหมขอรับ?”
กู้ซีจิ่วก็ไม่คิดจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อแล้วจริงๆ “ไปสิ…”
“พระองค์เจ้า เสี่ยวเซียนมีเรื่องจะกล่าว” ตี้ฝูอีปรี่เข้ามาหา
“หือ?”
ตี้ฝูอีมองนางด้วยดวงเนตรสกาวดุจดารา “พระองค์เจ้า ต้องขอบคุณพระองค์ยิ่งนัก สำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ พระองค์เจ้าเจตนาทำให้เขาเข้าใจผิดว่าวรยุทธ์ของพระองค์เจ้าสูญสลายไปอย่างมหาศาล ถึงได้ทำให้เขาเผยธาตุแท้ออกมา เปิดโปงแผนชั่วทั้งหมดของเขาได้ ครานี้พระองค์เจ้าทรงมีบุญคุณต่อภพมารอย่างใหญ่หลวง มิสู้รั้งอยู่เพื่อดื่มฉลองชัยกันสักจอกเล่า?”
“พระองค์เจ้า ปีศาจอย่างผู้น้อยได้ฟังจากท่านนักบวชแล้วเพคะ ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเพราะพระองค์เจ้าที่โน้มนำ ถึงมีวันที่ปีศาจอย่างผู้น้อยสามารถพลิกตัวได้ ถูซานอิงรู้สึกซาบซึ้งเป็นล้นพ้น” จิ้งจอกเก้าหางนางนั้นเดินนวยนาดเข้ามา ถวายความเคารพกู้ซีจิ่วอย่างเต็มขั้น นางเอ่ยอย่างจริงใจนัก “พระองค์เจ้า โปรดรั้งอยู่เพื่อดื่มสุราสักจอกได้ไหมเพคะ? ทำให้ปวงชนชาวปีศาจได้ซึมซับโชคมงคลจากพระองค์เจ้า…”
วาจานี้ของพวกเขาแทบจะลื่นไหลไร้ช่องโหว่ ทำให้คนไม่อาจปฏิเสธได้เลย
นัยน์ตากู้ซีจิ่ววูบไหวนิดๆ เธอคิดตรองได้เร็วยิ่ง ทราบว่าที่ตี้ฝูอีทำเช่นนี้คือยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัว หนึ่งคือ เรื่องที่พลังยุทธ์ของเธอสูญสิ้นไปมหาศาลจะปล่อยให้ผู้อื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นเขาเลยจงใจเอ่ยถึงเธอ บอกว่าครั้งนี้เป็นการร่วมมือกับเธอ ทำให้พสกนิกรทั้งหมดของภพปีศาจไม่นึกสงสัยในเรื่องนี้อีกต่อไป
สองคือ เขาทำเช่นนี้อันที่จริงเป็นการบีบให้เธอแสดงจุดยืนอย่างกลายๆ ให้เทพผู้สร้างโลกอย่างเธอรับรองฐานะว่าที่ราชันของถูซานอิงผู้นี้
ฐานะของเธอสูงศักดิ์ ทันทีที่เธอยอมรับนาง เช่นนั้นถ้าถูซานอิงคิดจะสืบทอดตำแหน่งราชัน เก็บเกี่ยวหัวใจประชาชนก็ยิ่งง่ายดายแล้ว
การกระทำนี้ของเขาก็นับว่าดีต่อทั้งสองฝ่าย ทำให้ความลับของเธอไม่ถูกเปิดเผย แถมยังทำให้ถูซานอิงขึ้นนั่งตำแหน่งราชันอย่างมั่นคงด้วย
แต่กู้ซีจิ่วไม่ใคร่จะชมชอบอยู่บ้าง
เธอไม่ชอบคนมากเล่ห์เจ้าแผนการ และไม่ชอบแอบอ้างเอาความดีความชอบของผู้อื่นมาใส่ตัวเอง
อีกอย่างเธอยังไม่รู้จักถูซานอิงผู้นี้เลย ถึงขั้นที่ไม่รู้จักตี้ฝูอีคนนี้เลยด้วยซ้ำ แม้กระทั่งอันไหนกันแน่ที่เป็นนามจริงของเขาเธอก็ยังไม่รู้เลย…
เธอยิ้มอย่างไว้ท่าแวบหนึ่ง “ทั้งสองมีน้ำใจแล้ว แต่เปิ่นจุนกลับไม่สะดวกที่จะดื่มสุรากับผู้อื่น…”
วาจาอันไร้รูปลักษณ์ประโยคเดียว ก็ดึงระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายให้กว้างไกลขึ้นแล้ว และบอกอย่างชัดเจนว่าเธอไม่ได้หนุนหลังถูซานอิง…
เธอมองสีหน้าที่ค่อนข้างซีดขาวเล็กน้อยของถูซานอิงแวบหนึ่ง ตบพัดจีบในมือลงบนไหล่ของนางเบาๆ เอ่ยอย่างมีเมตตา “อย่างไรก็ตาม เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องตกใจไปหรอก เปิ่นจุนชอบผลักดันผู้เยาว์ที่มีความสามารถมีจริยาเสมอมา บางทีวันหน้า เจ้าอาจจะมีโอกาสได้ร่วมดื่มสุรากับเปิ่นจุนก็ได้”
ไม่ได้ได้มองไปที่ตี้ฝูอีเลย พลันหมุนกาย พาฟั่นเชียนซื่อเลือนหายไปโดยตรง
————————————————————————————-
บทที่ 2816 นี่คือนางโกรธเคืองหรือ?
บนโลกนี้ยังไม่มีผู้ใดที่มีความสามารถเคลื่อนย้ายได้ในชั่วพริบตาได้เหมือนกู้ซีจิ่ว ดังนั้นพอเธอเผยกระบวนท่านี้ออกมา ย่อมสร้างความตกตะลึงให้คนกลุ่มใหญ่
ราษฎรชาวปีศาจคุกเข่าลงอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ “น้อมส่งเสด็จพระองค์เจ้า!”
ถูซานอิงผงะไปแวบหนึ่ง นางมองไปที่ตี้ฝูอี “ท่านนักบวช…”
ตี้ฝูอีเคาะขลุ่ยลงบนฝ่ามือเบาๆ เขาค่อนข่างเหม่อลอยอย่างที่เห็นได้ยากนัก นี่คือนางโกรธเคืองหรือ?
….
“เหตุใดจู่ๆ วรยุทธ์ของเจ้าถึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว?” ภายในหุบเขาเสียงสวรรค์ กู้ซีจิ่วนั่งอยู่หน้าโต๊ะตัวหนึ่ง ไต่สวนฟั่นเชียนซื่อ
ฟั่นเชียนซื่อคุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่กล้าส่งเสียง
“พูด!” สีหน้ากู้ซีจิ่วเยียบเย็นลงแล้ว
สุดท้ายฟั่นเชียนซื่อก็ยังหวาดกลัวนาง ก้มหน้าเอ่ยว่า “หนนี้เชียนเหยียนตกอยู่ในอันตราย ศิษย์คิดวิธีอื่นไม่ออกแล้ว นึกออกเพียงความคิดโง่เขลาประการหนึ่ง หลังจากออกมาจากเหลาสุราแห่งนั้น ศิษย์ก็ไปที่แดนมายาอันเป็นสถานที่ต้องห้าม เก็บผลทักษะมายา แล้ว…กินเข้าไป…”
กู้ซีจิ่วยิ้มหยัน “ถึงแม้ผลทักษะมายานั้น จะทำให้พลังยุทธ์ของเจ้าเพิ่มพูนขึ้นชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็ออกฤทธิ์เพียงสองชั่วยามเท่านั้น เมื่อพ้นสองชั่วยามไป ชีพจรของเจ้าจะบาดเจ็บสาหัส พลังยุทธ์ถดถอยลงครึ่งหนึ่ง! เรื่องพวกนี้อาจารย์จำได้ว่าเคยสอนเจ้าแล้ว! เจ้าลืมไปแล้วหรือ?”
“ศิษย์…ศิษย์จำได้ขอรับ ศิษย์ก็คิดวิธีอื่นไม่ออกแล้ว…”
“ต่อให้เจ้าใช้วิธีการโง่เง่าเช่นนี้เพิ่มพลังยุทธ์ขึ้นมาเท่าหนึ่งแล้วอย่างไรเล่า? สามารถสู้เยาซิงเย่ได้หรือไม่? ทำร้ายร่างกายของตนไปอย่างเสียเปล่า ก่อนจะทำเจ้าไม่ใช้สมองบ้างหรือ?! มีอาจารย์อยู่ทั้งคน จะปล่อยให้เชียนเหยียนประสบเคราะห์กรรมได้อีกหรือ?”
ฟั่นเชียนซื่อเห็นนางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างที่พบเห็นได้ยากนัก ตกใจจนไม่กล้าเงยหน้าเลย “ศิษย์ทราบความผิดแล้วขอรับ…”
กู้ซีจิ่วจ้องมองเขา เอ่ยเสียงแผ่วเบา “เจ้าเจตนากระมัง? ด้วยนึกเคืองขุ่นอาจารย์…”
ฟั่นเชียนซื่อพลันหน้าเปลี่ยนสี เหงื่อเย็นเฉียบไหลลงมาจากหน้าผาก “ศิษย์มิกล้า ศิษย์มิได้นึกเคืองขุ่นอาจารย์เลยแน่นอน…ศิษย์เพียงรู้สึกว่าอาจารย์กลับมาหนนี้พิกลไปอยู่บ้าง เกรงว่าอาจารย์คนเดียวจะรับมือไม่ไหว ศิษย์…ศิษย์เพียงคิดว่าถ้าแบ่งเบาภาระได้บ้างก็คงดี ดังนั้น…ศิษย์ทราบความผิดแล้ว! ช่วยเหลืออาจารย์มิได้แถมยังเป็นตัวถ่วงอีก ศิษย์ได้บทเรียนแล้ว ขออาจารย์โปรดลงโทษเถิดขอรับ”
เขาคุกเข่าอยู่ตรงนั้นเหงื่อออกไปทั้งตัว อูเชียนเหยียนที่อยู่ด้านข้างก็คุกเข่าขอความเมตตาให้ฟั่นเชียนซื่อด้วย
กู้ซีจิ่วมองพวกเขาสองคนอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยเสียงเย็น “ฟั่นเชียนซื่อ อาจารย์เคยสั่งห้ามมิให้ใช้ผลทักษะมายาไว้ชัดเจนแล้ว เจ้ากลับละเมิดอย่างโจ่งแจ้ง ต่อให้มีเหตุผลพออภัยให้ได้ ก็ยังต้องลงโทษสถานหนัก ขอลงโทษให้เจ้าไปสำนึกตนในถ้ำเหมันต์ด้านหลังหุบเขาหนึ่งเดือน!” จากนั้นก็โยนโอสถขวดหนึ่งใส่อกเขา “ใช้มันรักษาซะ!”
แล้วมองอูเชียนเหยียนแวบหนึ่ง “เจ้าก็ไปได้แล้ว!”
ฟั่นเชียนซื่อถอนหายใจอย่างโล่งอก คุกเข่ากล่าวขอบคุณ
บาดแผลบนร่างเขาในตอนนี้ อันที่จริงแล้วเหมาะสมจะพักฟื้นในถ้ำเหมันต์ยิ่งนัก เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าอาจารย์ลงโทษเขา แต่อันที่จริงก็คือเผื่อเขาแล้ว เขาทราบกระจ่างยิ่ง
อูเชียนเหยียนย่อมโล่งอกไปด้วย ในใจนางถึงขั้นที่ค่อนข้างยินดีด้วยซ้ำ
อันที่จริงนางอยากจะผูกสมัครสัมพันธ์รักกับฟั่นเชียนซื่อยิ่งนัก จนปัญญาที่ฟั่นเชียนซื่อไม่สนใจนางเลย หนนี้มีโอกาสอย่างที่หายากได้นักแล้ว…
….
เมื่อกู้ซีจิ่วจัดการลูกศิษย์แล้ว ใคร่ครวญดูเล็กน้อย ก็ไปที่คลังสมบัติของตน นำทรัพย์สินที่ริบมาจากเยาซิงเย่ซึ่งเดิมทีเป็นของตนอยู่แล้ว จัดเก็บไว้ในด้านในอีกครั้ง
ในทรัพย์สินเหล่านี้มีอุปกรณ์อาคมบางส่วนด้วย เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการค้ำยันเขตแดนภายนอก เธอไม่สามารถเก็บไว้ในมิติเก็บของได้
เดิมทีที่นี่ก็เป็นแหล่งพำนักที่ปลอดภัยยิ่ง แต่ตอนนี้เห็นทีว่าจะไม่ปลอดภัยขนาดนั้นแล้ว ก่อนกู้ซีจิ่วจะออกไปจึงได้ลงผนึกต่อเนื่องกันหลายชั้นเอาไว้ที่นี่อีกครั้ง แล้วค่อยจากไป
ยุ่งง่วนอยู่เนิ่นนานปานนี้ กู้ซีจิ่วค่อนข้างอ่อนล้าแล้ว
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ตัวเธอเองรู้ดี