ตอนที่ 730 ระเบิดพลังมายา

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่อวิ๋นเฟิงเป็นตาเดียว ในเมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนี้ มันก็น่าจะเป็นเรื่องสำคัญที่ควรต้องพิจารณาอย่างแน่นอน

“ก่อนหน้านี้เราตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ในดินแดนและพบเรื่องประหลาดบางอย่าง หลังจากนั้นเราก็ได้ส่งคนออกไปสืบเพิ่มเติมจนยืนยันสิ่งหนึ่งได้ มันเกี่ยวกับโอรสศักดิ์สิทธิ์ของอารามโชติช่วงที่เราทุกคนรู้จักดี”

แท้จริงแล้วพวกเขาทราบเรื่องนี้มาโดยบังเอิญ ตลอดช่วงที่ผ่านมา อวิ๋นเฟิงและอวิ๋นหลานเดินหน้าสืบข้อมูลของขุมกำลังใหญ่ ๆ ด้วยหวังว่าจะได้สืบทราบความลับของคนเหล่านั้นซึ่งจะเป็นส่วนช่วยต่อทุกคนในระหว่างสงคราม

ทว่าเมื่อพยายามสืบข้อมูลของอารามโชติช่วง พวกเขาก็ค้นพบเรื่องส่วนตัวที่เป็นความลับเฉพาะของขุมกำลังแห่งนั้น

แรกเริ่มเดิมที จ้าวอารามโชติช่วงหาใช่เซิ่งเหยียน หากแต่เป็นใครคนอื่น…

ทุกคนก็พยักศีรษะเบา ๆ และรับฟังอย่างใจจดใจจ่อ และเมื่อนึกถึงโอรสศักดิ์สิทธิ์ของอารามโชติช่วง ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกประทับใจไม่น้อยเช่นกัน เซิ่งเซียวมักทำให้ฉินอวี้โม่รู้สึกถึงความลึกลับเกินหยั่งถึงบางอย่าง ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใด นางรู้สึกมาเสมอว่าเซิ่งเซียวผู้ลึกลับนี้อาจจะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับอารามโชติช่วงได้

“จ้าวอารามโชติช่วงคนก่อนคือบิดาของเซิ่งเซียวและเป็นพี่ชายของเซิ่งเหยียน”

อวิ๋นเฟิงไม่ปล่อยให้ทุกคนสงสัยนานและบอกข่าวที่สืบทราบมาทันที

“เรื่องนี้ถือเป็นความลับสุดยอดของอารามโชติช่วงและมีคนทราบมันเพียงน้อยนิดเท่านั้น เรามีสำเนาข้อมูลของบรรดาขุมกำลังใหญ่ในดินแดนและมันบันทึกเรื่องนี้เอาไว้ เป็นเพราะความสงสัยใคร่รู้ ข้าจึงสั่งให้คนของเราที่อยู่ในอารามโชติช่วงสืบเรื่องนี้เพิ่มเติม แม้มันถือเป็นเรื่องต้องห้ามในอาราม ทว่าท้ายที่สุดคนของเราก็ยังได้เบาะแสบางอย่างกลับมา”

เรื่องประหลาดเริ่มต้นขึ้นจากการที่บิดาของเซิ่งเซียวผู้ซึ่งเป็นจ้าวอารามโชติช่วงคนก่อนล้มตายไปอย่างกะทันหันและเซิ่งเหยียนก็ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นจ้าวอารามคนต่อมา อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติในทุกด้านของเซิ่งเหยียนก็ด้อยกว่าผู้เป็นพี่ชายมากนัก ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ ความแข็งแกร่งหรือลักษณะนิสัยส่วนตัว เขาก็มิอาจเทียบชั้นพี่ชายได้เลย

ในตอนนั้นเซิ่งเซียวยังเด็กมาก เมื่อจ้าวอารามคนก่อนเสียชีวิตไป ภรรยาของเขาก็เสียชีวิตไปกับเขาเช่นกัน ส่งผลให้เซิ่งเซียวเหลือเพียงตัวคนเดียวเท่านั้น ในฐานะอาของเซิ่งเซียว แน่นอนว่าเซิ่งเหยียนก็รับหน้าที่ดูแลหลานชายตั้งแต่นั้นมา

อย่างไรก็ตาม จากข่าวที่นครเวหาสืบทราบมา ดูเหมือนว่าบิดาของเซิ่งเซียวจะถูกสังหารโดยฝีมือของเซิ่งเหยียน ทว่าไม่มีหลักฐานใดที่สามารถพิสูจน์มันได้

“ทุกคนคิดว่าเซิ่งเซียวทราบถึงเรื่องนี้หรือไม่ ?”

เยว่ชิงเฉิงเอ่ยด้วยความสงสัยใคร่รู้ นางไม่คิดเลยว่าเซิ่งเซียวที่ดูสง่างามและเรียบร้อยผู้นั้นจะมีพื้นเพชีวิตที่น่าเศร้าถึงเพียงนี้

“ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่หากเขาทราบถึงเรื่องนี้จริง ๆ ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแน่”

ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะพร้อมกล่าวออกไป เซิ่งเซียวผู้นั้นยากเกินหยั่งถึงและนางก็ไม่มั่นใจนักว่าเขาจะทราบถึงเรื่องนี้หรือไม่ ในการเผชิญหน้ากันก่อนหน้านี้ นางสัมผัสได้ว่าเซิ่งเซียวปิดบังเรื่องบางอย่างไว้ บางทีเขาอาจจะทราบความจริงมาตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นได้…

“เหตุใดเราไม่ลองติดต่อเซิ่งเซียวและดูว่าเขาต้องการร่วมมือกับเรารึไม่ ?”

โอวหยางชิงเฟิงเสนอความคิดของตนเองออกไป หากเซิ่งเซียวยินดีร่วมมือกัน ศัตรูทรงพลังของพวกเขาก็จะลดน้อยลงไปหนึ่งและนั่นอาจหมายถึงความช่วยเหลือที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

“ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด บุคคลที่ลึกลับและเจ้าเล่ห์อย่างเซิ่งเหยียนคงจะขี้ระแวงเป็นที่สุด แม้ดูเหมือนเขาจะดีกับเซิ่งเซียวมาก แท้ที่จริงเขาก็ต้องหวาดระแวงเซิ่งเซียวอยู่เช่นกัน เช่นเดียวกับทักษะพิเศษที่ฝึกกันในอารามที่เขาไม่เคยถ่ายทอดให้กับเซิ่งเซียว หากเราติดต่อไปหาเซิ่งเซียว มันจะกระตุ้นความสงสัยของเซิ่งเหยียนอย่างแน่นอน ปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินไปก่อนจะดีกว่า หากเซิ่งเซียวทราบถึงเรื่องนี้จริง ๆ เขาจะต้องวางแผนบางอย่างไว้แน่ ถึงอย่างไรเขาก็มิใช่บุคคลธรรมดาเลย เขาเป็นคนที่รับมือได้ยากยิ่งกว่าเซิ่งเหยียนเสียอีก”

ฉินอวี้โม่เอ่ยคัดค้านออกไปและไม่ปกปิดความชื่นชมที่มีต่อเซิ่งเซียวเลย โอรสศักดิ์สิทธิ์ของอารามโชติช่วงเป็นศัตรูเพียงคนเดียวที่นางไม่อาจคาดเดาความคิดได้ หากเขาทราบถึงความจริงของเรื่องนี้ บางทีเซิ่งเซียวก็อาจจะมิใช่ศัตรูของพวกนาง ในสงครามชี้ชะตาที่กำลังจะมาถึง อาจเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับฝ่ายอารามโชติช่วงก็เป็นได้

“เข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้นเราก็จะไม่ติดต่อไปและทำเหมือนไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน”

ทุกคนพยักศีรษะเห็นพ้องตรงกันโดยไม่นึกสงสัยในการตัดสินใจของฉินอวี้โม่

“ในเวลาที่ผ่านมานี้ พี่อวิ๋นซื่อเทียนได้หลอมสิ่งใดที่น่าสนใจบ้างรึไม่ ?”

ฉินอวี้โม่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปยังบุคคลสำคัญคนต่อไป ทุกวันนี้อวิ๋นซื่อเทียนก็เก็บตัวเงียบไปเช่นกัน เพียงแต่นางไม่ได้ฝึกวิชา ทว่าศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ฉินอวี้โม่ตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อว่าอวิ๋นซื่อเทียนจะนำสิ่งหลอมที่น่าตื่นเต้นใดออกมา

“ท่านจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ ไม่ต้องห่วงขอรับ ท่านจ้าวนครของเรากล่าวว่าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอย่างแน่นอน”

อวิ๋นหลานกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มและมั่นใจในตัวจ้าวนครเวหาเป็นอย่างมาก สิ่งประดิษฐ์ของอวิ๋นซื่อเทียนจะต้องเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างแน่นอน เขาและทุกคนเพียงต้องอดทนรอเท่านั้น

หลังจากหารือเรื่องอื่น ๆ ในห้องโถงต่ออีกพักใหญ่ ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนอย่างสบาย ๆ และไม่กังวลจนเกินไป

ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว คุณยายฮวาทราบเรื่องที่มีคนจากฝ่ายมารเข้ามาในนครล่าฝันแล้วเช่นกัน

“ข้าก็คิดมาก่อนแล้วว่าท่านผู้นำจะต้องส่งคนมากำจัดข้า น่าเสียดายที่เขาคงคิดไม่ถึงว่าข้าจะถูกขังอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวแห่งนี้ ไม่ว่าเขาจะส่งคนมามากมายเพียงใดก็ไม่มีทางพบข้าได้แน่”

คุณยายฮวาทราบดีมาตั้งแต่ต้นว่าหากนางตกไปอยู่ในเงื้อมมือของฉินอวี้โม่ ผู้นำฝ่ายมารจะต้องหาทางกำจัดนางอย่างแน่นอน หากจะกล่าวว่านางผิดหวังหรือคาดไม่ถึงก็คงเป็นเรื่องโกหก เพียงแต่ฝ่ายมารดีกับนางมาตลอดและไม่เคยมองนางเป็นตัวประหลาดแม้ในตอนที่ครอบครัวของนางหันหลังให้นางก็ตาม เฉพาะเรื่องนี้เพียงอย่างเดียว มันก็ไม่มีทางที่นางจะทรยศหักหลังฝ่ายมารได้

“ฉินอวี้โม่ หากฝ่ายมารพ่ายแพ้ไปในสงครามครานี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะไว้ชีวิตบรรดาศิษย์ธรรมดาของฝ่ายมาร พวกเขาหลายคนถูกบีบบังคับให้เข้าร่วมขุมกำลังอย่างไม่เต็มใจนัก”

คุณยายฮวาก็มิใช่คนเลวร้ายเสียทีเดียวและยังมีความเห็นใจต่อผู้อื่น ก่อนหน้านี้ที่นางปลอมตัวเป็นอวี๋เสี่ยวอวิ๋น แม้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จะระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ทว่าหากพิจารณาดูให้ดีนั้น คุณยายฮวาก็มีโอกาสทำร้ายเด็กน้อยเสี่ยวอ้ายโม่และเสี่ยวอ้ายฉืออยู่หลายครั้งหลายครา เพียงแต่หญิงชราผู้นี้ไม่เคยคิดทำเช่นนั้น ในทางกลับกัน นางก็ดีกับเด็กน้อยทั้งสองอย่างมาก เป็นเพราะสิ่งนี้เองฉินอวี้โม่จึงไม่คิดที่จะสังหารนาง

หากมิใช่เพราะยังมีความดีหลงเหลืออยู่ในจิตใจ เกรงว่านางคงถูกสังหารไปนานแล้วและไม่มีทางได้นั่งพูดคุยกับฉินอวี้โม่เช่นนี้

“พวกเราไม่เคยมีความคิดที่จะฆ่าคนบริสุทธิ์ เจ้าวางใจได้เลย เดิมทีหากฝ่ายมารเพียงต้องการกุมอำนาจของดินแดนนี้ บอกตามตรงว่าเราก็ไม่ได้รังเกียจนักหรอก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฮวาเฉินต้องการมิใช่เพียงดินแดนนี้ หากแต่ยังมีความคิดที่จะทำลายทุกชีวิตที่คิดต่อต้านเขา นี่เป็นสิ่งที่เราไม่อาจยอมทนได้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องระรานชีวิตของคนบริสุทธิ์”

ฉินอวี้โม่ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด ไม่ว่าเมื่อพันปีก่อนหรือพันปีต่อมา พวกนางก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้กับฝ่ายมาร ไม่ว่าขุมกำลังมารร้ายจะแข็งแกร่งเพียงใด ฉินอวี้โม่และทุกคนก็ไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะว่าการกระทำบางอย่างของคนเหล่านั้นขัดต่อหลักความถูกต้องของฉินอวี้โม่ การที่สามารถทุกวิถีทางโดยที่ไม่คำนึงถึงชีวิตผู้บริสุทธิ์ในดินแดนเทพมายาเพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนเองนั้น นี่คือสาเหตุหลักที่พวกนางเลือกประจันหน้ากับฝ่ายมารอย่างไม่ยอมแพ้

คุณยายฮวาไม่กล่าวสิ่งใดและนางทราบดีว่าฝ่ายมารมิใช่ฝ่ายที่ถูกต้อง น่าเสียดายที่นางเกิดมาพร้อมสถานการณ์ที่บังคับให้นางต้องกลายเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้คนในดินแดน สิ่งเดียวที่นางทำได้ก็คือการหลีกเลี่ยงให้มือของนางเปื้อนเลือดของผู้บริสุทธิ์ให้น้อยที่สุด

นี่คือสาเหตุที่คุณยายฮวายืนกรานที่จะแฝงตัวเข้ามาที่นครล่าฝันด้วยตัวเอง สิ่งเดียวที่นางต้องการในภารกิจครานี้ก็คือการจัดการกับฉินอวี้โม่เพียงคนเดียว หากคนอื่นถูกส่งมาที่นี่ นางทราบดีว่าคนผู้นั้นจะทำร้ายคนบริสุทธิ์อย่างแน่นอนและนั่นเป็นสิ่งที่นางไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

“เชิญเจ้ารอชมอย่างใจเย็นเถอะ เราจะคว้าชัยชนะในสงครามครานี้ให้ได้ บางทีเจ้าอาจจะได้เห็นธาตุแท้ของฮวาเฉินจากในคฤหาสน์เฟิงหัวของข้าก็เป็นได้ และจงไตร่ตรองให้ดีว่าการที่เจ้าจำนนต่อฝ่ายมารตลอดเวลาที่ผ่านมานี้..มันเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด”

แม้คุณยายฮวาจะมิใช่บุคคลที่มีจิตใจเลวร้ายนัก ฉินอวี้โม่ก็ยังไม่คิดที่จะปล่อยนางไปในตอนนี้ ทว่าหลังจากที่สิ้นสุดสงคราม ฉินอวี้โม่ก็อาจพิจารณาปล่อยตัวนางให้เป็นอิสระ

“ข้าจะรอดู บอกตามตรง ข้าก็แอบหวังในหัวใจว่าพวกเจ้าจะเอาชนะได้ เพียงแต่…มันเป็นเรื่องที่ยากเกินไป”

คุณยายฮวาไม่ปิดบังความคิดอีกต่อไป นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฉินอวี้โม่และพันธมิตรจะเป็นฝ่ายชนะสงครามครานี้ มิใช่ฝ่ายมาร นางไม่ต้องการเห็นดินแดนเทพมายาต้องสูญเสียชีวิตไปมากมาย

“ไม่ว่าจะยากเพียงใด เราก็จะแพ้ไม่ได้ !”

ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจและเผด็จการที่สามารถโน้มน้าวใจผู้คนได้ง่าย ๆ

คุณยายฮวานิ่งเงียบไป ทว่าจู่ ๆ นางก็เข้าใจว่าเหตุใดจอมยุทธ์มากมายถึงได้เลือกติดตามฉินอวี้โม่ ยากจริง ๆ ที่ใครจะปฏิเสธสตรีงามผู้มากความสามารถและเก่งกาจผู้นี้ได้ หากนางได้พบกับฉินอวี้โม่ก่อน ตัวนางเองก็คงยินดีบุกน้ำลุยไฟเพื่อสตรีผู้นี้เช่นกัน…

ภายในพริบตา เวลาห้าวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วและในวันนี้ฝ่ายมารก็ได้ส่งสาส์นประกาศสงครามมาถึงพวกเขา

“ไปกันเถอะ ไปกันเถอะ !”

ในเวลานี้ จ้าววิหารทมิฬ—อู่เทียนฉิง จ้าวนครเวหา—อวิ๋นซื่อเทียน จ้าวนครกระบี่ศักดิ์สิทธิ์—หลี่อีหราน ผู้นำเกาะวายุนิ่ง—อู๋หมิง เฉินโหยว—อดีตประธานสมาคมช่างหลอมและขุมกำลังพันธมิตรอื่น ๆ มารวมตัวกันอยู่ที่นครล่าฝันแล้ว และหลังจากได้รับข่าวจากฝ่ายมาร พวกเขาก็ออกเดินทัพมุ่งหน้าตรงไปยังที่ราบไร้จุดจบด้วยกัน

“อวี้โม่ ลองเดาสิว่าข้าประดิษฐ์สิ่งใดในช่วงที่เก็บตัวหายไปหลายวัน ?”

อวิ๋นซื่อเทียนตรงเข้ามาหาฉินอวี้โม่และเอ่ยด้วยน้ำเสียงลึกลับชวนสงสัย

หลังจากหารือกับเยว่ชิงเฉิงนานหลายวัน ในที่สุดนางก็ได้แรงบันดาลใจบางอย่าง นางปิดประตูเก็บตัวเพื่อศึกษามันอย่างจริงจังนับตั้งแต่นั้นมาและในที่สุดมันก็เกิดผลแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังออกมาจากการเก็บตัว นางก็ยังไม่มีโอกาสได้ทดสอบพลังของ ‘สิ่งนั้น’

“มันคืออะไรรึ ?”

ฉินอวี้โม่แสดงสีหน้าสงสัยใคร่รู้อย่างชัดเจนและคนอื่น ๆ ที่อยู่ไม่ไกลที่ได้ยินวาจาของอวิ๋นซื่อเทียนก็มองมาด้วยความอยากรู้เช่นกัน

พวกเขาทราบดีว่าอวิ๋นซื่อเทียนและเยว่ชิงเฉิงชอบศึกษาและประดิษฐ์สิ่งประหลาด ๆ เป็นที่สุด และครานี้ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่านางประดิษฐ์สิ่งใดออกมา

“ดูนี่สิ”

อวิ๋นซื่อเทียนหยิบวัตถุสีดำเงาที่มีขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากแหวนมิติและยื่นให้ฉินอวี้โม่อย่างระมัดระวังราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า

“นั่นมันอะไรกัน ?”

คนอื่น ๆ มองดูวัตถุสีดำด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว ของสิ่งนั้นคืออะไรกันและเหตุใดมันจึงดูน่าเกลียดยิ่งนัก

“ไม่คาดคิดว่าท่านจะหลอมสิ่งนี้ได้สำเร็จจริง ๆ !”

สีหน้าของฉินอวี้โม่ทั้งตื่นเต้นและแปลกใจอย่างแท้จริง แม้คนอื่น ๆ จะไม่ทราบว่ามันคือสิ่งใด ทว่านางจะไม่รู้จักมันได้อย่างไรกัน แม้รูปลักษณะของมันจะแตกต่างไปจากที่คิดไว้ วัตถุสีดำนี้ก็คือสิ่งที่นางเคยเกริ่นกับอวิ๋นซื่อเทียนไว้ก่อนหน้านี้ มันก็คือระเบิดพลังมายาที่เป็นการรวบรวมพลังมายาเข้าด้วยกันซึ่งช่วยให้ปลดปล่อยพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวออกมาในคราวเดียวได้ มันมีพลังเหมือนกับระเบิดในชาติที่แล้ว

แม้มันจะดูไม่น่าอัศจรรย์เท่าไหร่นัก ทว่าพลังงานที่บรรจุภายในก็มหาศาลจนเกินจินตนาการ หากไม่มีการป้องกันที่แข็งแกร่ง เกรงว่าแม้แต่จอมยุทธ์นภาเซียนก็ต้องได้รับบาดเจ็บเมื่อเผชิญหน้ากับระเบิดพลังมายานี้

“น่าเสียดายที่กระบวนการของมันยุ่งยากเกินไป ข้าจึงหลอมได้สำเร็จเพียงสิบลูกเท่านั้น”

อวิ๋นซื่อเทียนทอดถอนหายใจยาว นางนับไม่ถ้วนเลยว่าเกิดการระเบิดและเกิดความเสียหายในกระบวนการทดลองมากแค่ไหนก่อนที่นางจะหลอมระเบิดทั้งสิบลูกได้สำเร็จ