“ข้ามาส่งคำพูดเรียบร้อยแล้ว จะทำยังไงก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า ยังไงซะคนที่จวินอู๋เสียอยากตามหาก็คือเจ้า ถ้าจะโทษใครก็โทษตัวเจ้านั่นแหละที่ประเมินนางต่ำเกินไป” กู่อิ่งลุกขึ้นยืน เขาไม่สนใจจะดูสีหน้าบิดเบี้ยวของลั่วชิงเฉิงอีกต่อไป หลังจากพยักหน้าพอเป็นพิธี กู่อิ่งก็กลับไปพร้อมผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา
หลังออกจากบ้านของลั่วชิงเฉิง กู่อิ่งก็หยุดและหันหน้ามามองผู้หญิงที่ยังคงนิ่งเงียบด้านหลังเขา
“กู่ซินเยียน เจ้าดีใจหรือว่าโกรธล่ะ? จวินอู๋เสียยังมีชีวิตอยู่ บางทีนี่อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับเจ้า” ไม่มีความโกรธอยู่ในน้ำเสียงของกู่อิ่งเลย ผู้หญิงที่เขามองตัวแข็งไปชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ใบหน้างดงามนั้นไม่มีความสดใสเหมือนในอดีตอีกต่อไป มีแค่ความเฉยเมยเท่านั้น นางมองไปที่กู่อิ่งอย่างสงบ
ห้าปีก่อน กู่ซินเยียนไม่สามารถเผชิญหน้ากับจวินอู๋เสียได้ และตัดสินใจไปจากที่พักของวิหารหยกวิญญาณ นางไม่รู้ว่าเรื่องหลังจากนั้นดำเนินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ตอนที่ได้ยินเรื่องการต่อสู้ที่สำนักธาราเมฆ นางสังหรณ์ไม่ดีเลย และเมื่อได้ยินผู้คนพูดถึงการหายไปของวิหารหยกวิญญาณ นางก็รู้ได้ว่ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นแล้ว
กู่ซินเยียนเริ่มค้นหาร่องรอยของจวินอู๋เสีย แต่หลังจากค้นหาอยู่ครึ่งปี นางก็ไม่พบอะไรเลย และยิ่งค้นหานางก็เริ่มได้ยินข่าวลือที่น่าตกใจ จนกระทั่ง……อาณาจักรบนส่งคนมายึดเก้าอาราม กู่อิ่งพบตัวนางโดยไม่ได้คาดคิด เขาบังคับพานางไปที่อาณาจักรบนโดยไม่สนความต้องการของนาง และเล่าให้นางว่าจวินอู๋เสียเจอกับการต่อสู้ที่น่ากลัวเพียงใด
แค่ได้ฟัง กู่ซินเยียนก็รู้สึกสยดสยองและยากที่จะจินตนาการได้
ความจริงแล้วกู่ซินเยียนไม่ได้เกลียดจวินอู๋เสีย ศัตรูที่แท้จริงที่ฆ่าพ่อของนางก็คือกู่อิ่ง แต่……นางในตอนนี้ไม่อาจพูดได้ว่าจะแก้แค้นให้พ่อของตน กระทั่งอิสระของนางก็ยังถูกกู่อิ่งจำกัดไว้ และต้องกลายเป็นสาวรับใช้ที่ทำได้แค่คอยรับคำสั่งอยู่ข้างกายเขา
กู่อิ่งรออยู่นาน สุดท้ายเขาก็ไม่รอให้กู่ซินเยียนพูด ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจคำตอบของนางมากนัก เขาหัวเราะเบาๆและหันหลังกลับเดินไปยังรถม้าที่อยู่ด้านข้าง
“ไม่ว่าเจ้าจะคิดอะไร อย่างน้อยข้าก็มีความสุข ตอนแรกข้าคิดว่า……นางถูกระเบิดตายไปแล้ว ไม่คิดเลยว่านางยังมีชีวิตอยู่ นี่มันน่าสนใจจริงๆ……ไม่รู้ว่าลั่วชิงเฉิงจะจบเรื่องยุ่งเหยิงที่เกิดจากความประมาทของตัวเองอย่างไร ข้าล่ะตั้งตารอจริงๆ” เมื่อสิ้นเสียงของเขา ร่างของกู่อิ่งก็หายเข้าไปในรถม้า
กู่ซินเยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับอารมณ์ในใจ นางทำได้เพียงกำหมัดแน่นและตามขึ้นรถม้าไป
จวินอู๋เสีย เจ้าต้องก้าวต่อไป จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่ได้นะ!
ทันทีที่กู่อิ่งจากไป ลั่วชิงเฉิงก็ยกมือขึ้นทุบถ้วยชาบนโต๊ะ น้ำชาไหลนองทั่วโต๊ะและหยดลงบนพื้น
บนใบหน้าของลั่วชิงเฉิงมีรอยแตกเล็กๆ มันเหมือนรอยแตกบนน้ำแข็งที่กระจายไปทั่วพื้นผิดอย่างรวดเร็วราวใยแมงมุม เศษผิวหนังเริ่มหลุดออก แต่ลั่วชิงเฉิงที่กำลังโกรธจัดก็ยังไม่รู้ตัวถึงการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของนาง
คนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆก็ตกใจเมื่อเห็นครึ่งหน้าที่ถูกเปิดเผยออกมา ผิวเรียบเนียนไร้ที่ติหลุดออก สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือแผลเป็นสีแดงม่วงตะปุ่มตะป่ำที่เต็มไปด้วยหนองสีแดงเข้มไหลซึมออกมา