ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ใครจะคิดว่าภายใต้รูปลักษณ์ที่งดงามชวนตะลึงของลั่วชิงเฉิงจะมีใบหน้าที่น่ากลัวเช่นนี้ซ่อนอยู่!
ทันใดนั้นลั่วชิงเฉิงก็สังเกตเห็นสายตาของคนรับใช้ นางยกมือขึ้นปิดแก้มของตนทันที สายตามุ่งร้ายมองไปยังคนรับใช้ที่ไร้ไหวพริบคนนั้น
คนรับใช้คนนั้นคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้าลงและสั่นไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว
“ทหาร ลากตัวออกไป” ลั่วชิงเฉิงพูดเสียงเย็นชา
ทหารสองสามคนเข้าไปในห้องโถงและลากคนรับใช้ออกไปโดยไม่คำนึงว่าจะร้องขอความเมตตาอย่างไร
ลั่วชิงเฉิงเดินกลับไปที่ห้องของตนอย่างเร่งรีบด้วยสีหน้าถมึงทึง นางนั่งลงที่หน้ากระจกทองแดง และเอามือที่ปิดแก้มข้างหนึ่งลงโดยไม่รู้ว่ามือเปื้อนสีเลือดแดงเข้มตั้งแต่เมื่อไร ผู้หญิงที่สะท้อนอยู่บนกระจกทองแดงเป็นเหมือนนางฟ้าและปีศาจผสมกัน ใบหน้าครึ่งหนึ่งงดงามไร้ที่ติ ส่วนอีกครึ่งราวกับถูกหมาในกัดกินจนเนื้อเละ……
ลั่วชิงเฉิงมองตัวเองในกระจกอยู่นาน สายตาเย็นชาของนางเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่งแล้วในตอนนี้
ผู้หญิงยิ่งสวยมากเท่าไรก็ยิ่งให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ของตนมากเท่านั้น ลั่วชิงเฉิงเองก็เช่นกัน แม้ว่านางจะได้รับพลังวิญญาณระดับสูง แต่นางก็ยังหวงแหนใบหน้าของนางมาก มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่อยากให้ตนงดงามดั่งบุปผาบ้าง?
ทันใดนั้น ลั่วชิงเฉิงก็คว้าปิ่นสีทองบนโต๊ะขึ้นมาทุบไปที่กระจกทองแดง! ปลายปิ่นปักเข้าไปในกระจกแน่น ทำให้กระจกที่เคยเรียบบิดเบี้ยว ด้วยเหตุนี้ ภาพของลั่วชิงเฉิงที่อยู่ในกระจกจึงบิดเบี้ยวไปด้วย
ลั่วชิงเฉิงหอบอย่างหนัก พร้อมกดกำปั้นทั้งสองลงบนโต๊ะเครื่องแป้งอย่างแรง
ห้าปี! นางใช้ชีวิตอย่างคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงมาห้าปี!
ใครจะไปคิดว่าบาดแผลเล็กๆที่จวินอู๋เสียทำไว้กับนางตอนนั้นจะมีพิษรุนแรงขนาดนี้ ถ้าลั่วชิงเฉิงไม่แข็งแกร่งมากพอ มันคงไม่ใช่แค่ใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางถูกทำลาย!
แม้ว่าพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งของลั่วชิงเฉิงจะสามารถประคองอาการเอาไว้ได้ แต่อาการบาดเจ็บของนางก็เลวร้ายลงทุกที ความงามที่เคยมีก็ถูกแทนที่ด้วยความอัปลักษณ์ ไม่ว่าอาจารย์ของนางจะส่งหมอที่เก่งกาจของอาณาจักรบนมาให้นางสักกี่คน ก็ไม่มีใครรักษาพิษในร่างของนางได้เลย สิ่งที่นางทำได้มีเพียงปล่อยให้พิษอยู่ในร่างกายและปล่อยให้ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเนื้อที่น่าขยะแขยง
“จวินอู๋เสีย! ข้าอยากให้เจ้าตาย! เจ้าจะต้องไม่ตายดี!” ลั่วชิงเฉิงกัดฟันจ้องมองตัวเองในกระจกทองแดงและเค้นเสียงออกมาด้วยความแค้น
นางคิดไม่ถึงว่าการต่อสู้เมื่อห้าปีก่อนจะทำร้ายนางมากขนาดนี้ พิษของจวินอู๋เสียคือคำสาปที่ตามติดนางเหมือนเงา
ลั่วชิงเฉิงพยายามข่มกลั้นความโกรธและหยิบครีมหิมะกล่องเล็กออกมาจากลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งด้วยนิ้วที่สั่นเทา มันเป็นแค่ครีมหิมะกล่องเล็กๆก็จริง แต่ตอนนี้มันได้กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับลั่วชิงเฉิง นางทาครีมหิมะลงบนใบหน้าอัปลักษณ์ของนางทีละนิด เนื่องจากครีมที่มีชั้นหนานี้มีสีเดียวกันกับผิวของนาง จึงสามารถปกปิดความน่ารังเกียจชวนอ้วกนั้นได้
แม้แต่ลั่วชิงเฉิงก็ยังขยะแขยงตัวเอง!
ใบหน้าเรียบเนียนของลั่วชิงเฉิงที่เคยทำให้นางหยิ่งทะนงอย่างมากนั้น บัดนี้กลับทำให้นางรู้สึกอับอายอย่างมาก!
นางจะฆ่าจวินอู๋เสีย! นางต้องฆ่าจวินอู๋เสียให้ได้! นางอยากให้จวินอู๋เสียได้ลิ้มรสการทรมานที่ทรมานที่สุดในโลกและตายด้วยความเจ็บปวดสิ้นหวัง!
จนกระทั่งรอยแผลบนใบหน้าถูกปกปิดจนไม่เหลือร่องรอย ลั่วชิงเฉิงถึงได้หยุดมือ