GGS:บทที่ 1056 ชา…….

“โอ้…กลายเป็นว่าเจ้านี้คือผลไม้จีนโบราณหรอกเหรอ มิน่าถึงหาข้อมูลไม่เจอเลย” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ความจริงแล้วเขาเองก็เจอข้อมูลของต้นไม้นี้มาอยู่บ้างแต่ก็ไม่แน่ใจมากนัก
เมื่อทั้งเอี้ยป๋อและโจวซือเซียนได้เห็นซูจิ้งพูดออกมาราวกับว่ามันคือต้นไม้ธรรมดา นี่ทำให้ทั้งสองอดจะคิดที่จะคว้าคอของซูจิ้งมาเขย่าเสียไม่ได้
นี่ขนาดว่าเขาเพิ่งจะรู้ว่าต้นไม้ที่ปลูกเองมากับมือแบบนี้อายุกว่าร้อยล้านปียังนิ่งเฉยไปได้ยังไงกัน เมื่อเทียบกับทั้งสองคนแล้วต่างก็ตื่นเต้นทันทีที่รู้แบบนี้ช่างหน้าเข้าไปตบกบาลสักทีจริงๆ

ผลไม้จีนโบราณนั้นรู้จักกันในชื่อต้นกำเนิดแห่งดอกไม้ พวกมันนั้นเบ่งบานอยู่ในช่วงหนึ่งร้อยสี่สิบล้านปีก่อน พวกมันพบอยู่ที่ภาคตะวันตกของอำเภอเหลียวหนิง
นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบมันนั้นได้ประเมินว่าพวกมันเป็นพืชจำพวกแองจิโอสเปิร์มสายพันธุ์โบราณที่สูญพันธุ์ไปแล้ว และถือว่าเป็นพืชชนิดใหม่ที่เคยพบเจอเช่นเดียวกัน
นักวิจัยที่ศึกษาได้ให้ความเห็นว่าต้นผลไม้จีนโบราณนี้สมควรจะเป็นต้นกำเนิดสายพันธุ์ต่างๆทั้งไม้ดอก ไม้ผล และไม้ธัญพืช(พืชไร่)ของโลกในยุคปัจจุบันนี้

การค้นพบนี้ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จและได้การยอมรับจากนักวิจัยอย่างทั่วทุกมุมโลก โดยมันถูกเผยแพร่ออกไปในวันที่ 7 พฤษภาคม 2002 โดยนิตยสารวิทยาศาสตร์ของอเมริกา นักวิจัยผู้เป็นหัวหน้าทีมวิจัยมีชื่อว่า ซุนเย่ของมหาวิทยาลัยจิหลินและผู้ร่วมวิจัยคือจิเฉียงจากสถาบันธรนีวิทยาที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ของที่นั่น และยังมีคนอื่นที่มีชื่อเสียงร่วมวิจัยด้วย เรียกได้ว่าเป็นผลงานวิจัยแห่งยุคเลยทีเดียว
หาว่ายึดถือจากทฤษฎีทางชีววิทยานี้แล้ว สายพันธุ์ที่ยังคงอยู่และคล้ายกันมากที่สุดนั้นจะยังคงมีอยู่ที่แม็กโนเลย อย่างไรก็ตาม

ด้วยการที่ต้นผลไม้จีนโบราณนี้ต้นเล็กมาก แถมยังอาศัยได้อยู่แค่ในน้ำเท่านั้น ทำให้มันนั้นถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพืชสมุนไพรมากและเจ้าต้นนั้นก็ถูกเข้าใจผิดมานานเช่นเดยวกัน
จนกระทั่งในเดือนสิงหาคมปี2003 นักวิจัยอีกกลุ่มหนึ่งได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยออกมาว่าต้นไม้จีนโบราณนี้เป็นต้นไม้สายพันธุ์ใหม่ และมันนั้นขึ้นได้แต่ในพื้นที่ที่น้ำท่วมเท่านั้น
นอกจากนี้จากลักษณะทางอนุกรมวิธานของมันแล้ว พบว่ามันไม่น่าจะใช่ต้นกำเนิดของทุกสายพันธุ์อย่างที่ว่า เพราะไม่สามารถหาต้นไม้ที่มีลักษณะสืบทอดจากต้นผลไม้จีนโบราณนี้เลยสักสายพันธุ์ นี่จึงทำให้เกิดคำถามที่ว่าต้นไม้นี้คือต้นกำเนิดของทุกสายพันธุ์หรือว่าเป็นต้นเดียวในสายพันธุ์กันแน่

ต่อมานิตยาสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเดลี่ได้หยิบยกประเด็นนี้มานำเสนอภายใต้หัวข้อ ไม้ดอกต้นแรกของโลก พวกเขาในทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินมาลองประติดประต่อสายพันธุ์ของต้นไม้ตระกูลแองจิโอสเปริ์มนี้ดูแล้วก็พบว่า สายพันธุ์ของมันนั้นมีอยู่ถึงแค่ยุคคลีตาเซียสตอนกลางและตอนปลายเท่านั้น(ประมาณหนึ่งร้อยล้านปีถึงหกสิบห้าล้านปีก่อน) และหลังจากนั้นก็ไม่มีการค้นพบร่องรอยของพืชตระกูลนี้อีกว่าได้พัฒนาตัวเองเป็นสายพันธุ์อะไร
และในตอนนี้ แทนที่จะเป็นการพบเจอฟอซซิลของต้นไม้โบราณแบบนั้น ต่อหน้าพวกเขานี้คือต้นผลไม้จีนโบราณที่ยังมีชีวิตอยู่ นี่ย่อมหมายความว่านี่ได้ทำให้ทุกทฤษฎีต่างๆที่ว่ามานั้นต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และด้วยไม้ต้นนี้บอกได้เลยว่าทฤษฎีที่ขัดแย้งกันนั้นจะถูกคลี่คลายโดยใช้เวลาไม่นาน
ด้วยการที่มนุษย์โลกแห่งนี้มีความใส่ใจกับเรื่องสายพันธุ์อย่างมาก พวกเขานั้นสามารถหาหัวข้อในการศึกษากับเรื่องนี้ได้อย่างไม่หวดไม่ไหว แม้แต่ที่มาของสายพันธุ์ตัวเองและสายพันธุ์อื่นๆเองก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ และยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆอย่างแน่นอน

“นี่มันสุดยอดจริงๆ ด้วยต้นผลไม้จีนโบราณต้นนี้จะช่วยให้พวกเราสามารถคลี่คลายหลากหลายปัญหาที่ยังคลุมเครือมาจนถึงปัจจุบันนี้ได้อย่างแน่นอน” เอี้ยป๋อพูดออกมาอย่างตื่นเต้น
“ต้นไม้นี้ต้องทำให้วงการวัตถุโบราณตื่นตั้วอย่างแน่นอน” โจวซือเซียนพูดออกมา
“หมายความว่ายังไงกัน มันเป็นเรื่องของพืชพันธุ์นะ ฉันย่อมต้องนำกลับไปให้นักศึกษาในสาขาพันธุ์พืชศึกษาพวกมันอย่างแน่นอน ยังมามัวนิ่มเอาไปซะล่ะ” เอี๋ยป๋อพูดออกมา
“นี่มันสิ่งที่หลงเหลือจากร้อยล้านปีก่อนเลยนะ สำหรับวงการวัตถุโบราณแล้วฉันว่ามันมีประโยชน์มากกว่า” โจวซือเซียนพุดออกมาด้วยสายตาเฉือดเชือน
โดยไม่สนใจสิ่งใดๆ ทั้งสองได้จิกกัดกันอีกครั้ง นี่ทำให้ทั้งซูจิ้งและผู้ติดตามของทั้งสองทำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็อย่างที่เขาว่าไว้ ดีแต่ขู่ ทั้งสองเพียงแค่เฉือดเฉือนกันด้วยคำพุดเท่านั้น
ความจริงแล้วเหล่าผู้ติดตามของทั้งสองเองก็ตื่นเต้นอย่างมากที่ได้พบสิ่งมีชีวิตที่มีสายพันธุ์ยินยาวมากว่าร้อยล้านปีแบบนี้
พวกเขาคิดไม่ออกจริงๆว่าหากข่าวนี้แพร่ออกไปละก็ ผู้คนทั้งโลกจะมีอาการแบบไหนกันแน่

จนในที่สุด ซูจิ้งที่เห็นทั้งสองจิกกัดกันอยู่นั้นขี้เกียจจะเห็นอีกก็เลยได้ยกต้นผลไม้จีนโบราณนี้กลับเข้าไปในบ้าน นี่ทำให้ทั้งสองต้องหยุดลงในทันที
ในครั้งก่อนนั้น ทั้งสองเปิดศึกแย่งกันแบบนี้ก็ตอนที่ซูจิ้งเปิดประมูลฟอสซิลแมงมุมตัวหนึ่ง แต่ในครั้งนี้ที่ซูจิ้งยอมให้ทั้งสองได้เห็นนั้นเป็นเพราะว่าสำหรับเขาในตอนนี้เงินนั้นไม่ได้น่าสนใจอีกต่อไป ต่อให้ตั้งราคาออกไปทั้งสองก็ไม่มีปัญญาซื้ออย่างแน่นอน
สิ่งที่เขาคาดหวังไว้ก็คือการนำมันออกไปวิจัยเพื่อสร้างความรู้สึกตื่นเต้นยินดีและประใจไปทั่วทั้งโลกจนทำให้เขานั้นได้รับค่าการใช้ประโยชน์กลับคืนมา
“อาจิ้ง นายไปได้สัตว์สูญพันธุ์ตั้งมากมายและหลากหลาย รวมถึงต้นไม้ต้นนี้มาได้ยังไงกัน ทั้งๆที่พวกมันควรจะไม่มีเหลืออยู่จนมาถึงปัจจุบนนี้แล้วได้น่ะ” เอี้ยป๋ออดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกน่า…. โลกอันกว้างใหญ่แบบนี้พวกคุณไม่รู้หรอกว่าคุณจะพบอะไรได้บ้าง อ้อ แล้วก็นอกจากต้นนี้ผมยังพอมีอีกหลายๆพันธุ์ที่ผมไม่รู้จัก คุณสนใจจะดูกันอยู่รึเปล่า”
“ยังมีอีกเหรอ” เอี้ยป๋อและโจวซือเซียนอุทานออกมาพร้อมกันพร้อมทั้งจ้องมองซูจิ้งแบบเขม็ง
“ช่ายยยยยยย” ซูจิ้งพยักหน้ารับ
“แน่นอน เอาออกมาเลย” ชายแก่ที้งสองพร้อมทั้งผู้ติดตามพูดออกมาพร้อมๆกันด้วยความติ่นเต้น
ซูจิ้งเมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ได้เดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง คราวนี้เขาเดินพร้อมกับหอบต้นไม้นานาชนิดออกมาในคราวเดียว พวกมันนั้นอยู่ในกระถางต้นเล็กๆและมีรูปร่างที่แตกต่างกันไปอย่างน่าประหลาดใจ
“เอิ่มมม…นี่…ไม่ใช่ว่า…” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชี้ไปที่กระถางหนึ่งแล้วเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ติดอยู่ที่ปากพูดไม่ออก
“พระอาทิตย์ พระจันทร์ ทะเลสาบ แกะ หู กระเทียม” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งได้พูดออกมาเบาๆ
“นี่มัน…” เอี้ยป๋อได้แสดงออกมาถึงความประหลาดใจในทันที เขาจิ้งมันอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้าและพูดออกมาว่า
“เซียวหวู่พูดถูกแล้วและไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย มันคือ สุริยัน จันทรา ทะเลสาบ แกะ หู กระเทียมจริงๆ”
พืชที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นคือพืชที่ถูกเรียกว่า “ต้นกระเทียมทะเลสาบสุริยันจันทรา”(อ่านรวมคำ ถ้าอ่านแยกคำจะประกอบไปด้วยคำว่าสุริยัน จันทรา ทะเลสาบ แกะ หู กระเทียม)
มันเป็นพืชไม่มีลำต้นโดยมีแค่หัวและใบที่งอกออกมาเท่านั้น ใบที่เรียวแหลมของมันนั้นมีความยาวประมาณ 16-30 เซนติเมตร แต่มีความกว้างของใบอยู่ที่ 1-1.5 เซนติเมตรเท่านั้นเอง ส่วนกลีบของมันนั้นมีขนาดประมาณเก้ามิลลิเมตร และมีทรงโดยรวมเป็นรูปไข่ หรือจะเรียกว่าไข่ที่แบ่งเป็นกลีบๆก็ได้
“อะไรคือต้นกระเทียมทะเลสาบสุริยันจันทรางั้นเหรอ” โจวซือเซียนอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“หึหึหึ นี่นายไม่รู้เหรอ” เอี้ยป๋อหัวเราะเบาๆก่อนที่จะอธิบายออกมาว่า “ต้นกระเทียมทะเลสาบสุริยันจันทรานี้เป็นพืชเฉพาะถิ่นของไต้หวัน โดยมันจะกระจายอยู่ทั่วไปบนเกาะไหหลำบริเวณรอบทะเลสาบสุริยันจันทรา แต่ด้วยการที่พื้นที่นั้นมีระดับความสูงประมาณ 750 เมตร ทำให้พวกเขาเลือกที่นั่นในการสร้างอ่างเก็บน้ำ โดยไม่สนใจถึงผลกระทบว่าจะมีสายพันธุ์ไหนบ้างที่ได้รับผลกระทำ
ผลก็คือทำให้กระเทียมสายพันธุ์นี้สูญพันธุ์กว่า 70 ปีแล้ว ถึงแม้จะมีรายงานการค้นพบอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีใครยืนยันได้”
“หรือก็คือมันคืออีกหนึ่งสายพันธุ์ที่สูญพันธุ์สินะ แหม่ พูดออกมาซะยืดยาว บอกมาแค่นี้ก็จบแล้ว” โจวซือเซียนพูดออกมาอย่างหน้าระรื่น
นี่ทำให้เอี้ยป๋อและผู้ติดตามของทั้งสองที่จดจำมันได้ถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที ก็จริงที่มันเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่สาบสูญ
ถึงแม้ว่ามันจะพึ่งสูญพันธุ์ไปเพียงเจ็ดสิบปี แต่ยังไงซะ สูญพันธุ์ก็คือสูญพันธุ์ แต่กับการได้เห็นสิ่งที่หายากยิ่งแต่ยังทำหน้าตาไม่รู้ร้อนหนาวแบบนี้จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะประหลาดใจ
ดูเหมือนว่าในวันนี้พวกเขาคงได้เห็นสายพันธุ์ที่ไม่หลงเหลืออยู่แล้วมากเกินไปจนด้านชาไปแล้วกระมัง
กับเรื่องนี้พวกเขาคงทำได้เพียงโทษซูจิ้งเท่านั้น
แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากสักเท่าไหร่นัก นั่นก็เพราะที่พวกเขาสนใจมากที่สุดคือการพิจารณาพืชต้นอื่นๆที่ยังไม่มีใครคุ้นเคยหรือบอกได้ว่าพวกมันคือต้นอะไรมากกว่า