ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 636 สิ่งที่เรียกว่าวิกฤติการณ์ เป็นทั้งอันตรายทั้งโอกาส

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ในขณะนี้ เพลิงผลาญมากมายปกคลุมท้องฟ้า ประกอบกันเป็นอาณาเขตอันเป็นเอกเทศ ตัดขาดเกาะเซิ่งเหอกับโลกภายนอก กลายเป็นโลกใบเดียวกันโดยสิ้นเชิง

กลิ่นอายสีดำหลายสายพุ่งขึ้นท้องฟ้าโดยมีหอสักการะย่อยสำนักความมืดเป็นศูนย์กลาง กลายเป็นความมืดไร้สิ้นสุดที่เหมือนกับรัตติกาลในทันที กลืนกินแสงไฟ คืนความสงบแก่โลก

ส่วนที่สูงที่สุดของหอสักการะย่อย อู๋จื่อซิว ผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งตำหนักไร้แสงของสำนักความมืด มีสีหน้าเคร่งเครียด พลางเงยหน้ามองท้องฟ้า

หลังจากรู้ว่าเป็นเจิ้งกั๋วกง เขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาแก้แค้นเรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอสังหารหยางจ้าวหงแม่ทัพแห่งหลวนเซียง

ข้อแรก แม้หยางจ้าวหงจะเป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ แม่ทัพประจำเกาะ แต่ยังไม่อาจทำให้ยอดฝีมือระดับสุดยอดที่ถูกจัดอยู่ในห้าอันดับแรกของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องล้างแค้นแทนได้

ข้อสอง ไห่เฉิงโหวที่เป็นเบื้องหลังของหยางจ้าวหง ไม่เพียงแต่ไม่สนิทสนมกับเจิ้งกั๋วกงเท่านั้น ยังมีความขัดแย้งทางการเมือง ไห่เฉิงโหวเป็นคนที่เสวียวมู่อ๋อง เสวียงอ๋องแห่งราชวงศ์ปัจจุบันไว้ใจ

ต่อให้ไห่เฉิงโหวจะหาผู้ช่วย ย่อมไม่ขอความช่วยเหลือจากเจิ้งกั๋วกง

เจิ้งกั๋วกงครั้งนี้มาที่เกาะเซิ่งเหอ เพราะสำนักความมืดของพวกเขาโดยเฉพาะ

เมื่อคิดถึงข้อนี้ จิตใจของอู๋จื่อซิวกับพวกเนี่ยเซิ่งที่เป็นยอดฝีมือสำนักความมืดต่างเคร่งขรึมลง

เรื่องที่สำนักตนแอบเตรียมพิธีอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือก สุดท้ายยังหลุดรอดออกไปได้ ดึงดูดให้ศัตรูยอดฝีมือมาถึง

พวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับโดนพัวพันเข้าไปด้วย ถูกขังอยู่ในเกาะเซิ่งเหอ ติดร่างแหพร้อมกับเขา

เพียงแต่คิดว่าตนไม่รู้จะจัดการเยี่ยนจ้าวเกออย่างไร จึงเตรียมจะส่งเขาไป ตอนนี้กลับถูกราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องขวางทางจนไม่อาจเดินทาง อู๋จื่อซิวได้แต่หัวเราะขื่นขมไม่หยุด

จิตใจของผู้อาวุโสสำนักความมืด ในยามนี้คับข้องยิ่ง รู้สึกเพียงว่าเรื่องแต่ละเรื่องไม่เป็นดั่งใจหวัง

มาถึงตอนนี้ อู๋จื่อซิวไม่มีความคิดอื่นอีก ใช้ค่ายกลคุ้มกันของหอสักการะย่อย จากนั้นก็สู้กับเจิ้งกั๋วกงแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่มาบุก

อู๋จื่อซิวซึ่งอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลาง ระดับพลังฝึกปรือแม้ว่าจะด้อยกว่าเจิ้งกั๋วกงขั้นหนึ่ง แต่อาศัยความได้เปรียบด้านชัยภูมิจากค่ายกลของหอสักการะย่อยสำนักความมืด ยังคงมีพลังพอสู้ได้

พลังของทั้งสองฝ่ายตัดสลับกันกลางฟ้าดิน ส่วนใหญ่แล้ว หอสักการะย่อยสำนักความมืดถูกซ่อนไว้ในความมืด

แต่ว่าม่านรัตติกาลถูกแสงไฟแทรกทะลุตลอดเวลา

แสงไฟสว่างวาบ ฟ้าดินกลับคืนสู่ความมืดมิด แต่ไม่ทันไรก็มีแสงไฟสว่างขึ้นในบริเวณอื่นอีกครั้ง

เยี่ยนจ้าวเกอกลับมาในหอสักการะย่อยสำนักความมืด รู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งสองสายที่กำลังปะทะกันอย่างรุนแรงกลางอากาศ พลางครุ่นคิดไม่พูดจา

อาหู่ทำหน้าหนักใจ “คุณชาย ประตูเมืองติดไฟลามถึงบ่อปลา พวกเราตอนนี้จะทำอย่างไรดี? หากหอสักการะย่อยสำนักความมืดถูกตีแตก ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องย่อมยินดีถือโอกาสเก็บพวกเราไปด้วย”

ชายหนุ่มเงยหน้ามองท้องฟ้า “ในเวลาสั้นๆ น่าจะไม่เกิดปัญหา แต่ว่าถ้านานกว่านั้น ก็ไม่แน่แล้ว”

ค่ายกลคุ้มครองของหอสักการะหลักสำนักความมืดในตอนนี้ เพราะกำลังเตรียมพิธีกรรม จึงไม่ได้อยู่ในสภาพปกติ

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากใช้พลังรุนแรงสู้กับยอดฝีมืออย่างเจิ้งกั๋วกงแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ย่อมมีช่องโหว่ให้ฉกฉวย

เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวอย่างครุ่นคิด “ก่อนหน้านี้มีข่าวบอกว่า เสวียนอ๋ององค์ปัจจุบันแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกรีฑาทัพด้วยตัวเอง คาดเดาได้ว่าเขาอาจจะมีที่พึ่งพาอื่นๆ”

“ตามเหตุผลแล้ว ยอดฝีมืออย่างเจิ้งกั๋วกง น่าจะเคลื่อนไหวพร้อมกับเสวียนมู่อ๋อง รวมพลังกันจึงจะถูก ตอนนี้กลับแบ่งกำลังมาที่นี่ เหมือนพิสูจน์การคาดเดาก่อนหน้าของพวกเราว่า ครั้งนี้ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม”

เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งครุ่นคิด ทางหนึ่งเอ่ยว่า “อีกทั้งเมื่อดูวิธีการรับมือของขุมกำลังอื่นในทะเลหวงเจีย สำนักความมืดในปัจจุบันท่าจะผ่านด่านนี้ยาก”

อาหู่ได้ยินรู้สึกสั่นสะท้าน “คุณชาย นั่นหมายความว่า หอสักการะหลักสำนักความมืดก็ไม่ปลอดภัยเช่นกันหรือ?”

“ที่ตั้งของหอสักการะหลักสำนักความมืดเป็นความลับมาโดยตลอด แต่ว่าครั้งนี้ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมีสภาวะดุดัน คิดว่าคงมีความมั่นใจไม่น้อย” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ

“ถ้าหากข้าไม่ได้มองผิด พิธีกรรมที่สำนักความมืดวางแผนอยู่ ไม่อาจดูถูกได้ ทั้งยังมีขนาดใหญ่มาก ข้าสงสัยว่าพิธีที่หอสักการะย่อยเป็นส่วนหนึ่งที่คอยร่วมประสานเท่านั้น แกนหลักอยู่ที่หอสักการะหลัก

“ด้วยเหตุนี้เอง หอสักการะหลักกับหอสักการะย่อยแต่ละแห่งจึงอยู่ในสภาวะร่วมมือกัน ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอาจจะฉวยโอกาสนี้สืบสาวหาตัว”

อาหู่กล่าาวอย่างไม่พอใจ “ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเหตุใดไม่ไปหาเรื่องสำนักแสงสว่าง? สำนักแสงสว่างหาง่ายกว่ามาก ไฉนต้องมาที่สำนักความมืดด้วย…”

พูดไปพูดมา อาหู่พลันเงียบลง ในดวงตาฉายแววเข้าใจ มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิง

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มให้เขา เป็นการบอกว่าเขาคิดไม่ผิด

อาหู่พลันปวดศีรษะขึ้นมา

ทั้งสามมองหน้ากัน ต่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

เนื่องจากเอาแต่สนใจมงกุฏจันทราและตราประทับตะวัน ไม่นานมานี้สำนักแสงสว่างจึงได้แบ่งกำลังส่วนหนึ่งไปปะทะกับโลกแปดพิภพ กับเขากว่างเฉิงที่อยู่ด้านนอกโลกซ้อนโลก

การเคลื่อนไหวบนทะเลหวงเจียของพวกเขาจึงสงบเสงี่ยมยิ่งกว่าขุมกำลังต่างๆ อย่างสำนักความมืด

สำนักความมืดที่หลายปีมานี้กระตือรือร้นในสงครามต่อต้านต้าเสวียน จึงกลายเป็นเป้าหมายในการกำจัดของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอย่างสมเหตุสมผล

หอสักการะหลักสำนักความมืดเทียบกับที่อยู่ของสำนักแสงสว่างแล้ว ซ่อนเร้นได้ดีกว่ามาก แต่ในทางกลับกัน ครั้งนี้เมื่อมีวิธีหาหอสักการะหลักสำนักความมืด จึงกลายเป็นโอกาสที่หายาก เหมือนคำพูดที่ว่าผ่านหมู่บ้านนี้ไปก็ไม่มีร้านนี้อีกแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น พิธีกรรมที่สำนักความมืดกำลังจัดยังไม่อาจดูแคลนได้ ถ้าหากปล่อยให้พวกเขาทำสำเร็จ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ครั้งนี้จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญ

เยี่ยนจ้าวเกอมองหอสักการะย่อยสำนักความมืดเบื้องหน้า พลางหรี่ตา ‘วิกฤติ มีอันตรายย่อมมีโอกาส…’

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็เอ่ยว่า “พวกเจ้าเข้าไปในวังฝูงมังกรก่อน”

เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และพ่านพ่นต่างเชื่อฟัง เข้าไปในวังฝูงมังกร

ในวินาทีนี้ เหนือหอสักการะย่อยสำนักความมืดเกิดการต่อสู้หลายครั้งแล้ว

ด้านนอกม่านรัตติกาล กลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง พลันปรากฏรูขนาดยักษ์รูหนึ่ง จากนั้นก็มีคมหอกสีดำขลับเล่มหนึ่งยื่นออกมาจากในรูนี้

คมหอกนั้นมหึมาหาใดเทียม ประกายหอกคล้ายกับถูกครอบคลุมในฟ้าดิน ลดต่ำลงตามคมหอก แสงเจ็ดสายสว่างวาบขึ้น ปรากฏนกเทพเจ็ดตัวบินวนเวียน

วิหคอมตะ พญาปักษาชิงเหนี่ยว นกเผิงยักษ์ นกยูง ห่านขาว พญาหงส์ นกฮูก

ขณะที่โบยบิน ลวดลายอักขระของรอยตราอาคมสลักใส่อากาศ เหมือนกับดำรงอยู่มาแต่โบราณ

อัคคีในนภา อัคคีในศิลา อัคคีในไม้ อัคคีสมาธิ อัคคีโลกา เปลวเพลิงห้าชนิดหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว กระตุ้นคมหอกอันน่าพรั่นพรึงนั้นให้แทงใส่หอสักการะย่อยแห่งสำนักความมืด!

นี่ไม่แตกต่างกับที่หยางจ้าวหงใช้อัคคีในศิลากระตุ้นหอกเผิงยักษ์กับหอกห่านขาว

เป็นการสะท้อนพลังที่สมบูรณ์แบบและแยบคายถึงขีดสุดของเคล็ดวิชาห้าอัคคีและหอกเจ็ดวิหค อันเป็นกระบวนท่าเคล็ดวิชาของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง

เพียงหอกเดียว ฟ้าดินและมิติต่างถูกทำลาย

อู๋จื่อซิวเผชิญกับหอกนี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ผลักฝ่ามือสองข้างออกไปด้านบนพร้อมกัน

ความมืดไร้สิ้นสุดเหมือนกับกลายเป็นพายุหมุนขนาดมหึมา พันคมหอกที่แทงลงมาด้านบนเอาไว้ กลืนกินพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงของคมหอกอย่างต่อเนื่องราวกับหลุมดำ

ส่วนในทิศทางอื่นก็มีจอมยุทธ์สำนักความมืดนำโดยเนี่ยเซิ่ง จับคู่เข่นฆ่ายอดฝีมือแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่ติดตามเจิ้งกั๋วกงมา

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์กลุ่มหนึ่ง ในจำนวนนี้มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงไม่ต่ำกว่าหนึ่งคนกำลังต่อสู้กัน อานุภาพอันน่ากลัวที่เกิดขึ้นแทบจะพลิกฟ้าพลิกดิน

แต่ก็เป็นเพราะความเสถียรของการไหลเวียนปราณวิญญาณในโลกซ้อนโลก และความแข็งแกร่งของเขตแดนรอบๆ หากเปลี่ยนเป็นโลกใบอื่นอย่างโลกแปดพิภพกับโลกผืนสมุทร ทันทีที่สองฝ่ายสู้กัน โลกทั้งใบคงถูกฉีกกระชากไปแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจลึก ก่อนจะเกราะเหมันต์ทระนงสวมทับบนร่าง พลันมีมังกรน้ำแข็งหลายตัวพันอยู่บนร่างของตนเอง

เขาก้มกาย กระโจนตัวขึ้นลงไปยังจุดสูงสุดของหอสักการะย่อยสำนักความมืด