ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 637 ติดสอยห้อยตาม

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ยอดฝีมือระดับสุดยอดแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมาบุก สำนักความมืดมียอดฝีมืออย่างอู๋จื่อซิว และเนี่ยนเซิ่งอยู่ที่นี่

สองฝ่ายสู้กันเป็นพัลวัน สถานการณ์สับสนวุ่นวาย ปะทะกันที่เขตแดนของเกาะเซิ่งเหอชนิดฟ้าพลิกแผ่นดินกลับ

เพียงแต่เป็นอย่างที่เยี่ยนจ้าวเกอคาดไว้ ค่ายกลของสำนักความมืดที่คุ้มครองดินแดนแห่งนี้ ยามนี้ไม่อาจแสดงผลได้อย่างปกติ

ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกอู๋จื่อซิวและเนี่ยเซิ่งยิ่งสู้ยิ่งเสียเปรียบ

เมื่อต้องรับหอกของเจิ้งกั๋วกงแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ร่ายกายอันชราภาพของอู๋จื่อซิวก็พลันงองุ้มลงหลายส่วน

จอมยุทธ์สำนักความมืดที่อยู่ด้านข้างเขาพลันพบว่า มุมปากของอู๋จื่อซิวมีเลือดซึมออกมา

เนี่ยเซิ่งครางหนักๆ คำหนึ่ง กดดันคู่ต่อสู้ บนแขนขวากลับปรากฏรอยกระบี่สายหนึ่ง เขาถอยมาถึงข้างกายอู๋จื่อซิว ส่งกระแสเสียงว่า “เป็นเช่นนี้ต่อไปป้องกันไม่ไหวแน่”

อู๋จื่อซิวเช็ดมุมปาก ไอหลายครั้ง “ข่าวที่สำนักเราต้องการใช้พิธีอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือกหลุดออกไปแล้ว ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องคิดใช้โอกาสนี้ สืบเสาะที่อยู่ของหอสักการะหลักของสำนัก”

“เกาทัณฑ์พาดบนสายไม่ปล่อยไม่ได้ ถึงพวกเราจะไม่ดำเนินพิธีกรรมต่อ ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก็หาเบาะแสเจออยู่ดี” เนี่ยเชิ่งเอ่ย

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็สู้ให้ถึงที่สุดเถอะ!”

ครั้นอู๋จื่อซิวได้ยิน เขาก็จมลงสู่ห้วงความคิด

เขาเงยหน้ามองไป เห็นลำเพลิงหลายสายซัดโหมบนท้องฟ้า ม้วนคลื่นอัคคีขึ้นมาหลายกลุ่ม ลายแสงขนาดมหึมากลางทะเลเพลิงลายหนึ่งจับตัวกลายเป็นรูปร่าง สาดลงด้านล่างราวกระจกใส

หลังจากหอสักการะย่อยของสำนักความมืดถูกกระจกแสงใบนี้ครอบคลุม ก็มีควันสีดำหลายสายลอยขึ้น

ควันสีดำไม่ได้ลอยขึ้นเป็นเส้นตรง แต่ลอยเฉียงขึ้น ปลายด้านหนึ่งเชื่อมกับหอสักการะย่อยสำนักความมืด อีกด้านหนึ่งยืดออกไปยังสถานที่ที่เป็นปริศนาเหมือนกับเส้นเชือก

ถ้าหากสายตาไม่ได้จำกัดอยู่แค่เกาะเซิ่งเหอ แต่มองทะลุหวงเจียงทั้งผืน จะพบว่าหอสักการะย่อยสำนักความมืดแต่ละแห่ง ถูกโจมตีอย่างรุนแรงแทบจะพร้อมกัน

บนหอสักการะย่อยของสำนักความมืดทุกแห่ง ต่างมีแสงกระจกที่ทั้งพิสดารและสว่างสาดส่อง

ควันสีดำหลายสายยื่นออกไปหาความว่างเปล่าจากแต่ละทิศทาง ค่อยๆ รวมตัวกัน ชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

ขณะมองควันดำเหนือเกาะเซิ่งเหอ อู๋จือซิวถอนใจคำหนึ่ง “มีการเตรียมตัวมาแล้วจริงๆ”

ใบหน้าของชายชราฉายแววเด็ดเดี่ยว “เวลาเช่นนี้ ได้แต่ลงมือเต็มที่แล้ว”

ครั้นพูดจบ เขาก็ยกฝ่ามือขึ้นต้านทานคมหอกที่น่ากลัวของเจิ้งกั๋วกงแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ในขณะเดียวกัน อีกมือหนึ่งก็ฟาดฝ่ามือลงด้านล่างตัวเอง

ด้านใต้เขา แสงสลัวหลายสายตัดสลับกัน แสงที่ไม่สว่างและไม่มืดส่องขึ้นมา กลายเป็นหน้าตาในตอนแรกของค่ายกลขนาดยักษ์

ค่ายกลนี้ทำงานอย่างรุนแรง กลางค่ายกลพลันมีแสงเจิดจ้าปรากฏขึ้น ถึงกับขับไล่ความมืดได้ในชั่วพริบตา

แต่แสงเจิดจ้านี้โผล่มาแวบเดียวก็หายไป ถูกความมืดกลืนกินอีกครั้ง ‘ความมืด’ ในขณะนี้ ลึกล้ำกว่าเดิม สงบนิ่งกว่าเดิม แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวกว่าเดิม

ทันทีที่ได้รับคำสั่งของอู๋จื่อซิว พวกเฉินเค่อที่เป็นจอมยุทธ์สำนักความมืดไม่ได้ร่วมการต่อสู้เพื่อสนับสนุนสหายในสำนัก แต่โยนเครื่องเซ่นในพิธีกรรมแต่ละอย่างที่เตรียมไว้นานแล้วไปกลางค่ายกล

ความมืดที่ล้ำลึกประดุจกระแสน้ำ ประดุจทะเล ทุกสิ่งเมื่อเข้าไปด้านใน ก่อให้เกิดคลื่นกระเพื่อมขึ้นมา แต่ไม่ทันไรก็กลับคืนสู่สภาพเดิม

‘ถ้าหากรออีกสักพักได้คงจะดี’ อู๋จื่อซิวส่ายหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นวาดลวดลายอาคมสีดำอันลี้ลับกลางอากาศ จากนั้นก็ใช้นิ้วจิ้มใส่ พาให้ลวดลายอาคมนั้นจมลงไปในความมืดที่เกิดขึ้นจากค่ายกลด้านล่าง

จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องด้านบนรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลง การโจมตีเร่งร้อนมากขึ้น

พวกอู๋จื่อซิวและเนี่ยเซิ่งต้านทานสุดกำลัง

ความมืดที่ล้ำลึกเริ่มขยายออกอย่างต่อเนื่อง โลกที่อยู่รอบๆ มืดมิดลงไปพร้อมกัน ประกายแสงทั้งหมดที่อยู่ใกล้ๆ ถูกความมืดนี้กลืนกินหมดสิ้น

แม้ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่อยู่บนท้องฟ้า ก็ยังรู้สึกว่าแสงในบริเวณรอบๆ ริบหรี่ลงไป

มีเพียงแต่ยอดฝีมือระดับสุดยอดที่มีอยู่น้อยนิดเช่นเจิ้งกั๋วกงเท่านั้น ที่ยังคงเสกแสงไฟมากมายขึ้นมาได้ ไม่ได้รับผลกระทบจากความมืด

แต่ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของค่ายกลคุ้มกันหอสักการะย่อย ของสำนักความมืดที่อยู่เบื้องล่าง

ทันใดนั้น แสงสว่างที่ไม่ส่องสว่างแต่กลับมืดมนถึงขีดสุดสายหนึ่งก็ลอยขึ้นบนใจกลางค่ายกล แสงสว่างไม่ได้ลอยขึ้นตรงๆ แต่ลอยเฉียงๆ ออกมาเหมือนเดิม

ทิศทางที่ลำแสงอันมืดสลัวชี้ไป เหยียดยื่นออกไปไกลกลางอากาศ ไม่รู้ไปยังที่ใด เหมือนกับควันสีดำสายนั้น

หลังจากแสงสว่างสาดขึ้น ความมืดที่ครอบคลุมหอสักการะย่อยสำนักความมืดก็เริ่มสลายไปอย่างต่อเนื่อง

กลางทะเลเพลิงบนท้องฟ้า ร่างของบุรุษที่มีใบหน้าน่าเกรงขามลอยขึ้น ภายนอกมองไปเหมือนบุรุษวัยกลางคน ไว้เคราแพะ

เมื่อเขาเห็นแสงสว่างที่มืดมนสายนั้น ก็อดนิ่วหน้าไม่ได้ ละทิ้งอู๋จื่อซิวที่สู้ด้วยมาแต่ต้น หันไปแทงหอกใส่แสงสว่างสายนั้น!

คมหอกที่พุ่งลงมีเปลวไฟและลำแสงมากมายขับให้เด่นชัด ลากหางไฟเป็นทางยาวเหมือนดาวตกของจริง ก่อนจะกระแทกใส่แสงสว่างอันมืดมน

หลังจากทั้งสองฝ่ายปะทะกันแล้ว คมหอกทำลายฟ้าทำลายดินของบุรุษวัยกลางคนผู้นั้น ถึงกับถูกสะท้อน

ลำแสงอันมืดสลัวสั่นไหวน้อยๆ ยังคงส่องแสงไปยังที่ไกลออกไป

บุรุษวัยกลางคนผู้นี้ย่อมเป็นเจิ้งกั๋วกง หนึ่งในสี่กั๋วกงผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง สายตาของเขาเคร่งขรึม “ร้ายกาจนัก”

ลำแสงนี้ดูมืดมนไม่สะดุดตา คล้ายกับอ่อนแรงขมุกขมัว ทว่าความยิ่งใหญ่ของพลังที่อยู่ด้านในนั้น แม้แต่พลังฝึกปรือของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายของเจิ้งกั๋วกง ก็ยังไม่อาจทำลายได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว

คมหอกของเขาเคลื่อนไหวอีกครั้ง พวกอู๋จื่อซิวรีบร้อนเข้าไปป้องกัน

“ไม่ว่าพวกเจ้าจะวางแผนอะไรอยู่ ล้วนเปล่าประโยชน์” เจิ้งกั๋วกงหัวเราะร่า “ถึงปล่อยให้พิธีกรรมของโจรกบฎอย่างพวกเจ้าสำเร็จแล้วจะเป็นไร? กลายเป็นเถ้าธุลีไปพร้อมกับหอสักการะหลักของพวกเจ้าเสียเถอะ”

อู๋จื่อซิวโต้ตอบไปหนึ่งกระบวนท่า ตอนกำลังจะตีฝีปากเยาะเย้ย สีหน้าของเขาก็พลันฉายแววประหลาดใจ

เพราะเขาเห็นว่ามีคนในหอสักการะย่อย ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ ถึงกลับถูกม้วนเข้าไปในบริเวณใจกลางค่ายกล

อู๋จื่อซิวเพ่งตามองไป คนผู้นั้นเป็นเยี่ยนจ้าวเกอชัดๆ

‘คนหนุ่มผู้นั้นจะถูกพลังของค่ายกลบดขยี้…’ อู๋จื่อซิวเพิ่งคิดถึงตรงนี้ พลันเห็นเยี่ยนจ้าวเกอดิ้นรน พร้อมกับหายไปในลำแสงอันมืดมนนั้น

ชายชราตื่นตระหนก เขาเป็นผู้บังคับค่ายกล จึงรู้สึกได้ว่าด้านในเสาแสงอันมืดมัวนี้ มีคนพุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้าพร้อมกับลำแสง ออกไปยังที่ไกลออกไปในชั่วพริบตา!

เมื่อพบว่าไม่ได้เกิดผลกระทบต่อค่ายกล อู๋จื่อซิวก็รู้สึกโล่งอก

ทว่าการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันนี้ อู๋จื่อซิวไม่รู้ว่าจะยินดีหรือกังวล

ยอดฝีมือราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องโจมตีอีกครั้ง อู๋จื่อซิวไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องเยี่ยนจ้าวเกออีก ได้แต่ปะทะกับศัตรูก่อน

ในตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้รู้สึกดีเช่นกัน เพราะเขาเหมือนกับถูกกระแสน้ำพัดไป ตรงหน้าพร่าเลือน ฟ้าดินกลับด้าน

‘โอย! ถึงจะมีวิชาต้านทักทวนกระแส แต่ทิศทางของปราณวิญญาณนี้ปั่นป่วนเกินไปแล้ว’ เยี่ยนจ้าวเกออดสบถขึ้นมาไม่ได้

เขากล้าเข้ามาข้างใน ย่อมมีการเตรียมตัว อาศัยวิชาที่มีเอกลักษณ์คุ้มกันกาย ไม่เพียงแต่ไม่ถูกพลังของพิธีกรรมสำนักความมืดฉีกกระชาก ยังอาศัยพลังของพิธีกรรมที่หอสักการะย่อย ส่งตัวเองไปยังหอสักการะหลักของสำนักความมืด อันเป็นใจกลางของพิธีอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือก

เพียงแต่รสประสบการณ์ระหว่างเดินทาง ไม่ได้ดีแม้แต่น้อย

เหมือนกับมีความรู้สึกเมาเรือในตอนตอนที่ขับรถม้าข้ามเขา

เยี่ยนจ้าวเกอถูกถูกกระแทกโซซัดโซเซ จนกระทั่งครู่ต่อมา ในที่สุดสภาพแวดล้อมรอบๆ ก็ค่อยๆ สงบลง

“หือ?” เยี่ยนจ้าวเกอสงบจิตใจ สำรวจรอบๆ

จากนั้นเขาก็เห็นดวงอาทิตย์สีดำดวงหนึ่ง กำลังลอยขึ้นเบื้องหน้าตนเอง