“โฮก!!” บราวนี่ไม่พูดอะไร มันตบอุ้งเท้าของโรลลี่ออกไปพร้อมส่งเสียงขู่
“……….” โรลลี่หดหัวและรีบวิ่งไปซ่อนข้างหลังเฉียวฉู่ทันที
ช่วยไม่ได้ วิญญาณสัตว์อสูรล้วนเกรงกลัวหมีวิญญาณตามธรรมชาติอยู่แล้ว
เฉียวฉู่ไม่กล้ามองโรลลี่ของเขาเลย น่าอับอายจริงๆ!
มันรู้ไหมว่าใครเป็นเจ้านายของมันกันแน่!
ฮัวเหยาเหลือบมองงูกระดูกสองหัวของเขา แล้วรู้สึกโล่งใจที่งูของเขาไม่มีขนปุกปุยนุ่มนิ่ม มันเลยยังไม่ได้เรียนรู้การทำตัวออดอ้อนจวินอู๋เสีย……
ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร จงจงก็ยังคงกอดจวินอู๋เสียไม่ยอมปล่อย จนกระทั่ง……
“เซวี่ยหรงฮวา!!!!!” จงจงเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างสีแดงที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ข้างหลังจวินอู๋เสียตั้งแต่เมื่อไร ทั้งร่างสั่นสะท้านราวถูกไฟฟ้าช็อต
เซวี่ยหรงฮวามองจงจงด้วยรอยยิ้มสดใส และพูดขึ้นว่า “เจ้าจะกอดเจ้านายข้าไปอีกนานแค่ไหน? ข้ารำคาญ”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงของเซวี่ยหรงฮวา จงจงก็ปล่อยจวินอู๋เสียและกระโดดออกห่างจากนาง 7-8 เมตร พร้อมมองไปที่เซวี่หรงฮวาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกหวาดกลัว
แม้ว่าเมล็ดของเซวี่ยหรงฮวาจะไม่สามารถเป็นกาฝากในร่างวิญญาณได้ แต่เมล็ดพวกนั้นก็ยังอยู่ในร่างกายพวกเขา แม้ว่าจะไม่ได้ดูดพวกเขาจนแห้งเหี่ยว แต่มันก็สร้างความเจ็บปวดอย่างมากต่อร่างวิญญาณ ก่อนหน้านี้จงจงเคยพบกับเซวี่ยหรงฮวาโดยที่ไม่รู้ความจริงเรื่องนี้ ด้วยนิสัยบุ่มบ่ามที่ไม่รู้ว่าไปแตะต่อมโมโหส่วนไหนของเซวี่ยหรงฮวาเข้า ทำให้โดนฝังเมล็ดเข้าไปในร่าง 17-18 เมล็ด มันต้องเจ็บปวดทรมานตลอดหนึ่งเดือนเต็มๆ……
ตั้งแต่นั้นมา จงจงก็มักจะอยู่ห่างจากเซวี่ยหรงฮวาให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ไอ้เด็กชั่ว เด็กเลว!
เมื่อเห็นจงจงทำ “หน้าหมีซีด” ด้วยความกลัวเซวี่ยหรงฮวา วิญญาณทุกตนก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ท่ามกลางเสียงหัวเราะครื้นเครง จ้าววิญญาณรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าไม่ได้มีเพียงวิญญาณพืชสามตน บัวน้อย ตู๋เถิง และอิงซู่ที่อยู่ข้างหลังจวินอู๋เสียเท่านั้นที่มีความเชื่อมโยงกับวิญญาณของนาง แต่ดอกซากศพ สุ่ยจิงหลาน และเซวี่ยหรงฮวาก็ด้วย วิญญาณอื่นๆอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่สำหรับจ้าววิญญาณที่พลังฟื้นคืนกลับมาแล้วนั้น สามารถบอกได้ทันทีว่าพวกเซวี่ยหรงฮวาคือภูติประจำตัวของจวินอู๋เสียทั้งหมด!
คนๆเดียวมีภูติประจำตัวหกตน? เรื่องแบบนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน! แม้แต่จ้าววิญญาณก็ตกใจกับความสามารถที่ร้ายกาจของจวินอู๋เสีย
แต่ก่อนที่จ้าววิญญาณจะได้สติ เขาก็เหลือบไปเห็น ‘แขก’ ที่คาดไม่ถึงสามคน
ดวงตาของจ้าววิญญาณฉายแววตกใจและประหลาดใจเมื่อมองสบตากับดวงตาสีเทาของฉินเกอ ฉินเกอเองก็กำลังมองมาที่เขาเช่นเดียวกัน เมื่อจ้าววิญญาณมองไปที่เขา ฉินเกอก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทาย
พวกเขามาที่นี่ได้ยังไง?
คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในสมองของจ้าววิญญาณ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกฉินเกอมาที่โลกวิญญาณกับกลุ่มของจวินอู๋เสีย จ้าววิญญาณที่ยังไม่เข้าใจเหตุผลก็ได้แต่เก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน และเข้าไปต้อนรับจวินอู๋เสียพร้อมเหล่าวิญญาณตนอื่นๆ
จวินอู๋เสียมาถึงทั้งทีก็ต้องมีกินเลี้ยงต้อนรับกันอยู่แล้ว นางถูกเหล่าวิญญาณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้นพาไปที่หุนหุนโหลว และได้เพลิดเพลินกับอาหารเลิศรสของโลกวิญญาณอีกครั้ง
ระหว่างกินเลี้ยง จงจงไม่กล้ากอดจวินอู๋เสียอีกเพราะเซวี่ยหรงฮวา แต่ปากมันก็พูดไม่หยุดสักวินาทีเดียว มันเอาแต่ถามจวินอู๋เสียว่าไปอยู่ที่ไหนในช่วงห้าปีนี้และทำไมถึงไม่กลับมา จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี โชคดีที่น่าหลานเยว่ใช้อาหารดึงความสนใจของจงจงได้ทันเวลา