บทที่ 2827 ล่อลวงศิษย์ 4
วรยุทธ์ของคนผู้นี้มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ต่อให้ไม่กราบอาจารย์ ความสำเร็จในภายหน้าก็ยังคงไร้ขีดจำกัดอยู่ดี และถึงอย่างไรตัวเธอเองก็คล้ายตะวันใกล้ตกดินแล้ว ดูเหมือนจะไม่จำเป็นต้องรับเขาเป็นศิษย์เช่นกัน…
เนื่องจากมีข้อพะวงเหล่านี้ เธอจึงไม่เคยเอ่ยความคิดนี้ออกมาเลย
ตอนนี้เธอดื่มจนเมามายแล้ว ปากไม่มีประตูกั้นขวาง จึงเอ่ยความคิดที่อยู่ในจิตใต้สำนึกออกมา
บัดนี้เมื่อได้ยินตี้ฝูอีกล่าวเช่นนี้ ต่อให้เธออยู่ในความฝันก็ยังรู้ว่าโอกาสเช่นนี้หาได้ยากนัก รีบเอ่ยทันที “ได้ เปิ่นจุนตกลงแล้ว!”
ทันทีที่ประโยคนี้เปล่งออกมา บนท้องนภาไกลออกไปพลันมีอสุนิบาตม้วนกลิ้งเข้ามา ฟ้าแลบเสียดแทงนัยน์ตา เกิดแสงทองส่องวาบขึ้นรอบกายของคนทั้งสอง
ตี้ฝูอีงงงัน
กู้ซีจิ่วกลับหรี่ตายิ้ม “คำปฏิญาณลุล่วงแล้ว อัสนีสวรรค์เป็นพยาน นับแต่วันนี้ไป เจ้าคือศิษย์ของข้าแล้ว!”
ตี้ฝูอีตะลึงพรึงเพริด!
กู้ซีจิ่วยิ้มแย้มปานบุปผา “ส่วนเรื่องนั้น…เปิ่นจุนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ความจริงแล้วแต่เดิมข้าก็เรียกว่าซีจิ่วอยู่แล้ว…พ้องเสียงกับสีจิ่วพอดี”
ตี้ฝูอีแข็งค้างไปแล้ว!
เขาสัมผัสถึงความชั่วร้ายที่เปี่ยมล้นออกมาจากทั่วทั้งโลกาได้!
ที่กล่าวกันว่าล่าห่านอยู่ทุกวันจะถูกห่านจิกตา[1]เอาได้ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะถูกนางที่เมามายอยู่ล่อให้ติดบ่วงเข้าแล้ว!
เขาอับจนวาจายิ่งนักแถมยังนึกขันอยู่บ้าง
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า จากนั้นก็มองดูนางที่นั่งก็ยังนั่งไม่มั่นคงเลย ยังคงไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้างว่าวาจาล้อเล่นประโยคเดียวก็ก่อให้เกิดอัสนีสวรรค์เป็นพยานได้แล้ว ทำให้เรื่องเท็จกลายเป็นความจริงขึ้นมา…
ดวงตากู้ซีจิ่วหยีโค้งดุจจันทร์เสี้ยวด้วยความเป็นสุข นางยื่นมือน้อยๆ ออกมาหาเขาอย่างจริงจังนัก “ศิษย์คนดี อาจารย์คือผู้อาวุโสของเจ้า ที่เจ้าสมควรจะเคารพนะ มาเถิด มอบสุราแสดงความกตัญญูต่อข้าสักกาก่อน!”
แสดงความกตัญญูเหรอ?!
ตี้ฝูอีมองมือน้อยๆ ที่อยู่ตรงหน้า “ข้านึกว่าท่านจะใช้ฐานะนี้ ร้องขอโอสถวิญญาณจากข้าเสียอีก”
ก็ถูกแฮะ ทำไมเธอถึงลืมเรื่องนี้ไปได้นะ?!
“งั้นก็มอบโอสถวิญญาณให้ข้าสักเม็ดเถอะ” มือน้อยๆ ของเธอแทบจะยื่นเข้าไปใต้จมูกของเขาอยู่แล้ว
ตี้ฝูอีหลุบตาลงสูดหายใจนิดๆ วางยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งลงบนฝ่ามือของนางจริงๆ
หลังจากกู้ซีจิ่วกินเข้าไปก็ส่ายหน้าทันที “เจ้าหลอกข้า นี่ยังคง…ยังคงเป็นลูกกลอนสร่างเมาอยู่ชัดๆ…”
ถึงแม้หน้าตาของโอสถทั้งสองชนิดจะไม่ต่างกันนัก รสชาติก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ต่อมรับรสของเธอเฉียบไวยิ่ง ทันทีที่ชิมดูก็รู้แล้ว!
เธอไม่ใช่คนที่จะมาหลอกกันได้ง่ายๆ นะ! เฮอะ!
ตี้ฝูอีมองนาง เอาเถอะ ยังไม่นับว่าเมามายจนเกินไป…
“เหตุใดต้องป้อนยาสร่างเมาให้ข้าอีก?”
“เพราะว่าท่านต้องการมันมาก และข้าก็ชมชอบเป็นคนดีให้ถึงที่สุด”
“โอ้ แต่ข้ารู้สึกว่าข้าไม่ได้เมานะ คนเมาสุราล้วนสับสนเลอะเลือน แต่ข้ายังคงล่อลวงเจ้าให้กลายเป็นศิษย์ได้อย่างชาญฉลาด…”
ตี้ฝูอีกุมขมับแล้ว นางอย่าเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกได้หรือไม่?
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตนก็มีช่วงเวลาที่โง่เขลาเบาปัญญาเช่นนี้เหมือนกัน!
ไม่ได้การแล้ว ในเมื่อนางรับเขาเป็นศิษย์ด้วยความเมามาย เขาก็ต้องสะสางเรื่องนี้ให้จบในช่วงที่นางเมามาย ให้นางยกเลิก…
เขาหยิบโอสถเม็ดหนึ่งออกมาจากร่าง โอสถนั้นคือโอสถวิญญาณที่กู้ซีจิ่วเฝ้าคะนึงหา โบกไปมาตรงหน้านาง “อยากได้มันไหม?”
“อยาก! ให้ข้านะ…”
“อืม ถ้าท่านพูดตามข้า ยาเม็ดนี้ก็เป็นของท่านทันที ถ้าพูดได้ดี ไม่แน่ว่าข้าอาจจะมอบให้ท่านสองเม็ดเลยนะ”
กู้ซีจิ่วสนอกสนใจขึ้นมาทันที “พูดอะไรล่ะ?”
“เช่นนั้นท่านฟังข้านะ ท่านต้องพูดแบบนี้ ‘ตี้ฝูอี นับจากนี้เป็นต้นไป ข้าขอขับเจ้าออกจากสังกัด’ ”
กู้ซีจิ่วส่ายหัวปานรัวกลองป๋องแป๋ง “ไม่เอา!”
ปฏิเสธทันทีเกินไปหน่อยหรือเปล่า?!
ตี้ฝูอีตะล่อมโน้มน้าว “เท่าที่ข้าทราบ ความจริงแล้วท่านค่อนข้างรังเกียจข้านี่? ข้าพูดถูกหรือไม่?”
“ใช่แล้ว เจ้าล้ำลึกเจ้าแผนการเกินไป ข้าไม่ค่อยชอบเลย” กู้ซีจิ่วตอบไปตามจริง
ตี้ฝูอีพูดไม่ออกเลย
————————————————————————————-
บทที่ 2828 ล่อลวงศิษย์ 5
ถึงแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ตี้ฝูอีก็ยังคงรู้สึกว่าได้รับค่าความเสียหายหมื่นแต้มอยู่ดี…
เขาดีต่อนางถึงขนาดนี้แล้วชัดๆ ดีด้วยยิ่งกว่าสตรีคนไหนๆ ไม่น่าเชื่อว่านางจะรังเกียจเขาจริงๆ!
ล้ำลึกเจ้าแผนการแล้วมันอย่างไรเล่า?
หากว่าเขาไม่ล้ำลึกเจ้าแผนการ เกรงว่าคงถูกผู้คนบนโลกนี้ทึ้งกินไปแล้ว ไหนเลยจะยังรอดมาจนถึงตอนนี้ได้?
ตี้ฝูอีบ่นอยู่ในใจ เพียงนางยอมรับอย่างที่หาได้ยากนัก เช่นนั้นเขายิ่งต้องฉวยโอกาสตีเหล็กตอนยังร้อน!
“ท่านรังเกียจข้าแล้วยังจะรับข้าเป็นศิษย์ไปอีกทำไม? ไม่รังเกียจที่ต้องพบหน้ากันหรือ? เช่นนั้นพวกเราจะอึดอัดกันทั้งคู่นะ ท่านว่าใช่หรือไม่เล่า? มาเถอะ ขับข้าออกจากสังกัดเสีย”
“ไม่…”
ตี้ฝูอีพูดไม่ออกแล้ว เขาพูดไปมากมายขนาดนี้นางกลับตอบมาเพียงคำเดียว!
เขาพลันตัดสินใจ “พระองค์เจ้าพิถีพิถันต่อการรับศิษย์มิใช่หรือ? ข้าได้ยินว่าในตอนนั้นที่ฟั่นเชียนซื่อต้องการกราบเข้าสู่สังกัดของท่าน เคยได้รับการทดสอบอย่างหนักหนา ส่วนตัวข้าสำหรับพระองค์เจ้าแล้วก็นับว่าเป็นคนแปลกหน้า ความเข้าใจที่พระองค์เจ้ามีต่อข้าเกรงว่าคงไม่ถึงสักเสี้ยวกระผีกด้วยซ้ำ ไม่แน่ว่าข้าอาจชั่วร้ายยิ่งนัก…”
ดวงตาคู่โตของกู้ซีจิ่วกะพริบปริบๆ ท่าทางดูสนอกสนใจยิ่งนัก “ชั่วร้ายมากขนาดไหนกันล่ะ?”
ตี้ฝูอีพลันกัดฟันเอ่ยไปว่า “ตัวข้าผู้นี้ไม่ชมชอบถูกผู้ใดผูกมัด แม้ว่าจะเป็นความปรารถนาดี มักจะกระทำเรื่องหลอกลวงอาจารย์ล้มล้างสำนักอยู่เสมอ ในอดีตมีคนผู้หนึ่งต้องการรับเลี้ยงตัวข้าที่เป็นเด็กเร่ร่อน ทุ่มเทชีวิตหมายจะรับข้าเป็นศิษย์ ทำให้ข้าหมดความอดทน จึงสังหารไปเสียเลย!”
กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างแปลกๆ แวบหนึ่ง “ข้าไม่เชื่อ!”
เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาไม่มีทางกระทำเรื่องเลวร้ายไร้มโนธรรม…
ตี้ฝูอียิ้มเยียบเย็น รอยยิ้มไม่ประสงค์ดีเลย “คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ท่านรู้จักข้าน้อยเกินไปแล้ว!”
กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างเลื่อนลอย ดวงตาคู่โตพร่ามัว ไม่ทราบเช่นกันว่าได้ยินหรือไม่ ยังคงไม่รับฟังเข้าหูเช่นเดิม
ท่าทางนี้ของนางค่อนข้างน่าเอ็นดู ตี้ฝูอีข่มกลั้นอารมณ์ชั่ววูบที่อยากจะลูบศีรษะของนางเอาไว้ เขยิบเข้าไปใกล้นางอีกเล็กน้อย “ตัวข้าผู้นี้ยังชมชอบแทะโลมผู้เป็นอาจารย์ด้วย เคยมีอาจารย์หญิงผู้หนึ่งถูกข้าแทะโลมจนอยู่มิสู้ตายมาแล้ว…”
กู้ซีจิ่วเบิกตากว้างกว่าเดิม ยังคงเงียบงัน
ตี้ฝูอีโน้มกายลงมองนาง จับมือของนางเอาไว้เสียเลย “เป็นเช่นนี้แล้ว ท่านยังยืนกรานจะรับข้าไว้อีกหรือ? ท่านไม่กลัวข้าจะ…ท่านหรือ”
เขาจงใจกดเสียงต่ำ แฝงความอันตรายที่ยากจะอธิบายได้ไว้
นี้ทำให้กู้ซีจิ่วได้สติขึ้นมา เธอยื่นมือผลักใบหน้าของเขาออกไปด้านข้าง เอ่ยวาจาองอาจทรงคุณธรรมประโยคหนึ่งที่ทำให้ตี้ฝูอีแทบจะโมโหจนตายแล้ว “ข้าไม่ลงนรกแล้วผู้ใดจะลงนรก?[2]”
ตี้ฝูอีไร้ซึ่งวาจาแล้ว!
สาวน้อยคนนี้ช่างดื้อด้านอย่างเหนือธรรมดาโดยแท้!
เขาพลันหรี่ตาลง รั้งนางเข้าสู่อ้อมอกเสียเลย
ยามนี้กู้ซีจิ่วแค่นั่งให้มั่นก็ฝืนเต็มกลืนแล้ว ย่อมขัดขืนกำลังของเขาไม่ได้ ล้มคว่ำใส่อ้อมอกของเขาทันที!
เธอวิงเวียนหัวหมุน เงยหน้าจากอ้อมแขนเขา “เจ้า…ทำอะไร?”
ตี้ฝูอียิ้มเย็น น้ำเสียงอำมหิต “จับเจ้า…”
ชะงักไปแวบหนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยออกมาว่า “ข่มเหงก่อนแล้วค่อยสังหาร!”
ประโยคนี้อุกอาจพอแล้ว! และต่ำช้าเพียงพอแล้ว!
ตี้ฝูอีกลั้นหายใจรอให้นางลงมือกับตัวเองด้วยความโกรธเกรี้ยวสุดขีด ซัดฝ่ามือผลักตนออกไป หรือไม่ก็เงื้อเท้าถีบเข้ามา…
ไม่ว่านางจะตอบสนองแบบใด เขาล้วนมีวิธีรับมือทั้งสิ้น จากนั้นก็บีบให้นางเพิกถอนการรับศิษย์อันไม่สมเหตุสมผลนั้น…
กลับคาดไม่ถึงว่านางจะทำราวกับฟังไม่เข้าใจ มองเขาอย่างทึ่มทื่อ “หือ?”
ยามที่นางเงยหน้ามองเขา ในดวงตาดุจพร่างพรมด้วยดวงดาว ใสบริสุทธิ์อย่างยิ่ง
จิตใจตี้ฝูอีสั่นไหวเล็กน้อย เผชิญหน้ากับนางที่เป็นเช่นนี้ เขาค่อนข้างกล่าววาจาต่ำช้าบางอย่างไม่ออกแล้ว…
ทว่ากู้ซีจิ่วกลับมีท่าทางคล้ายจะหม่นหมองอยู่บ้าง “เพราะอะไรเจ้าถึงไม่อยากกราบข้าเป็นอาจารย์กันล่ะ? ป็นเพราะว่าข้าดูดีเกินไปหรือ?”
ตี้ฝูอีพูดไม่ออกอีกครั้ง…
————————————————————————————-
[1] ล่าห่านอยู่ทุกวันจะถูกห่านจิกตา หมายถึง ความมั่นใจจนเกินไปจะก่อให้เกิดความผิดพลาดได้ง่ายๆ
[2] ข้าไม่ลงนรกแล้วผู้ใดจะลงนรก เป็นวาจาของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ซึ่งเป็นที่นับถือในศาสนาพุทธนิกายมหายาน ได้รับมอบหมายจากพระศากยมุนีพุทธเจ้าให้เป็นผู้แสดงธรรมโปรดสัตว์ในกามภูมิ 6 ในช่วงที่พระองค์ปรินิพพานไปแล้วและพระศรีอริยเมตไตรยยังไม่ได้ลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระกษิติครรภ์มีปณิธานสำคัญในการช่วยสัตว์โลกทั้งหมดให้พ้นจากนรกภูมิ หากนรกยังไม่ว่างเว้นจากสัตว์นรกก็จะยังไม่ขอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ด้วยเหตุดังกล่าว พระองค์จึงถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์แห่งสัตว์ผู้ทุกข์ยากในอบายภูมิ ขุมนรกทั้งปวง