มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 756
“มีบางคนรนหาที่ตาย ข้าแค่ส่งเสริมพวกเขาเท่านั้นเอง” หลัวซิวยิ้มกล่าว จากนั้นก็ได้กวาดสายตามองไปรอบ ๆ “เหตุใดกุ่ยโยวถึงไม่อยู่ด้วยเล่า? ประตูแห่งตรีภพเมื่อครั้งที่แล้วหากไม่มีกุ่ยโยวศิษย์พี่ของเจ้าอยู่ละก็……”

กล่าวถึงตรงนี้ หลัวซิวก็ไปได้กล่าวต่อไปอีก แต่ความหมายนั้นชัดเจนแล้ว

“บังอาจ เจ้านี่ช่างกล้าเสียจริงเลยนะ ถึงได้กล้าพูดกับศิษย์พี่เจียงเช่นนี้” ชายร่างผอมสูงผู้หนึ่งที่ติดตามอยู่ข้างกายของเจียงหวูจี้ตวาดขึ้นมา

คนผู้นี้ไม่ได้สวมเครื่องแบบศิษย์นิกายมารศักดิ์สิทธิ์ แต่จันทราสีเลือดที่ปักอยู่บริเวณหน้าอกนั้น หลัวซิวก็คุ้นเคยเช่นเดียวกัน

“อย่าคิดว่าตัวเองได้อันดับหนึ่งในการฝึกทดสอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วจะไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา มีบางครั้ง ไม่ใช่ว่าความสามารถจะอธิบายทุกอย่างได้ ชายร่างผอมสูงกล่าวอย่างเย้ยหยัน

กล่าวไป ชายร่างผอมสูงก็ได้ยืนออกมา “ที่เมืองหลัวเทียนในตอนนั้น เจ้าได้สังหารศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดของข้า เดิมต้องการสิ้นสุดทุกอย่างกับเจ้าเมื่อตอนประลองยุทธ์ แต่กลับไม่ได้ถูกแบ่งให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเจ้า ในเมื่อวันนี้ได้บังเอิญพบ เช่นนั้นก็มอบชีวิตของเจ้ามาเสีย”

ชายร่างผอมสูงสวมในชุดสีเลือด เครื่องแบบเช่นนี้ มีเพียงศิษย์สายตรงของเจ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดเท่านั้นที่มีคุณสมบัติสวมใส่

“เจ้าอยากตายข้าก็จะส่งเสริมเจ้า” หลัวซิวเย้ยหยัน

ไม่ว่าจะเป็นเจียงหวูจี้หรือคนของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด หลัวซิวล้วนไม่มีความรู้สึกที่ดีด้วยเลยสักนิด ในเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาหาเรื่องเอง เขาก็จะไม่ไว้ไมตรี

ชายร่างผอมสูงเป็นหนึ่งในยี่สิบคนที่เข้าร่วมการฝึกทดสอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นามว่าเซี๋ยลี่เฟิง เป็นอันดับหนึ่งของคนรุ่นใหม่ในแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด

ที่จริงแล้วความสามารถของเขา จัดอยู่ในสิบอันดับแรกได้ เพียงแต่ว่ากลุ่มที่เขาถูกจัดให้อยู่นั้น อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับหวูหยุนพอดี ดังนั้นในสิบอันดับแรก จึงไม่อาจตกถึงมือเขาเป็นธรรมดา

เมื่อเห็นเซี๋ยลี่เฟิงออกมาท้าประลองหลัวซิว เจียงหวูจี้คิดว่าคนผู้นี้ได้ข้ามหน้าข้ามตาของตนเอง จึงได้ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที

“หึ ในเมื่อเซี๋ยลี่เฟิงชอบได้หน้าเช่นนี้ ให้มันได้ทดสอบฝีมือของหลัวซิวก่อนก็ดีเหมือนกัน” เจียงหวูจี้แอบกล่าวอยู่ในใจ

หลังจากการฝึกทดสอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ผ่านไป ศิษย์พี่กุ่ยโยวก็ได้เคยเตือนเจียงหวูจี้ว่าอย่างได้บุ่มบ่ามไปหาเรื่องหลัวซิว เพราะกุ่ยโยวทราบเป็นอย่างดี หลัวซิวสามารถแซงซิงหลิงเอาที่หนึ่งในการฝึกทดสอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ จะต้องเป็นเพราะทะลวงชั้นที่สี่ของหอคอยสุดล้ามาได้แน่ มีความสามารถในการสังหารเจ้ายุทธจักร

เจียงหวูจี้รู้ถึงความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ตนเองดี แม้แต่ศิษย์พี่กุ่ยโยวยังหวาดเกรงหลัวซิวถึงเพียงนี้ เขาก็ต้องรู้ถึงความหนักเบาที่ซ่อนอยู่ในนั้นเป็นอย่างดี

แต่เจียงหวูจี้กลับไม่ตายใจ เขามั่นใจว่าที่หลัวซิวสามารถฝึกฝนกฎความตายมาจนถึงขั้นนี้ได้ จะต้องมีความลับอะไรอย่างแน่นอน บวกกับที่เขามีไม้ตายที่ผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์มอบให้ ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นหลัวซิวอยู่ในสายตาสักเท่าไรนัก

เจียงหวูจี้คิดเช่นนี้ เซี๋ยลี่เฟิงเองก็เช่นกัน แม้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดจะเทียบกับนิกายมารศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เลย แต่เขาในฐานะอันดับหนึ่งในบรรดาคนรุ่นใหม่ จะไม่มีไพ่ไม้ตายอยู่ในมือได้อย่างไรกัน?

ตั้งแต่ต้นจนจบ หลัวซิวมีสีหน้าท่าทางสงบนิ่งมาโดยตลอด เพราะเขารู้ว่าเมื่อได้พบกับเจียงหวูจี้และเซี๋ยลี่เฟิงอยู่ที่นี่ ทั้งสองฝ่ายจะต้องลงมืออย่างแน่นอนแล้ว

พรึบ!

เซี๋ยลี่เฟิงพลันเคลื่อนไหวขึ้นมา คลื่นพลังกลุ่มหนึ่งได้ระเบิดออกมาที่ใต้เท้าของเขา เงาร่างรวดเร็วเหมือนดั่งสายฟ้าสีเลือด พุ่งกระโจนเข้าหาหลัวซิว

หลัวซิวก้าวออกมาด้านหน้าหนึ่งก้าว และซัดออกไปหนึ่งฝ่ามือ เพลิงมรณะโหมกระหน่ำออกไป

ปัง!

ในวินาทีที่ทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน เซี๋ยลี่เฟิงก็ได้ถูกกระแทกจนลอยปลิวออกไป

หลังจากที่ได้ฝึกตนอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลาหนึ่งปี ผลการฝึกตนของเซี๋ยลี่เฟิงก็ได้บรรลุถึงแดนมกุฎยุทธ์ขั้นเก้า อีกไม่นานก็จะบรรลุถึงแดนมหายุทธ์ได้