GGS:บทที่ 1066 ประลอง(1)
“หืม…ทำไมอาจารย์ถึงบอกมาแบบนี้ล่ะ” ซูจิ้งเองที่ได้ยินก็ต้องนิ่งอึ้งไป
“…..นั่นก็เพราะเจ้านักต่อสู้สมัยราชวงศ์จินที่หมอนั่นอวดอ้างและใช้ในการกำหราบเสี่ยวไจ๋นั้นมาจากโรงเรียนศิลปะการต่อสู้สับปะยุทธ์ของฉันเอง” ฮู่ฮงหยุนพูดออกมาอย่างถอดถอนหายใจ
“ห้ะ ทำไมผมไม่รู้จักหมอนั่นเลยล่ะ” ซูจิ้งถามออกมา
“หมอนั่นพึ่งจะเข้าร่วมกับเราเมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่เขาเข้ามานั้น เขาเองก็ได้เรียนรู้เพลงหมัดวัวคลั่งรูปแบบที่สองและหนึ่งจากวิดีโอที่เจ้าสอนไว้บนอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว
และเมื่อหมอนั่นเข้ามา เขาเองก็มีกระบวนเรียนรู้ที่รวดเร็ว ร่างกายของเขาเองก็แข็งแกร่ง นี่ทำให้เขานั้นดูมีความเหมาะสมกับสายนี้มากขึ้นทุกวัน
ฉันเองก็มีความรู้สึกชอบพอในความสามารถของชายคนนี้จนรับเข้าเป็นศิษย์ในและได้ให้เขาดูวิดีโอที่เจ้าให้ข้าไว้ ชายคนนี้เองก็ได้เรียนรู้เพลงหมัดวัวคลั่งกระบวนท่าที่สามได้ด้วยเหตุนี้
ไม่คิดเลยว่าชายคนนี้จะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและดัดแปลงในแบบฉบับของตนเอง จนข้าเองก็รู้สึกมีความสุขอย่างมากและคิดว่าตัดสินใจถูกต้องแล้ว
ไม่คิดเลยว่าเขาจะไปท้าประลองเสี่ยวไจ๋จนกำราบเสี่ยวไจ๋ได้ และเมื่อตอนที่ฉันจะไปเอาเรื่องหมอนั่นก็ปฏิเสธการเป็นอาจารย์ของฉันไปแล้ว” ฮู่ฮงหยางพูดออกมาด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองแบบสุดๆ
ซูจิ้งเองในที่สุดก็เข้าใจได้สักทีว่าทำไมนักศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จีนคนนั้นถึงได้รู้เพลงหมัดวัวคลั่งกระบวนท่าที่สามมาจากไหน
แต่แทนที่จะเรียกจากตัวบุคคล หมอนั่นกลับเรียนรู้จากวิดีโอที่เขาทิ้งเอาไว้ให้อาจารย์ฮู่ฮงหยาง ดูเหมือนว่าชายคนนี้มีเป้าหมายนี้อยู่แต่แรกอยู่แล้ว
เขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้เลยเพราะมัวแต่ยุ่งจนไม่ว่างไปโรงเรียนฝึกศิลปะการต่อสู้สับปะยุทธ์นานมากแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงจะสังเกตเรื่องนี้ได้นานแล้ว
“ฉันขอโทษจริงๆอาจิ้ง เฮ้ออออ เป็นฉันที่ทำให้เพลงหมัดที่ยิ่งใหญ่นี้หลุดรอดออกไป” ฮู่ฮงหยุนรู้สึกละอายใจในสิ่งที่ตัวเองทำ นั่นก็เพราะความผิดพลาดของเขาไม่เพียงจะทำให้เสี่ยวไจ๋พ่ายแพ้ ซูจิ้งเสียชื่อเสียง แถมนี่ยังมีโอกาสทำให้วิทยายุทธที่ทรงพลังถูกใช้ในทางที่ผิดอีกด้วย
“ไม่เป็นไรครับ ในเมื่อตอนนี้โรงเรียนเองก็โด่งดังจนมีคนเข้าไปเรียนมากมาย ไม่ช้าก็เร็วกระบวนท่าที่สามนั่นก็ต้องหลุดรอดออกไปอยู่ดี” ที่ซูจิ้งกล้าพูดออกมาแบบนี้เป็นเพราะว่าสำหรับเขาแล้วเพลงหมัดวัวคลั่งนี้ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเขาแล้วจึงได้เผยแพร่ออกมา
ถึงแม้ในตอนแรกจะเป็นการเปิดเผยแค่กระบวนท่าที่หนึ่งและสองเท่านั้นก็จริง แต่ในตอนนี้เหล่าผู้มีอัจฉริยะภาพในการต่อสู้ต่างหลั่งไหลไปที่โรงเรียนศิลปะการต่อสู้สับปะยุทธ์อยู่แล้ว
จึงไม่แปลกหากว่ากระบวนท่านี้จะหลุดรอดออกมาจากการเก็บรักษา เอาจริงๆสำหรับซูจิ้งแล้วการที่กระบวนท่าที่สามนี้เล็ดรอดออกมาแบบนี้กลับดีกับเขามากกว่า นั่นก็เพราะนี่จะทำให้ค่าการใช้ประโยชน์จากขยะห้วงเวลาฯที่เขาได้รับนั้นมากขึ้นอย่างแน่นอน
“แต่บอกไว้ก่อนนะว่าไอ้เรื่องที่หมอนั่นบอกว่าผมไปลักลอบเรียนเพลงหมัดวัวคลั่งมาจากพวกนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
นี่คือเหตุผลที่หมอนั่นกล้าจะไปท้าประลองกับเสี่ยวไจ๋เพื่อให้ได้การยอมรับกับผู้คนในเรื่องนี้” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างสบายๆ
“ผมขอโทษครับอาจารย์ ผมคิดเพียงว่าหากผมชนะจะสามารถลบล้างคำพูดนี้ได้” เสี่ยวไจ๋ที่ได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสำนึกผิดในสิ่งกระทำลงไป
“อย่าโทษตัวเองไปเลยน่า นายเองก็เก่งจริงอย่างที่คิดเห็นล่ะ เพียงแต่ฝั่งนั้นแกร่งกว่านายนิดหน่อยเท่านั้น อีกอย่างอาจารย์ฮู่ก็บอกไม่ใช่เหรอว่าหมอนั่นดัดแปลงเป็นแบบฉบับของตัวเองไปแล้วน่ะ แน่นอนว่าเพลงหมัดนั้นสมควรจะดีกว่าเพลงหมัดวัวคลั่งไม่เหรอ”
“จะว่าไปแล้วเรื่องนั้นก็จริงเหมือนกัน เพลงหมัดของหมอนั่นแตกต่างจากของเสี่ยวไจ๋ที่เรียนรู้เพลงหมัดวัวคลั่งอย่างลึกซึ้ง แต่ถึงมันจะดูทรงพลังกว่าแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ดูแกร่งกว่าเสี่ยวไจ๋เลยนะ”
“ได้ยินมาว่าช่วงนั้นหมอนั่นหนักขึ้นสิบชั่งนะ” ฮู่เฟยหยุนพูดออกมา
“ไม่เพียงเท่านั้น ฉันได้ยินมาว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของหมอนั่นพัฒนาขึ้นมาก นับวันยิ่งดูทรงพลังยังไงก็ไม่รู้” ไคหวูเฟิงพูดออกมา
“นอกจากนั้นยังดูฉลาดและหล่อขึ้นจนพวกเราอิจฉาเลย” จี้เสี่ยวติงพูดออกมาเพิ่มเติม
“นั่นไง นั่นไม่ใช่เรื่องปกติ ฉันเชื่อว่าเขานั้นได้เก็บซ่อนความแข็งอกร่งของตัวเองไว้ตั้งแต่ต้น ฉันเชื่อว่าต่อให้ตอนนั้นเสี่ยวไจ๋ใจเย็นแล้วยังไงก็ชนะหมอนั่นไม่ได้” ซูจิ้งได้พูดสิ่งที่เขาคิดออกมา เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้เขาไม่แน่ใจเท่านั้น
“ถ้าเป็นอย่างนั้น…. เจ้าจะชนะเขาได้รึเปล่า” ฮู่ฮงหยางพูดออกมาโดยมีฮู่เฟยหยุน ไคหวูเฟิงและจี้เสี่ยวติงมองไปที่ซูจิ้งด้วยสายตาที่เป็นกังวลเพราะการจะล้มคนๆนั้นได้ก็คงมีเพียงซูจิ้งคนเดียวเท่านั้น
ต่อให้ซูจิ้งนั้นจะไม่เคยมีใครชนะเขาได้ก็ตาม แต่กับนักศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินคนนั้นเองก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถท้าทายโลกหล้าออกมาแล้วเหมือนกัน แถมยังวิเคราะห์ออกมาแล้วว่าหมอนั่นยังซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้อยู่อีก นี่จะไม่ยิ่งแย่ไปกันใหญ่อย่างนั้นหรือ
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมชนะแน่นอน” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ นั่นก็เพราะเขานั้นต้องคอยต่อกรสัตว์ประหลาดที่ออกมาจากขยะห้วงเวลาฯอยู่บ่อยครั้งเขายังไม่เคยพลาดท่าเลย
ถึงแม้สัตว์ประหลาดเหล่านั้นจะอยู่ในระดับอ่อนแอที่สุดในห้วงเวลาฯที่พวกมันจากมาไม่ต่างจากธุลีดิน แต่เมื่อมาอยู่บนโลกใบนี้พวกมันเปรียบได้ดั่งภัยพิบัติล้างโลก นี่จึงเป็นเหตุที่เขาเชื่อว่าไม่มีใครบนโลกนี้สามารถทำอะไรเขาได้
“เยี่ยม พูดถึงไก่ไก่ก็มาแหะ ฝั่งนี้เองก็เหมือนจะเคลื่อนไหวแล้วเหมือนกัน” จี้เสี่ยวติงที่หยิบโทรศัพท์ออกมาดูเพราะมีเสียงเตือนนั้น เมื่อเขาได้เห็นข้อความก็ไม่รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด
“เกิดอะไรขึ้น” มีใครคนหนึ่งในกลุ่มถามออกมา
“หมอนั่นไปท้ากับนักศิลปะการต่อสู้แห่งหนึ่งโดยท้าชนแบบหนึ่งต่อสี่สิบและหนึ่งต่อห้าสิบ” ไจเสี่ยวติงได้พูดออกมาด้วยสายตาจ้องเขม็ง
นี่ทำให้บรรยากาศภายในห้องนิ่งสนิทไปในทันที ต่อให้พวกเขาไม่อยากจะตกใจแต่ก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินว่าศัตรูของเขาท้าประลองกับนักศิลปะการต่อสู้แบบหนึ่งต่อสี่สิบและหนึ่งต่อห้าสิบ
การทำแบบนี้เท่ากับว่าหมอนั่นท้าทายซูจิ้งโดยตรง นี่ทำให้หลายๆคนที่ออกมาพูดถึงเรื่องการประลองที่ซูจิ้งกำจัดคนไปกว่าสี่สิบคนด้วยตัวคนเดียวได้อยู่บ่อยๆนั้นต้องนิ่งเงียบไป เพราะในตอนนี้สติดังกล่าวถูกท้าทายและมากกว่าที่ซูจิ้งทำไว้อีกประมาณหนึ่งโหล นี่ทำให้พอฟังแล้วรู้สึกว่าชายคนนี้ทรงพลังมากกว่าเป็นไหนๆ
นี่จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ถูกพูดถึงบนโลกอินเตอร์เน็ตเลยแม้แต่น้อย
“พระเจ้า หนึ่งต่อสี่สิบและหนึ่งต่อห้าสิบ นี่เขาแกร่งกว่าซูจิ้งจริงๆ”
“ฉันบอกแล้วว่าหมอนี่คือของจริง แถมเขาเองยังเรียนรู้เพลงหมัดวัวคลั่งที่แท้จริงผิดกับซูจิ้งที่ลักลอบเรียนรู้มา”
“ตำนานของซูจิ้งที่ถูกเรียกว่าเทพอวตาลต้องจบลงแต่นี้แหล่ะเมื่อต้องเจอกับเพลงหมัดวัวคลั่งที่แท้จริงแบบนี้ ตอนนี้เรามาลองดูกันดีกว่าว่าซูจิ้งจะหล่นลงมาจากฟ้าอีท่าไหน”
“อย่าให้มันมากนักเลย หากพี่จึ้งได้ประลองล่ะก็ยังไม่รู้เลยว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ”
“เหอะ ไอ้คนที่พูดมานี่ช่างไร้สาระจริงๆ พี่จิ้งของนายชนะคนได้ห้าสิบคนแบบนี้รึเปล่าล่ะ”
“ไอ้แฟนคลับพวกนี้ของซูจิ้งนี่ช่างดื้อดึงจริงๆ เรามาลองดูกันดีกว่า”
แฟนคลับของซูจิ้งในตอนนี้เองก็ออกมาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่กับอีกฝ่ายที่กล้าออกมาท้าทายซึ่งๆหน้าแบบดีกว่าแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่พวกเขาจะหวั่นไหวไม่น้อย
มีใครบ้างที่จะไม่คิดว่าคนที่ตัวเองเทิดทูนจะแข็งแกร่งและเก่งกาจกัน แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่อยากจะให้คนที่พวกเขาเทิดทูนต้องอับอาย
ถึงแม้พวกเขาจะเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของซูจิ้ง แต่อีกฝ่ายเองก็กร่างได้ชนะซูจิ้งแบบนี้ทำให้อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้เหมือนกัน
ด้วยการกระทำของศัตรูของซูจิ้งในครั้งนี้ทำให้เหล่าแฟนคลับของซูจิ้งหวันไหวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ภายใต้ไมโครบลอกของซูจิ้งเองก็มีการพูดคุยกันเรื่องนี้อย่างไม่ขาดสาย บ้างก็เห็นด้วยที่จะสู้ บ้างก็กังวล บางคนเองก็เขื่อว่าชนะใสๆ
“พี่จิ้ง เอายังไงดี” ฮู่เฟยหยุนในตอนนี้มีท่าทีร้อนลน แม้แต่ฮู่ฮงหยาง ไคหวูเฟิง และจี้เสี่ยวติงเองก็มีท่าทีกังวลและร้อนลนไม่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม มีเพียงเสี่ยวไจ๋เท่านั้นที่ไม่ได้มีความรู้สึกทุกร้อนอะไรเพราะเขานั้นรู้ฝีมือซูจิ้งดี
“โรงเรียนของหมอนี่มีชื่อว่าอะไรน่ะ จินเชาหวู่นี่อยู่ที่นั่นรึเปล่า” ซูจิ้งถามออกมาด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเรียม
“มันเรียกว่าสำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จิน พึ่งจะเปิดเมื่อไม่นานนี้เอง” ไจเสี่ยวติงพูดออกมา
ซูจิ้งไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็แค่ส่งข้อความในไมโครบลอกของตัวเองเท่านั้น ส่วนข้อความนั้นคือ “สตรีมสดเย็นวันนี้ ณ สำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จิน”
ความจริงแล้วเขาเองก็คิดว่าจะไปเพียงเพื่อสืบสวนเกี่ยวกับสำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินนี่เท่านั้น เขาเชื่อว่าที่นั่นต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน
แต่ก่อนจะสืบสวนเขาก็อยากจะขอเก็บเกี่ยวอะไรบางอย่างสักหน่อย เพราะยังไงซะ ค่าการใช้ประโยชน์ส่วนใหญ่ที่เขาได้มาก็มาจากเพลงหมัดวัวคลั่งนี้ และในครั้งนี้ก็จะเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง