ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 79 อุบัติเหตุ?

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ท่านอ๋องฉีครุ่นคิดอยู่นาน เรียกเซี่ยเฟิงเข้ามา “ส่งคนไปสืบมา ว่าจวนฮั่วนี่มันเป็นใคร ข้าเคยมีความแค้นกับพวกเขาหรือไม่ แล้วก็ ส่งคนไปสืบมาด้วยว่าชาวเจียงหนานอยู่อย่างสงบสุข ประชาราษฎร์กินดีอยู่ดีภายใต้การปกครองขององค์ฮ่องเต้เหมือนกับทางเหนือหรือไม่” 

 

 

อย่างไรเสียแผ่นดินนี้ก็เป็นของตระกูลหวงฝู่ ในเมื่อเขาเจอเรื่องเช่นนี้ แค่นี้คงเป็นเหตุผลมากพอให้เขามาจัดการได้  

 

 

เซี่ยเฟิงตอบรับ แล้วออกไป 

 

 

พระชายาฉีรู้สึกไม่ดีอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ได้ออกไปไหนเลยเป็นเวลาหลายวัน หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็อยู่กับนางตลอดที่โรงเตี๊ยมไม่ได้ออกไปไหนเช่นเดียวกัน  

 

 

พริบตาเดียว ก็มาถึงวันแข่งเรือมังกร เช้าตรู่ หวงฝู่เย่าเย่ว์วิ่งมาที่ห้องของท่านอ๋องฉีด้วยความตื่นเต้น บอกว่า “ท่านปู่ ท่านย่า วันนี้เป็นวันแข่งเรือมังกรแล้วเจ้าค่ะ พวกเรารีบไปกันเถอะ” 

 

 

นี่เป็นเรื่องที่นางรอคอยมาตลอด พระชายาฉียิ้มแล้วพยักหน้า “เอาล่ะ พวกเรากินข้าวเช้าเสร็จ ก็ไปกันได้ พอแข่งเรือมังกรเสร็จ พวกเราก็กลับมาพักที่โรงเตี๊ยมกันก่อนครู่หนึ่ง แล้วค่อยออกเดินทางไปที่อื่นกัน” 

 

 

“เจ้าค่ะ” หวงฝู่เย่าเย่ว์ตอบรับด้วยความตื่นเต้น “ท่านย่าว่าเยี่ยงไรก็เยี่ยงนั้นเลยเจ้าค่ะ” 

 

 

หลังจากที่ทุกคนกินข้าวเช้าเสร็จ ก็ออกจากโรงเตี๊ยม ขึ้นรถม้ามาที่ริมแม่น้ำ  

 

 

ประเพณีแข่งเรือมังกรจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ปีละครั้ง ชาวบ้านแต่งตัวเรียบร้อยพร้อมใจกันมายืนดูแข่งเรือบนสะพานไม้แห่งนี้ พอพวกเขามาถึง บนสะพานไม้ก็เต็มแน่นไปด้วยผู้คนเสียแล้ว 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งกับหวงฝู่เย่าเย่ว์เกาะแขนของพระชายาฉีคนละข้าง ท่านอ๋องฉีเอามือไขว้หลัง เดินตามอยู่ด้านหลังอย่างช้าๆ ทั้งสี่คนก็มายืนตรงที่ตนเล็งไว้แต่แรก 

 

 

ที่ตรงนั้นก็คือจุดกึ่งกลางของสะพานไม้พอดี เป็นจุดที่สูงที่สุด มองทิวทัศน์ได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ขณะนั้น บนแม่น้ำก็จัดเรียงเรืองมังกรเอาไว้พร้อมแล้ว คนที่อยู่บนเรือกำลังเตรียมการแข่งขันกันอยู่  

 

 

ทะเลสาบชิงหยางในเมืองหลวงก็มีเรือ แต่เอาไว้สำหรับเที่ยวเล่น บนเรือมีแต่ชั้นวางของสวยๆ ไม่เหมือนกับเรือมังกร รูปร่างของเรือมังกรสวยงาม และเห็นคนในเรือได้ชัดเจน  

 

 

ได้เห็นเรือมังกรครั้งแรก หวงฝู่เย่าเย่ว์ตื่นเต้นมาก เอาแต่ชี้เรือมังกรเหล่านั้นแล้วพูดกับพระชายาฉีไม่หยุด  

 

 

พระชายาฉีได้แต่พยักหน้า หวงฝู่สือเมิ่งก็ได้แต่มองตามที่นางชี้ สายแต่มีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด  

 

 

รูปร่างของท่านอ๋องฉีสูงใหญ่ ยืนคุมหลังทั้งสามคนอยู่ตลอดเวลา  

 

 

คนที่มาดูการแข่งขันมากขึ้นเรื่อยๆ สะพานไม้เริ่มเบียดเสียดขึ้นทุกที  

 

 

ท่านอ๋องฉีคิ้วขมวดเล็กน้อย แล้วทำเป็นมองซ้ายมองขวา  

 

 

เซี่ยเฟิงเห็นดังนั้น เลยโบกมือให้องครักษ์ลับค่อยๆ เข้าใกล้พวกเขา 

 

 

เมื่อถึงเวลาเริ่มการแข่งขันเรือมังกร เสียงกลองดังสนั่นไปทั่วพื้นน้ำในชั่วพริบตา เสียงคนร้องเรียก ร้องเป็นกำลังใจ ดังสนั่นออกมาไม่ขาดสาย  

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์สนุกจนปล่อยแขนของพระชายาฉีออก ปรบมือของตนสนุกกับการแข่งเรือมังกร  

 

 

และตอนนั้น ก็มีสาววัยรุ่นแอบเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างเงียบๆ ท่าทางพวกนางเหมือนคนปกติทั่วไป ท่านอ๋องฉีจึงไม่ได้เอะใจ 

 

 

แต่เซี่ยเฟิงรู้สึกแปลกๆ ส่งสัญญาณบอกกับองครักษ์ลับ ให้เบียดตัวเข้าไปในหมู่คนที่มาดูการแข่งขัน อยากกันเอาพวกนางเหล่านั้นออกมาให้ห่างจากพวกพระชายาฉีอย่างแนบเนียน 

 

 

สาววัยรุ่นพวกนั้นค่อยๆ เข้าไปใกล้หวงฝู่เย่าเย่ว์ ในขณะที่นางยังไม่ทันตั้งตัว ก็อุ้มหวงฝู่เย่าเย่ว์ กระโดดลงไปในแม่น้ำ  

 

 

“เย่ว์เอ๋อร์!” พระชายาฉีเห็นดังนั้น ก็ร้องเรียกออกมาเสียงดัง แล้วจะกระโดดลงไปช่วยนางด้วย  

 

 

ขณะนั้นสะพานไม้เกิดเสียง เอี๊ยดๆ อ๊าดๆ ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันตั้งตัว สะพานไม้ก็หักกลาง คนบนสะพานก็ตกลงมาตามๆ กัน  

 

 

ท่านอ๋องฉีรู้ตัวทัน เลยยื่นมือออกมากอดพระชายาฉีกับหวงฝู่สือเมิ่งเอาไว้ แล้วตกลงไปในน้ำพร้อมกัน  

 

 

ส่วนพวกเซี่ยเฟิงก็ตกลงไปด้วยเช่นกัน  

 

 

พริบตาเดียว บนพื้นน้ำก็เต็มไปด้วยเสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือ และเสียงตกน้ำดัง ตู้มๆ 

 

 

คนที่คอยดูแข่งเรืออยู่ทางริมฝั่งเห็นเช่นนี้ก็อึ้งไปตามๆ กัน  

 

 

แม่น้ำนี้ลึกมาก หลังจากที่ท่านอ๋องฉีกอดพระชายาและหวงฝู่สือเมิ่งตกลงมานั้น เลยจำใจต้องปล่อยพวกนางออก แล้วใช้มือสองข้างลากพวกนางขึ้นเหนือน้ำ  

 

 

พระชายาฉีกับหวงฝู่สือเมิ่งว่ายน้ำเป็น เมื่อครู่นี้เพียงแค่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเท่านั้น หลังจากที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา ก็ได้สติ มองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เจอหวงฝู่เย่าเย่ว์เลย 

 

 

ส่วนพวกเซี่ยเฟิงโดนผู้คนที่กำลังตกใจขวางอยู่ ยากที่จะเข้าใกล้พวกท่านอ๋องฉี  

 

 

ท่านอ๋องฉีพยายามรวบรวมกำลัง ออกคำสั่งอย่างเสียงดังว่า “ไม่ต้องสนใจพวกข้า แยกกันไปหาเย่ว์เอ๋อร์” 

 

 

เซี่ยเฟิงพยักหน้า เป่ามือเหมือนเสียงหนกหวีด แล้วก็มีคนออกมาจากที่ลับอีกสิบกว่าคน กระโดดลงน้ำเสียงดัง ตู้ม จากนั้นก็ช่วยกันหาเย่ว์เอ๋อร์ 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์โดนหญิงสาวพวกนั้นกอดกระโดดลงน้ำมา ตอนที่กำลังจะถึงน้ำ นางได้กลั้นหายใจเอาไว้ เพื่อไม้ให้น้ำเข้าปอดสำลักตาย  

 

 

หญิงสาวพวกนั้นชำนาญการว่ายน้ำ หลังจากที่เอาหวงฝู่เย่าเย่ว์กระโดดลงน้ำมาแล้วนั้น ก็ว่ายน้ำเหมือนปลาไปยังจุดที่ตนต้องการ แต่ที่พวกนางไม่คาดคิดก็คือ สะพานจะขาดจนทำให้คนตกลงมามากมายขนาดนี้ จนขวางทางพวกนาง แล้วทำให้พวกนางว่ายไปถึงจุดนั้นไม่ได้ 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ต่อสู่เป็น หลังจากที่คุ้นชินกับการอยู่ในน้ำแล้ว ก็เริ่มดิ้นให้หลุดจากพวกนาง 

 

 

หญิงสาวพวกนั้นคิดว่านางว่ายน้ำไม่เป็น กลัวนางจมน้ำตาย เลยเอาหัวนางโผล่ขึ้นมาสูดอากาศบ้าง แต่ไม่ว่านางจะดิ้นอย่างไร ก็ไม่ยอมปล่อยให้นางหลุดเสียที  

 

 

ขณะนั้น หวงฝู่เย่าเย่ว์จึงดำน้ำลงไปกัดมือของสาวคนหนึ่งที่จับนางไว้อยู่  

 

 

สาวคนนั้นเจ็บ จนต้องปล่อยมือออกอย่างไม่รู้ตัว  

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ได้โอกาส เอาหัวโขกกับตัวของสาวอีกคนหนึ่ง 

 

 

ตอนคนอยู่ในน้ำ ร่างกายมีแรงพยุง เลยเซไปมา หญิงสาวคนนั้นที่โดนหวงฝู่เย่าเย่ว์เอาหัวโขก ก็หงายหลัง มือที่จับนางอยู่ก็ปล่อยออก  

 

 

คนซ้ายขวาปล่อยออกหมดแล้ว แขนของหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็เป็นอิสระ ใช้มือจัดการกับผู้หญิงอีกสองคนที่เหลืออย่างไม่ปรานี  

 

 

โอ้ย โอ้ย พอสิ้นเสียงร้อง ผู้หญิงสองคนนั้นก็ปล่อยนางออก 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์หลุดออกมาได้แล้ว ก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ ดำน้ำว่ายไปที่ใดก็ได้ก่อน ให้ห่างจากสี่นางนี้ค่อยว่ากัน  

 

 

พอหญิงสาวเหล่านั้นได้สติ ก็รีบตามทันที  

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินที่ยืนอยู่ริมฝั่งไม่ไกลโกรธจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว กว่าเขาจะรู้ว่าวันนี้พวกท่านอ๋องฉีจะมาดูการแข่งเรือมังกรได้นั้น ต้องวางแผนตั้งเท่าไร คิดไม่ถึงว่าสะพานจะพังลงมา เลยทำให้เขาไม่รู้เลยว่าแผนการของเขาสำเร็จหรือไม่  

 

 

ส่วนอีกทางหนึ่ง ฮั่วเจี่ยลูบเคราของตนมองภาพคนที่ตะกุยตะกายอยู่ในน้ำ แล้วยิ้มออกมาด้วยความสะใจ อวี้เอ๋อร์บอกไว้ว่า นังหนูแซ่หวงฝู่นั่นว่ายน้ำไม่เป็น ตกน้ำลงไปเช่นนี้คงไม่รอดแน่ ถ้าหากไม่กลัวคนสงสัยล่ะก็ เขาคงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ว่าไอ้แก่อ๋องฉีนั่น ตอนนี้มันเป็นอย่างไรบ้าง 

 

 

หลิวอวี้เอ๋อร์ที่ยืนอยู่อีกทาง ก็มองดูอย่างละเอียด รวมไปถึงตอนที่สะพานยังไม่หักออก แล้วหวงฝู่เย่าเย่ว์โดนอุ้มกระโดดลงน้ำมา ในขณะที่นางกำลังดีใจ ก็แอบกระซิบถามว่า “ท่านตา ท่านส่งคนไปทำให้ยัยหวงฝู่เย่าเย่ว์นั่นจมน้ำตายก่อนงั้นหรือเจ้าคะ” 

 

 

ฮั่วเจี่ยชะงักไป ไม่เข้าใจที่นางพูด “อวี้เอ๋อร์ เจ้าพูดอะไรน่ะ ตาไม่เข้าใจ” 

 

 

ไม่ใช่คนที่ท่านตาส่งไป หลิวอวี้เอ๋อร์เลยชะงัก รอยยิ้มบนใบหน้าก็ได้หายไป แล้วยิ้มออกมาอีกครั้งหนึ่ง แท้จริงแล้ว นอกจากข้า ยังมีคนเกลียดขี้หน้ายัยหวงฝู่เย่าเย่ว์อีกงั้นหรือ นางจะต้องตาย ความคิดเช่นนี้ ทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นมาทันที จากที่เครียดมาเป็นปี เลยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจเป็นอย่างมากจนเก็บไว้ไม่อยู่ว่า “เปล่าเจ้าค่ะท่านตา อวี้เอ๋อร์ก็แค่ถาม ท่านไม่ต้องกังวลไป” 

 

 

ฮั่วเจี่ยมองนางด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้ถามต่อ 

 

 

พระชายาฉีกับหวงฝู่สือเมิ่งตะโกนเรียกหวงฝู่เย่าเย่ว์ด้วยความร้อนใจ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ เลยยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่  

 

 

ท่านอ๋องฉีใจเย็น แล้วปลอบพวกนางว่า “องครักษ์ลับลงน้ำมาช่วยตามหานางแล้ว เดี๋ยวก็เจอ พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป” 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์โดนหญิงสาวพวกนั้นดึงลงแม่น้ำมา จะไม่ให้พระชายากังวลได้อย่างไร ได้แต่ลอยคอ แล้วตะโกนเรียก “เย่ว์เอ๋อร์ เย่ว์เอ๋อร์” 

 

 

ทำอะไรไม่ได้ คนเยอะมากเหลือเกิน คนที่ร้องขอความช่วยเหลือก็มีมาก เสียงของนางโดนกลบไปเสียหมด  

 

 

องครักษ์ลับลงน้ำมาก็แยกย้ายกันหาจนทั่ว 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์หลบซ้ายหลีกขวา หาทางหนีหญิงสาวเหล่านั้น แล้วเจอเข้ากับองครักษ์ลับนายหนึ่งพอดี 

 

 

องครักษ์ลับดีใจมาก “ท่านหญิง ตามข้ามาทางนี้ขอรับ ท่านอ๋องกับพระชายารออยู่ทางนั้น” 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้า แล้วนำหน้าไป 

 

 

องครักษ์ลับว่ายตามอยู่ด้านหลัง 

 

 

หญิงสาวพวกนั้นเห็นเช่นนี้ จึงไม่กล้าเข้าใกล้อีก เพราะเจ้านายบอกไว้ว่า หากโดนจับได้ล่ะก็ ไม่เพียงแค่พวกนางเท่านั้น ครอบครัวของพวกนางก็คงไม่เหลือรอด 

 

 

มาตามทางที่องครักษ์ลับบอกจนมารวมตัวกับพวกพระชายาฉีได้ ได้ยินเสียงเรียกพร้อมกับเสียงสะอื้นของพระชายาฉีที่กำลังร้องเรียก หวงฝู่เย่าเย่ว์รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เพราะตนเป็นคนก่อเรื่องทุกครั้งเลย จนทำให้ท่านปู่ท่านย่าต้องเป็นห่วงตลอด 

 

 

แล้วนางก็ตะโกนออกมาว่า “ท่านย่า ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ” แล้วก็ว่ายไปหาพวกนางอย่างรวดเร็ว  

 

 

พระชายาฉีได้ยินเสียงเรียกของนาง ก็หันมาตามเสียง พอเห็นนาง ก็ร้องไห้ด้วยความดีใจ แล้วว่ายมาหานาง กอดนาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “เย่ว์เอ๋อร์ ย่าตกใจแทบแย่” 

 

 

“ท่านย่า ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องห่วง แต่ท่านน่ะสิ เป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ เจ็บตรงไหนหรือไม่” 

 

 

แล้วท่านอ๋องฉีกับหวงฝู่สือเมิ่งก็ว่ายเข้ามา  

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งยื่นมือออกมากอดนาง มือแอบสั่นเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เย่ว์เอ๋อร์ ข้าตกใจแทบแย่” 

 

 

“พี่ใหญ่ ไม่เป็นไรนะ ข้าเก่งแค่ไหนท่านก็รู้ พวกนางแค่นั้นทำไรข้าไม่ได้หรอก” 

 

 

“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้วๆ” หวงฝู่สือเมิ่งพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว “ไปกันเถอะ พวกเราขึ้นฝั่งกัน แล้วรีบไปจากที่นี่กันเถอะ” 

 

 

“พี่ใหญ่” หวงฝู่เย่าเย่ว์ดึงนางไว้ แล้วมองไปที่ท่านอ๋องฉี “ท่านปู่ ข้ารู้สึกว่าเรื่องวันนี้มันแปลกๆ เมื่อครู่หญิงสาวพวกนั้นยังตามข้าอยู่ดีๆ เลย ท่านส่งคนไปกับพวกเราหน่อย เดี๋ยวข้ากับพี่ใหญ่จะไปจับพวกนางมาให้เจ้าค่ะ” 

 

 

“ไม่ได้” พระชายาฉีแย้งทันที “กว่าเจ้าจะได้กลับมา อย่าไปเสี่ยงเลย ที่เหลือให้องครักษ์ลับเป็นคนจัดการเถิด” 

 

 

“ท่านย่า พวกองครักษ์ลับไม่ได้เห็นพวกนาง เลยไม่รู้ว่าพวกนางรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร พวกนางต่อสู้ไม่เป็น ถ้าข้ากับพี่ใหญ่ช่วยกันล่ะก็ จับพวกนางได้แน่นอนเจ้าค่ะ” หวงฝู่เย่าเย่ว์ลองโน้มน้าวดู  

 

 

หาหวงฝู่เย่าเย่ว์เจอแล้ว องครักษ์ลับจึงเป่าหวีดออกมา เพราะฉะนั้นองครักษ์ลับทั้งหมดก็มุ่งหน้าว่ายมารวมตัวกันตรงพวกเขา  

 

 

เซี่ยเฟิงจึงรีบตามมาอย่างรวดเร็ว  

 

 

“เซี่ยเฟิง เจ้าพาทหารตามเย่ว์เอ๋อร์กับเมิ่งเอ๋อร์ไปจับตัวคนมา จำเอาไว้ว่า จับเป็น”  

 

 

เซี่ยเฟิงรับคำสั่ง 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็หันกลับว่ายไปตามทางเดิม ส่วนหวงฝู่สือเมิ่งก็ว่ายตามไปด้วยเช่นกัน  

 

 

เซี่ยเฟิงนำองครักษ์สามนายตามมาด้วยติดๆ  

 

 

หญิงสาวทั้งสี่เห็นหวงฝู่เย่าเย่ว์ไปกับองครักษ์ลับแล้ว ก็ลอยคออยู่ที่เดิมพักหนึ่ง แล้วถึงว่ายกลับไปที่ท่าป๋าหั่นหลิน ขึ้นฝั่งไปทั้งเสื้อผ้าที่เปียกปอน บอกกับเขาด้วยน้ำเสียงกะกุกตะกัก “เจ้านาย” 

 

 

“นางล่ะ” 

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินมองข้ามพวกนางไปเลย แล้วถามออกมาด้วยความดุดัน 

 

 

“เอ่อ หนีไปแล้วเจ้าค่ะ” 

 

 

หญิงสาวคนหนึ่งก้มหน้าตอบกลับไป 

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินขมวดคิ้วอย่างแรง แล้วพูดด้วยความดุดัน “หนีไปแล้วงั้นหรือ” 

 

 

ครั้งนี้ไม่มีใครตอบกลับ 

 

 

“ทำไมไม่พูดล่ะ เป็นใบ้กันหรือไง” น้ำเสียงที่ดุดันของท่าป๋าหั่นหลินทำให้พวกนางตัวสั่นระรัว ขาแข้งอ่อนแรง ได้แต่นั่งคุกเข่า ก้มกราบลงไป “ไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิดเจ้านาย พวกบ่าวพยายามแล้วเจ้าค่ะ ตอนแรกได้ตัวมาแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าสะพานจะถล่ม คนที่ตกลงมาขัดขวางหนทางของพวกบ่าว เลยทำให้นางหนีไปได้เจ้าค่ะ” 

 

 

“เช่นนี้หมายความว่าไม่ใช่ความผิดของพวกเจ้างั้นรึ” ท่าป๋าหั่นหลินถาม 

 

 

“ไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิดเจ้าค่ะ” นางพวกนั้นไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่ก้มกราบ เอาหัวกระแทกๆ อย่างเดียว 

 

 

“ส่งตัวพวกนางกลับไปให้กับค่ายทหาร” ท่าป๋าหั่นหลินไม่มองพวกนางอีก แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา