สีหน้าของหญิงสาวทั้งสี่เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด เอาแต่ก้มกราบกระแทกหัวลงกับพื้น ตึกๆ พร้อมกับพูดว่า “เจ้านาย!”
พูดไม่ทันจบ ก็โดนองครักษ์ลากตัวออกไป
ท่าป๋าหั่นหลินกวาดสายตามองออกไปที่ผู้คนในแม่น้ำ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วเดินออกไปจากริมแม่น้ำ
หวงฝู่เย่าเย่ว์พาองครักษ์ลับมาที่เดิม หาจนทั่ว แต่พบว่าหญิงสาวพวกนั้นหนีไปแล้ว จึงจะกลับมาหาพระชายาฉี
อากาศร้อน อาภรณ์ที่ใส่ค่อนข้างบาง ตอนนี้เปียกน้ำ เสื้อเลยแนบเนื้อ พระชายาฉีกับหวงฝู่สือเมิ่งเลยได้แต่เอาตัวให้อยู่ในน้ำไว้ ไม่กล้าขึ้นมา
ท่านอ๋องฉีขึ้นฝั่งไปหยิบเสื้อผ้าที่เตรียมเอาไว้ใช้ฉุกเฉินมาให้ด้วยตนเอง
หลังจากที่หวงฝู่เย่าเย่ว์กลับมา ท่านอ๋องฉีก็กลับมาพอดี บอกให้พวกเขาขึ้นจากฝั่ง จากนั้นก็เอาชุดส่งให้กับพวกนาง
ทั้งสามคนเอามาห่มอย่างรวดเร็ว แล้วเดินกลับไปที่รถม้าทันที
ส่วนพวกเซี่ยเฟิง หลังจากขึ้นฝั่งแล้ว ก็หาที่ๆ คนไม่พลุกพล่าน อาศัยจังหวะไม่มีคนสนใจ เอาเสื้อของตนมาบีบน้ำออกให้แห้ง
พระชายาฉีและหลานๆ ขึ้นรถม้าไป
ท่านอ๋องฉียืนอยู่ด้านนอก หันมองไปที่ผู้คนที่ตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นน้ำ แล้วออกคำสั่งกับเซี่ยเฟิงว่า “เจ้าไปสืบมา สะพานถล่มในวันนี้ เป็นฝีมือของคนหรืออุบัติเหตุ”
สะพานไม้แห่งนี้พาดผ่านแม่น้ำ ถ้าหากว่าจะถล่มเองล่ะก็ แสดงว่าขุนนางท้องถิ่นทำไว้ไม่ดี ไม่ได้คอยให้คนมาตรวจสอบซ่อมบำรุง แต่หากว่ามีคนจงใจก่อเหตุล่ะก็ เขาคงต้องตรวจสอบด้วยตนเองเสียหน่อยแล้ว เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นติดต่อกันหลายวันนี้ ไม่มีเรื่องไหนเลยที่จะไม่เอาชีวิตเขา
เซี่ยเฟิงตอบรับ แล้วรีบออกคำสั่งให้องครักษ์ที่เหลือไปตรวจสอบสะพานไม้ที่ถล่มลงมา
แล้วท่านอ๋องฉีก็ขึ้นรถม้า สั่งให้คนรถกลับไปที่โรงเตี๊ยม
อยู่ดีๆ สะพานไม้ก็ถล่มลงมา ทำให้คนที่มาดูการแข่งขันเรือมังกรต้องตกลงน้ำ ไม่นานเรื่องนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่ว ขนาดเถ้าแก่โรงเตี๊ยมยังได้ยินข่าวนี้แล้วเลย พอเห็นพวกเขากลับมาอย่างหมดสภาพ ก็รีบเอ่ยปากก่อนเลยว่า “ทุกท่านเชิญพักที่ห้องก่อน เดี๋ยวข้าจะสั่งให้คนเอาน้ำร้อนขึ้นไปให้ขอรับ”
ท่านอ๋องฉีพยักหน้า แล้วเดินขึ้นห้องไป
แล้วเสี่ยวเอ้อร์ก็รีบเอาน้ำร้อนมาให้ พอทุกคนอาบน้ำเสร็จ เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ก็สั่งให้เสี่ยวเอ้อร์ทำความสะอาดห้องให้สะอาด จากนั้นหวงฝู่เย่าเย่ว์กับหวงฝู่สือเมิ่งก็มาที่ห้องของท่านอ๋องกับพระชายาฉี
“ท่านย่า ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ” ทั้งสองคนถามด้วยความเป็นห่วง
แม้จะอาบน้ำร้อนไปแล้ว แต่สีหน้าของพระชายาฉียังคงซีดเซียว แต่ก็กลัวหลานทั้งสองจะเป็นห่วง จึงยิ้มแล้วโบกมือบอกว่า “ย่าไม่เป็นไร ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” “ท่านย่า ขอโทษเจ้าค่ะ ที่ทำให้ท่านเป็นห่วง” หวงฝู่เย่าเย่ว์ขยับเข้าใกล้นาง เงยหน้าแล้วพูดขอโทษออกมาด้วยความรู้สึกผิด
พระชายาฉียื่นมือออกมาลูบหัวของนาง “เด็กโง่เอ๋ย ย่าไม่โทษเจ้าหรอก เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ มันมีคนจงใจวางแผนไว้แล้วชัดๆ”
“ข้ากับพี่ใหญ่ก็คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ เพราะฉะนั้นข้าเลยอยากถามท่านย่า ว่าพวกเราควรจะอยู่ที่ต่ออีกสักหลายๆ วัน พอสืบเรื่องราวชัดเจนแล้วว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วค่อยไปดีไหมเจ้าคะ” หวงฝู่เย่าเย่ว์พูดอ้อนวอนอย่างช้าๆ
หลายวันนี้เกิดเรื่องติดต่อกันมากมาย จริงๆ แล้วพระชายาฉีอยากจะหลีกหนีจากถิ่นเจียงหนานนี้เต็มทนแล้ว แต่พอวันนี้ หวงฝู่เย่าเย่ว์อยู่ข้างตนเองแท้ๆ กลับโดนคนจับกระโดดลงน้ำไปอีก พระชายาฉีเข้าใจว่าทั้งสี่คนคงโดนเพ่งเล็งเอาไว้เรียบร้อย พอหวงฝู่เย่าเย่ว์พูดเช่นนี้ จึงพยักหน้า “ได้ พวกเราจะอยู่ที่เจียงหนานต่อ ดูสิว่าใครมันมีความแค้นต่อพวกเราเพียงนี้ อยากจะให้พวกเราตายนักหรือไง”
แล้วก็มีเสียงรายงานจากเซี่ยเฟิงดังมาจากด้านนอก “ท่านอ๋องขอรับ!”
“เข้ามาได้!” ท่านอ๋องฉีออกคำสั่ง
เซี่ยเฟิงเปิดประตูห้องออก เดินเข้ามา แล้วปิดประตู “ขอคารวะท่านอ๋องฉี พระชายา และท่านหญิง”
“เรื่องใด”
“คนที่ไปสืบที่จวนฮั่วกลับมาแล้วขอรับ”
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“จวนฮั่วแห่งนี้เป็นบ้านแม่ของฮูหยินของนายน้อยอู่โหวขอรับ แล้วก็หลิวอวี้เอ๋อร์แห่งจวนอู่โหว ไม่รู้ว่าปีที่แล้วเกิดเรื่องอันใด ถึงได้ถูกส่งมาเจียงหนาน อยู่ที่จวนฮั่วขอรับ”
หลิวอวี้เอ๋อร์ก็อยู่เจียงหนานด้วยงั้นหรือ ในขณะที่ท่านอ๋องฉีคิดไม่ตก ก็นึกออกขึ้นมาทันที
เพราะหลังจากเกิดเรื่องเมื่อปีที่แล้ว ท่านอ๋องฉีก็ไม่ได้สนใจความเคลื่อนไหวของจวนอู่โหวอีก เลยไม่รู้ว่าหลิวอวี้เอ๋อร์ถูกส่งออกนอกเมืองหลวงมา
หวงฝู่สือเมิ่งกับหวงฝู่เย่าเย่ว์พอรู้มาบ้าง แต่ว่าจวนอู่โหวบอกกับคนนอกว่าหลังจากหลิวอวี้เอ๋อร์ตกน้ำไปก็ขวัญเสีย สติหลุด เลยส่งไปอยู่วัดเป็นระยะเวลาหนึ่ง ตอนนั้นพวกนางไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก นานวันเข้าก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียหมด วันนี้เซี่ยเฟิงพูดขึ้นมา ถึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้วหลิวอวี้เอ๋อร์ถูกส่งมาอยู่เจียงหนานนี่เอง ส่วนเรื่องที่จวนอู่โหวแต่งขึ้นก็เพื่อปกปิดคนนอกเท่านั้นเอง
หลังจากตรวจสอบแน่ชัดแล้ว นึกถึงพวกคนเสื้อดำเมื่อวันก่อนได้ว่าเป็นคนที่จวนฮั่วส่งมา แต่ทำไมพวกเขาถึงได้ส่งคนที่ต่อสู้ไม่เป็นมานะ ข้อนี้ ท่านอ๋องฉีขมวดคิ้วคิดไม่ตก
แล้วก็มีเสียงองครักษ์ลับดังมาจากด้านนอก “ท่านอ๋องขอรับ!”
ท่านอ๋องได้สติ แล้วออกคำสั่ง “เข้ามาได้!”
องครักษ์ลับคนนั้นเข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋องขอรับ ข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบมาแล้ว บนสะพานนั้นมีร่องรอยที่แสดงว่าเป็นฝีมือคนขอรับ”
สีหน้าของท่านอ๋องฉีเคร่งขรึมมากกว่าเดิม เพียงเพราะครอบครัวของตนแค่ไม่กี่คน บังอาจทำลายสะพานโดยไม่คำนึงถึงชาวบ้านตาดำๆ ว่าจะเป็นหรือตาย การกระทำเช่นนี้ ปล่อยไว้ไม่ได้
“ไป ไปแจ้งความที่ที่ว่าการเจ้าเมือง ให้พวกเขาสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยเร็ว”
องครักษ์ลับตอบรับ แล้วออกไป
“เจ้าส่งคนไปรวบรวมหลักฐาน ห้ามพลาดแม้แต่นิดเดียว”
“ขอรับ!” เซี่ยเฟิงตอบรับแล้วออกไป
พระชายาฉีตระหนกจนอ้าปากค้าง เพราะนางยังไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน เพื่อความแค้นส่วนตัว ถึงขั้นเอาชีวิตคนตั้งมากมายมาแลกเช่นนี้ เปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงดุดันอย่างที่ไม่เคยพูดมาก่อน “ท่านอ๋อง! เรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ จะต้องตรวจสอบให้แน่ชัด ทวงคืนความยุติธรรมให้กับพวกชาวบ้านตาดำๆ ให้ได้!”
ท่านอ๋องฉีพยักหน้า
เจ้าเมืองเจียงหนานได้ยินเรื่องสะพานถล่ม ก็ตกใจเป็นอย่างมาก รีบร้อนมาที่ริมแม่น้ำด้วยตนเอง ออกคำสั่งให้คนเข้าช่วยเหลือชาวบ้านขึ้นฝั่งให้หมด แต่ว่าได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก นอนอยู่ริมฝั่ง ร้องกันออกมาระงม ส่วนพวกศพที่ลอยอยู่บนพื้นน้ำ นำขึ้นมาเป็นอย่างสุดท้าย วางอยู่ริมฝั่งอย่างนั้น ให้ครอบครัวของพวกเขามารับศพไปเอง พอมีชาวบ้านได้ยินข่าวก็มาตามหาคน ค่อยๆ ดูไปทีละคน จะได้รู้ว่ามีครอบครัวของตนอยู่ในนั้นหรือไม่ ส่วนหลิวอวี้เอ๋อร์ก็ยืนอยู่กับคนพวกนั้นด้วย
นางเพิ่งมาอยู่เจียงหนานได้แค่ปีเดียว แถมยังเป็นหญิงสาว เจ้าเมืองเจียงหนานไม่รู้จักนาง นึกว่านางเป็นคนที่มาตามหาญาติเท่านั้น ไม่ได้สนใจ
หลิวอวี้เอ๋อร์กลั้นความปลื้มใจเอาไว้ไม่ไหว วิ่งไปตรงที่มีศพเรียงราย ดูไปทีละคนๆ ในใจก็นึกภาพครอบครัวของอ๋องฉีจมน้ำหมดสภาพนอนกองอยู่ตรงนั้น แต่หาตั้งแต่ต้นจนหมด ก็ไม่มี
หลิวอวี้เอ๋อร์ไม่เชื่อ เลยหาดูอีกรอบ แต่ก็ไม่พบ ความดีใจก็หายไป ทำหน้าบึ้งตึง แต่ก็อยากจะไปหาตรงคนที่บาดเจ็บ แต่อีกใจก็กลัวว่านังหวงฝู่เย่าเย่ว์จะจำนางได้ จึงยืนอยู่ที่เดิม สั่งชุนเซียงว่า “เจ้าไปหาดูสิว่าตรงนั้นมีพวกมันไหม”
ชุนเซียงถกชุดกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งไป ก้มหน้าหาอยู่สองรอบ แต่ก็หันกลับมาส่ายหัวให้นาง
หลิวอวี้เอ๋อร์ไม่เชื่อ เดินไปดูด้วยตนเอง ถลึงตามองไปที่คนทุกคนที่อยู่ตรงนั้น หาดูอย่างละเอียด แต่ก็ไม่มีจริงๆ เลยโกรธมาก ตะโกนออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้!”
อย่าว่าแต่พระชายฉีเลย หวงฝู่สือเมิ่งกับหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ว่ายน้ำไม่เป็น ตกลงมาจากสะพานสูงขนาดนี้ ไม่โดนทับตายก็ต้องสำลักน้ำตาย จะไม่มีได้เยี่ยงไร
ทุกคนต่างได้ยินเสียงของนาง หันมามองนางด้วยความสงสัย รวมไปถึงเจ้าเมืองเจียงหนานด้วย
ดูจากการแต่งกายของนางแล้วคงเป็นคุณหนูจากตระกูลร่ำรวยตระกูลหนึ่ง เลยเดินเข้ามาถามว่า “คุณหนู กำลังหาใครอยู่งั้นหรือ หาไม่เจองั้นหรือ”
ถ้าหากหาไม่เจอล่ะก็ แสดงว่าจมลงใต้แม่น้ำไปแล้วน่ะสิ เขาจะได้ส่งคนไปงมขึ้นมา สะพานไม้ไม่ได้ซ่อมมานาน เลยถล่มลงมา สำหรับเขาก็ผิดพลาดมากพอแล้ว แต่หากปล่อยให้ศพจมลงน้ำไป ไม่งมแล้วลอยอืดขึ้นมาเองล่ะก็ เขาคงได้หลุดจากตำแหน่งเป็นแน่
พอหาศพพวกเขาไม่เจอ หลิวอวี้เอ๋อร์กำลังโมโห แล้วเจ้าเมืองก็เข้ามาได้จังหวะพอดี เลยทำให้นางตอกกลับไปอย่างไม่เกรงใจว่า “ข้าจะหาใครต้องบอกเจ้าด้วยงั้นรึ อย่ามายุ่ง”
เจ้าเมืองเจียงหนานคนนี้คุ้นชินแต่กับการโดนเอาใจ หากว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของเขาล่ะก็ ให้ตายยังไง เขาก็ไม่เสนอหน้าเข้ามาถามเด็กคนนี้ให้มากความหรอก แต่คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะไม่รับน้ำใจจากเขา แถมยังตวาดเขาต่อหน้าทุกคนอีกด้วย แล้วเช่นนี้เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เลยทำหน้าขรึมแล้วบอกว่า “นี่แม่นาง เจ้าไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ข้าเห็นเจ้าร้อนใจ เหมือนว่าจะหาครอบครัวของเจ้าไม่เจอ เลยมาถามเจ้าเพราะมีน้ำใจ แล้วเจ้ามาทำเช่นนี้กับข้างั้นรึ”
หลิวอวี้เอ๋อร์กำลังจะเถียงกลับ ฮั่วเจี่ยก็เดินมาพอดี ยิ้มทักทาย “ท่านเจ้าเมือง”
เจ้าเมืองเงยหน้าขึ้น เห็นว่าเป็นฮั่วเจี่ย หน้าก็รีบเปลี่ยนเป็นความนอบนน้อมทันที “ท่านฮั่วขอรับ”
ฮั่วเจี่ยชี้ไปที่หลิวอวี้เอ๋อร์ แล้วยิ้มพูดออกมาว่า “นี่เป็นหลานสาวของข้า นางยังเด็ก เวลาพูดจาไม่ค่อยรื่นหูนัก ขอท่านเจ้าเมืองอย่าถือสา”
สีหน้าของท่านเจ้าเมืองก็เปลี่ยนเล็กน้อย หัวเราะออกมา แล้วพูดตอบกลับไปหน้าตาเฉยว่า “ข้าก็ว่าคุณหนูจวนไหนถึงได้ดูโดดเด่นแตกต่างจากผู้อื่นเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นหลานสาวของท่านฮั่วเจี่ยนี่เอง อย่างนี้นี่เอง”
ฮั่วเจี่ยลูบเคราของตน แล้วหัวเราะออกมาบอกว่า “วันนี้ท่านเจ้าเมืองคงยุ่งน่าดู ข้าไม่รบกวนแล้ว ไว้วันหลังจะเชิญท่านไปดื่มที่จวน ให้หลานสาวของข้าขอขมาท่านก็แล้วกัน”
“มิบังอาจๆ นายท่านฮั่วก็ว่าไป” ท่าทางของท่านเจ้าเมืองยิ่งอ่อนน้อมเข้าไปใหญ่
“อวี้เอ๋อร์ อย่ามาสร้างความวุ่นวายให้ท่านเจ้าเมือง กลับจวนกับข้าเถอะ” ฮั่วเจี่ยยิ้มแล้วพูด
พอหาพวกนั้นไม่เจอ หลิวอวี้เอ๋อร์ยอมที่ไหนกันล่ะ อ้าปากอยากโต้เถียง
แล้วฮั่วเจี่ยก็ส่งสายตาบอกให้นางหุบปาก
แล้วฮั่วเจี่ยก็ออกคำสั่ง “ไป ไปสืบมา ว่าพวกอ๋องฉีกลับไปที่โรงเตี๊ยมนั่นหรือไม่”