บ่อมังกรแห่งนี้คือหลุมขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ทะเลสาบผอหยางซึ่งไม่แตกต่างจากหลุมยักษ์ที่เขามังกร และหากเป็นหลุมยักษ์ที่เกิดขึ้นในทะเลก็จะถูกเรียกว่าหลุมน้ำเงิน
  บริเวณบ่อมังกรแห่งนี้คือจุดที่ลึกที่สุดของทะเลสาบผอหยางจากผิวน้ำไปถึงปากหลุมนั้นมีความลึกราวสามสิบเมตร แต่จากปากหลุมลงไปนั้นลึกเท่าไหร่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้..
  ในเวลานั้นหลิงหยุนได้ดำดิ่งลึกลงไปมากกว่าหนึ่งร้อยเมตรแล้วและหากนับความลึกจากพื้นผิวน้ำด้านบนมาจนถึงบริเวณที่หลิงหยุนดำอยู่ในตอนนี้ ก็ราวหนึ่งร้อยสี่สิบเมตรได้ ซึ่งนับเป็นความลึกที่เกินกว่ามนุษย์ทั่วไปจะดำลงไปได้โดยไม่มีอุปกรณ์ดำน้ำ ซึ่งต้องมีทั้งถังอ๊อกซิเจน หน้ากาก และอีกหลายอย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์เราจะสามารถดำน้ำตัวเปล่าลงไปได้ในความลึกเช่นนั้น
  และในระดับความลึกใต้น้ำเช่นนี้ย่อมต้องมีความดันสูงคนธรรมดาทั่วไปย่อมยากที่จะทานทนได้ แต่สำหรับหลิงหยุนผู้มีร่างกายเสมือนสมบัติล้ำค่านั้น ความดันภายใต้น้ำลึกระดับนี้ ทำให้เขารู้สึกได้เพียงแค่คล้ายกับการใส่เสื้อผ้าหลายชั้นเท่านั้นเอง อีกทั้งเขายังใช้วิชาคลื่นคงคาซึ่งทำให้เขาสามารถอยู่ในน้ำได้อย่างสบาย
  สำหรับวิชาคลื่นคงคานั้นนับว่าเป็นวิชาที่สูงส่งวิชาหนึ่งในดินแดนแห่งเทพอย่างโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ วิชานี้ไม่เพียงใช้สำหรับต่อสู้โจมตีศัตรู แต่ยังเป็นการฝึกบ่มเพาะพลังอย่างหนึ่งด้วย และผู้ที่ฝึกวิชานี้ก็จะสามารถอยู่ในน้ำได้ไม่ต่างจากปลาหรือสัตว์น้ำชนิดอื่นเลย
  และด้วยเหตุผลที่หลิงหยุนฝึกวิชาคลื่นคงคานี่เองทำให้เขากล้าที่จะตามลงไปต่อสู้กับหลงเทียนฟางในทะเลสาบผอหยาง
  เมื่อดำดิ่งลงไปถึงระดับความลึกที่หนึ่งร้อยสี่สิบเมตรจากผิวน้ำหลิงหยุนก็ไม่รีบร้อนที่จะดำลึกลงไปในทันที เขาว่ายไปตามแนวขวางพร้อมกับเปิดจิตหยั่งรู้ของตนออกขั้นสุดและเริ่มสำรวจพื้นที่โดยรอบ
  “บ่อมังกรแห่งนี้กว้างถึงสามร้อยเมตรเลยทีเดียวรึ!”
  หลิงหยุนประเมินความกว้างดูคร่าวๆและบริเวณนี้คือจุดที่หลงเทียนฟางชกเขาตกลงมา ทำให้เขาได้พบกับมังกรสีแดงตัวนั้น
  จากนั้นหลิงหยุนจึงเริ่มดำลึกลงไปเรื่อยๆและพบว่าบ่อมังกรไม่ได้มีลักษณะเหมือนบ่อขุดทั่วๆไปที่เป็นเส้นตรงดิ่งลงไปด้วยความกว้างที่เท่ากัน แต่มันมีลักษณะเหมือนรูปกรวยคว่ำ ยิ่งลึกลึกลงไปยิ่งมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ และบริเวณที่เขาอยู่ในตอนนี้ก็มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสิบเมตรได้ ซึ่งนับว่าใหญ่พอที่จะให้มังกรอาศัยอยู่ได้
  เวลานี้ภายในบ่อมังกรเงียบสงัดและมืดมิดอย่างมากหลิงหยุนจึงเรียกไข่มุกราตรีออกมาหกเม็ด และใช้พลังจิตควบคุมให้ไข่มุกราตรีทั้งหกเม็ดลอยตามร่างของเขาไป จากนั้นจึงรีบดำดิ่งเข้าไปยังประตูของบ่อมังกรทันที  และเพียงแค่ไม่ถึงนาทีหลิงหยุนก็ดำผ่านประตูบ่อมังกรไปอีกราวสองร้อยกว่าเมตร เวลานี้เขาอยู่ในความลึกที่สามร้อยหกสิบเมตรจากผิวน้ำ เขายังดำลงไปไม่ถึงก้นบ่อ แต่บริเวณที่เขาอยู่ในตอนนี้กลับเป็นผืนน้ำกว้างใหญ่ ประมาณดูแล้วน่าจะใหญ่กว่าสองพันเมตรเลยทีเดียว
  หลิงหยุนคาดเดาว่าที่นี่น่าจะเป็นบริเวณที่มังกรสีแดงอาศัยอยู่อีกที่หนึ่งเขาหันซ้ายแลขวาด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นดีใจ ก่อนจะรีบว่ายตรงไปยังกำแพงหินทางฝั่งตะวันตก
  หากไม่มีผืนน้ำกั้นเย่เทียนสุ่ยที่อยู่บนฝั่งคงจะมองเห็นแล้วว่า หลิงหยุนกำลังว่ายตรงไปทางเขาหลงยู่ซานนั่นเอง!
  แน่นอน..ต้องเป็นที่นี่แน่แล้ว!
  หลิงหยุนว่ายเจ้าไปใกล้กับเขาหลงยู่ซานและได้พบกับหลุมที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสองเมตร แต่ภายในนั้นกลับดำมืด และไม่รู้ว่าลึกเพียงใด
  แม้จะรู้ว่ามังกรแดนใต้น่าจะต้องอยู่ในถ้ำมังกรแห่งนี้แน่แต่หลิงหยุนกลับไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปนัก เขาสร้างหอกมังกรทองขึ้นเตรียมพร้อม ในขณะเดียวกันก็ใช้มังกรคำรามตะโกนร้องเรียกมังกรแดนใต้
  “เจ้าตัวใหญ่ข้ามาแล้ว!”
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็สังเกตเห็นน้ำภายในถ้ำเริ่มกระเพื่อมและไม่นานนักร่างสีแดงสุกสว่างของมังกรแดนใต้ก็ปรากฏขึ้น และเมื่อเห็นหลิงหยุนมันก็สะบัดหางไปมาด้วยความดีใจ และรีบว่ายออกมาจากด้านในทันที
  มังกรแดนใต้ว่ายออกมาจากถ้ำมังกรได้ก็ว่ายวนรอบร่างของหลิงหยุนอยู่หลายรอบ เห็นได้ชัดว่ามันทั้งตื่นเต้นและดีใจยิ่งนัก
  “เจ้านายข้าจะพาท่านเข้าไปด้านในเอง!”
  หลังจากนั้นมังกรแดนใต้ก็ได้ร้องบอกหลิงหยุนผ่านทางกระแสจิต..
  หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่ามังกรแดนใต้คงจะต้องค้นพบสมบัติล้ำค่าบางอย่างภายในถ้ำมังกรแห่งนี้เป็นแน่เขาจึงได้แต่ตื่นเต้นตามไปด้วย และรีบพยักหน้าพร้อมกับลูบไล้ลำตัวของมัน ก่อนจะกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนศรีษะของมังกรแดนใต้อย่างรวดเร็ว
  มังกรแดนใต้มุดศรีษะใหญ่โตของมันเข้าไปภายในถ้ำมังกรขนาดใหญ่จากนั้นจึงว่ายตรงไปยังกำแพงหินที่ไกลออกไปราวสองกิโลเมตรซึ่งมีหลุมขนาดใหญ่อยู่ มันแสดงท่าทางตื่นเต้นอีกครั้งก่อนที่จะว่ายตรงเข้าไปด้านใน
  และทันทีที่เข้าไปหลิงหยุนก็ถึงกับตาโตด้วยความตกใจพร้อมกับร้องอุทานออกมา
  “ห๊ะ!นี่มันวังมังกรชัดๆ!”
  หลิงหยุนคิดว่าไม่ควรเรียกสถานที่เช่นนี้ว่าถ้ำมังกรอีกแต่ควรต้องเรียกว่าวังมังกรจึงจะเหมาะสม!
  วังมังกรแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักและมีรูปร่างคล้ายกับหม้อขนาดใหญ่กว้างประมาณสามร้อยเมตร และลึกราวหนึ่งร้อยเมตรได้
  แต่สิ่งที่ทำให้หลิงหยุนต้องเรียกสถานที่แห่งนี้ว่ามังกรนั้นหาใช่ขนาดของมันไม่ แต่เป็นสมบัติล้ำค่ามากมายที่อยู่ในนั้นต่างหากเล่า!
  และเวลานี้สมบัติล้ำค่าเหล่านั้นก็กำลังเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนซึ่งไม่ต่างจากภูเขาเงินภูเขาทองเลยแม้แต่น้อย..
  เงินและทองแท่งจำนวนมากมายมหาศาลกองอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนและขนาดกองนั้นก็มีฐานใหญ่ไม่น้อยกว่าสิบห้าเมตร สูงราวเจ็ดหรือแปดเมตรได้ ภายในกองสมบัตินี้มีทั้งทองก้อน ทองแท่ง และเงินแท่ง เงินก้อนปะปนกันไป มันมีจำนวนมากมายมหาศาลจนไม่อาจนับได้..
  “สวรรค์!มากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ”
  ดวงตาทั้งสองข้างของหลิงหยุนเป็นประกายระยิบระยับด้วยความตื่นเต้นเขาเข้าไปวนดูใกล้ๆกองเงินกองทองนี้อยู่นานหลายรอบ และได้พบว่านอกเหนือจากทองและเงินแล้ว ยังมีบางสิ่งบางอย่างทอประกายระยิบระยับอยู่ภายในด้วย เมื่อสังเกตให้ดีจึงพบว่ายังมีทั้งไข่มุก เพชร และพลอยขนาดต่างๆปะปนอยู่ด้วย มูลค่าของมันนั้นมากมายจนไม่อาจคำนวณได้!
  “เจ้ามังกรสีแดงตัวนั้นช่างโลภมากนักสะสมทั้งทอง เงิน เพชร พลอย และไข่มุกไว้มากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ”
  หลิงหยุนเอื้อมมือไปคว้าไข่มุกขนาดเท่าดวงตามังกรมาหนึ่งเม็ดพร้อมกับพึมพำออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
  สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามังกรนั้นนอกเหนือจากความสามารถเฉพาะตัวของพวกมัน และการออกหากินแล้ว พวกมันยังมีงานอดิเรกด้วยซึ่งก็คือการสะสมสิ่งของที่มีประกายแวววาว ไม่ว่าจะเป็นทอง เงิน เพชร พลอย หรือไข่มุก ขอให้สิ่งนั้นสามารถเปล่งประกายระยิบระยับได้ เหล่ามังกรล้วนแล้วแต่ชื่นชอบทั้งสิ้น!
  และนี่คือเหตุผลที่หลิงหยุนต้องการจะลงมาสำรวจหาถ้ำมังกรภายใต้บ่อมังกรแห่งนี้เพราะหากสามารถหาพบ ก็จะต้องได้ครอบครองสมบัติล้ำค่ามากมายมหาศาลเลยทีเดียว!
  หากไม่นับเพชรพลอย และไข่มุก เอาเพียงแค่จำนวนทองที่กองอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนตอนนี้ ก็มากกว่าทองแท่งที่เขาพบในศูนย์บัญชาการองค์การนักฆ่าบนเขาหยุนเหมิงมากถึงยี่สิบเท่า!
  “ฮ่าๆๆสมบัติทั้งหมดนี้เป็นของข้าแล้ว!”
  หลิงหยุนร้องออกมาด้วยความดีใจพร้อมกับยกมือที่สวมแหวนขึ้นและเพียงแค่คิด กองสมบัติตรงหน้าก็ค่อยๆลอยหายเข้าไปในฝ่ามือของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว และเพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีสมบัติทั้งหมดก็เข้าไปอยู่ในแหวนจักรวาลของเขาเรียบร้อยแล้ว
  และตอนนี้พื้นที่ภายในแหวนจักรวาลของหลิงหยุนก็เต็มไปด้วยกองทองกองเงินแล้วหลิงหยุนยิ้มกว้าง และนับจากนี้เขาจะยิ่งไม่ขาดแคลนเงินทองยิ่งกว่าเดิม..
  “นั่นไม้มังกรนี่!”   มังกรย่อมต้องมีรังของมันและรังของมังกรนั้นก็มักจะสร้างขึ้นด้วยไม้หอมชนิดหนึ่ง และยิ่งเวลาผ่านไปเนิ่นนานมากเท่าไหร่ ไม้หอมนี้ก็จะดูดซับเอาปราณมังกรเข้าไปมากเท่านั้น เหตุนี้จึงมีชื่อว่าไม้มังกร!
  คุณลักษณะพิเศษของไม้มังกรก็คือความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กล้าของมันนั่นเองและไม้มังกรนี้ก็เหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาหลอมเป็นอาวุธ หรือแม้แต่นำมาสร้างเป็นค่ายกล
  ไม้มังกรนี้มีหน้ากว้างสามเมตรยาวกว่าสิบเมตร และวางตั้งอยู่ใกล้กับกองสมบัติเมื่อครู่ หลิงหยุนเห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมา และเก็บเข้าไปในแหวนของตนทันที!
  หลังจากเก็บกองสมบัติและไม้มังกรเข้าไปแล้วหลิงหยุนก็กระโดดเข้าไปยังกองทับทิมสีแดง..
  ทับทิมสีแดงขนาดใหญ่สองเมตรสูงหนึ่งเมตรครึ่งนี้ กองอยู่ที่ด้านท้ายของไม้มังกร และนี่คือหินมณีไฟ!   หินมณีไฟนี้เป็นรูปสามเหลี่ยมและนับเป็นหินพลังชีวิตที่มีธาตุไฟแข็งแกร่งที่สุด มันจะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนวิชาของหลิงหยุนอย่างมากในวันข้างหน้า
  “ที่แท้มังกรสีแดงตนนี้ก็เป็นมังกรไฟจริงๆด้วย!”แล้วหลิงหยุนก็เรียกหินมณีไฟเข้าไปเก็บไว้ในแหวนของตนอีก..
  “นั่นแก้วมังกรนี่!”
  หลิงหยุนร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจเมื่อหันไปเห็นกำแพงแก้วที่อยู่ถัดจากไม้มังกรไป
  แก้วมังกรนี้มีอีกชื่อว่าศิลาปราณมังกรซึ่งเกิดจากการฝึกฝนวิชาของมังกรนั่นเอง มังกรตนนี้คงจะฝึกฝนวิชาอยู่บริเวณนี้เป็นประจำ และทุกครั้งที่ฝึก ปราณมังกรภายในร่างก็จะพวยพุ่งออกมากระทบกับกำแพงบริเวณนี้เป็นประจำ จนกระทั่งผ่านไปเนิ่นนานหลายปีเข้า กำแพงหินบริเวณนี้จึงได้กลายเป็นศิลาปราณมังกร หรือแก้วมังกรนั่นเอง!
  “นับว่าเป็นแก้วมังกรชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว!”
  หลิงหยุนไม่รู้ว่าบริเวณนี้คือเขาหลงยู่ซาน(หรือเขาหยกมังกร) ซึ่งนับเป็นสถานที่ที่เหมาะในการฝึกวิชาของมังกรไฟเป็นที่สุด ปราณมังกรที่แทรกซึมเข้าไปในหยกมังกรเนิ่นนานหลายปี จึงทำให้กำแพงหินนี้กลายเป็นแก้วมังกรที่ยอดเยี่ยมที่สุดนั่นเอง!
  หลิงหยุนควบคุมหอกมังกรทองของตนให้พุ่งเข้าใส่แก้วมังกรขนาดสามเมตรที่ฝังอยู่ในกำแพงตรงหน้า จากนั้นจึงใช้หอกมังกรทองค่อยๆแซะเอาแก้วมังกรที่ฝังอยู่นี้ออกจากกำแพงหิน และในที่สุดแก้วมังกรที่เปี่ยมไปด้วยปราณมังกรหนาแน่น ก็ถูกหลิงหยุนนำกลับไปได้อีกหนึ่งชิ้น!
  ศิลาปราณมังกรนี้มีปราณมังกรหนาแน่นกว่าน้ำลายมังกรนับร้อยเท่าเลยทีเดียว!
  จากนั้นหลิงหยุนก็ทำการสำรวจภายในวังมังกรอย่างละเอียดอีกครั้งเขาจัดการกวาดทุกอย่างที่อยู่ภายในถ้ำไปจนหมด ไม่เหลือกระทั่งเกล็ดมังกรแม้เพียงเกล็ดเดียว..   “ฮ่าๆๆครั้งหน้าหากได้พบหน้าหลงเทียนฟางอีกครั้ง ข้าคงต้องเอ่ยขอบใจเขาสักครั้ง!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังยอดด้านบนของวังมังกร และพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างทรงกลมขนาดเท่าลูกปิงปองฝังอยู่ สิ่งนี้กำลังทอประกายแสงสีน้ำเงิน และทำให้วังมังกรแห่งนี้สว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ..
  และนี่คือสมบัติล้ำค่าอีกหนึ่งชิ้น!
  “แก้วจ้าวสมุทร!”
  หลิงหยุนแหวกว่ายสายน้ำขึ้นไปบนยอดวังมังกรทันทีและเอื้อมมือไปหยิบลูกแก้วสีน้ำเงินสดใสราวกับน้ำทะเลนั้นมาไว้ในมืออย่างรวดเร็ว!
  และทันทีที่แก้วจ้าวสมุทรเข้ามาอยู่ในมือของหลิงหยุนผืนน้ำรอบตัวเขาก็แหวกออกกลายเป็นพื้นที่โล่งกว้างหลายสิบเมตร และไร้ซึ่งน้ำแม้แต่หยดเดียว!