คุณสมบัติหลักของแก้วจ้าวสมุทรนั้นก็คือการเปิดทางน้ำแต่ก็ยังมีคุณสมบัติอื่นๆอีกหลายอย่างเช่น..
คุณสมบัติแรกคือ..หลังจากที่แก้วจ้าวสมุทรทำหน้าที่เปิดทางน้ำจนเป็นพื้นที่โล่งแล้ว ไม่ใช่เพียงมวลน้ำเท่านั้นที่แยกออกไป แต่พื้นที่โล่งนั้นก็จะมีอากาศเข้ามาทดแทน ทำให้ผู้ที่อยู่ในนั้นสามารถหายใจได้
ไม่เช่นนั้นแล้วภายในน้ำลึกที่มีแรงดันสูง ต่อให้ไม่มีผืนน้ำล้อมรอบ ก็คงต้องขาดอากาศหายใจตายเช่นกัน เช่นนี้แล้วยังจะเรียกว่าของวิเศษได้อย่างไรกันเล่า
คุณสมบัติข้อที่สองผู้ที่ถือแก้วจ้าวสมุทรนั้น จะสามารถขยายพื้นที่ปลอดน้ำได้ตามขั้นพลังของตนเอง และสามารถว่ายไปมาในพื้นที่โล่งนั้นได้อย่างอิสระ ราวกับกำลังบินไปมาบนอากาศเช่นเดียวกับนก..
คุณสมบัติข้อสุดท้ายด้วยอานุภาพของแก้วจ้าวสมุทรนี้ ไม่ว่าจะเป็นปลาหรือสัตว์น้ำอื่นๆ ย่อมไม่กล้าเข้ามาในพื้นที่ปลอดน้ำนี้โดยเด็ดขาด เพราะหากมันเข้ามายังพื้นที่ปลอดน้ำ ย่อมต้องตายไม่ต่างจากการขึ้นไปบนบกนั่นเอง
นี่เป็นเพียงคุณสมบัติที่เด่นชัดเท่านั้นยังมีคุณสมบัติเล็กๆน้อยๆอีกมากมายอย่างเช่น ผู้ที่ถือแก้วจ้าวสมุทรจะสามารถทำการเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำได้ เปลี่ยนศักยภาพของน้ำในบริเวณนั้น แต่มีข้อแม้ว่าผู้ที่ถือแก้วจ้าวสมุทรจะต้องเป็นผู้ที่บ่มเพาะพลังเท่านั้น คนธรรมดาสามัญไม่อาจทำเช่นนี้ได้
“ว้าว..เยี่ยมมากจริงๆ!”
หลิงหยุนกำแก้วจ้าวสมุทรไว้ในมือพร้อมกับร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจจากนี้ไปไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ ทะเลสาบ หรือแม้แต่วังน้ำวนภายในมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ เขาก็ไม่หวาดหวั่นที่จะลงไป!
ในขณะที่หลิงหยุนกำลังดีอกดีใจและมีความสุขอย่างมากแต่มังกรแดนใต้ที่อยู่ข้างๆกลับกำลังจ้องมองหลิงหยุนกวาดสมบัติภายในวังมังกรไปหมดด้วยแววตาเศร้าสร้อย เพราะหลิงหยุนไม่เหลือสิ่งใดไว้ให้มันเลยแม้แต่รังมังกร!
“นี่เจ้าตัวใหญ่..เจ้าอย่าทำหน้าเศร้าสร้อยเช่นนั้น เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรอยู่แล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด”
หลิงหยุนเอ่ยออกมาเพราะสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกของมังกรแดนใต้ได้ดีเขาเดินเข้าไปใกล้ตัวมันพร้อมกับกระโดดขึ้นไปยืนบนศรีษะของมันอีกครั้ง
“เพราะเหตุใดหรือเจ้านาย”มังกรแดนใต้เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก็เพราะคนตระกูลหลงน่ะสิ!ในเมื่อคนพวกนั้นรู้แล้วว่าใต้บ่อมังกรแห่งนี้มีมังกรอาศัยอยู่ ข้าเชื่อว่าหลังจากวันนี้ไป คนตระกูลหลงจะต้องพากันมาสำรวจหาถ้ำมังกรเป็นแน่ และหากพวกมันพบเจอเจ้าอยู่ที่นี่ ย่อมต้องหาทางจับเจ้ากลับไปด้วยอย่างแน่นอน!”
“เพื่อความปลอดภัยของเจ้ากับสีนิลพวกเจ้าทั้งสองจึงไม่ควรซ่อนตัวอยู่ที่ทะเลสาบผอหยางอีก ข้าจะหาที่ซ่อนตัวใหม่ให้กับพวกเจ้าทั้งสองแทน!”
มังกรแดนใต้เข้าใจความปรารถนาดีของหลิงหยุนทันทีและศรีษะใหญ่โตของมันก็ผงกขึ้นผงกลงในขณะที่เอ่ยออกมาว่า
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้านาย..”
“ดีมาก!ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ไปกันได้แล้ว”
จากนั้นหลิงหยุนกับมังกรแดนใต้ก็ว่ายออกจากวังมังกรแล้วว่ายกลับไปยังบ่อมังกรทันที!
และเพียงไม่นานมังกรหนึ่งตัวกับคนอีกหนึ่งคนก็ว่ายออกมาจากบ่อมังกร มาที่ก้นทะเลสาบผอหยาง แต่ครั้งนี้ทั้งคู่ขึ้นมาอย่างสงบไร้คลื่น
ก่อนจากกันหลิงหยุนได้สั่งมังกรแดนใต้ว่า “เจ้าไปหาสีนิลให้พบ จากนั้นจงพากันหาวิธีข้ามเขตสามเหลี่ยมปีศาจนั่นไปให้ได้แล้วไปรอคอยข้าอยู่ที่จุดตัดระหว่างทะเลสาบผอหยางและแม่น้ำแยงซีเกียง..”
“ขอรับเจ้านาย..ข้ามีหนทางที่จะข้ามผืนน้ำมรณะนั้นไปได้แน่!”
หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจและได้แต่คิดว่า ถึงอย่างไรพวกมันก็เป็นมังกร ยากนักที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญกับปีศาจใต้น้ำได้ เขายกมือขึ้นลูบไล้ลำตัวของมังกรแดนใต้ด้วยความอ่อนโยน พร้อมกับสั่งว่า
“เจ้าไปได้แล้ว..”
หลังจากนั้นหลิงหยนุก็ได้ว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่งไป..
…..
เวลานั้นท้องฟ้าเริ่มสว่างไสวแล้ว เย่เทียนสุ่ยเองก็เกรงว่าชาวบ้านทั่วไปจะมาพบเห็นตนเหาะอยู่ จึงรีบเก็บกระบี่เหิน และไปซ่อนตัวอยู่ระหว่างหอมังกรคู่ที่อยู่ภายในเขาหยกมังกรแทน
นอกเหนือจากเย่เทียนสุ่ยแล้วก็ยังมีเย่ซิงเฉินอีกหนึ่งคน หลังจากที่นางออกไปจัดการตามคำสั่งของหลิงหยุนแล้ว นางก็ได้ย้อนกลับมาที่นี่ด้วยความเป็นห่วงเขา
ระหว่างที่หลิงหยุนว่ายลงไปในน้ำนั้นภายใต้รัศมีจิตหยั่งรู้ของเขา ก็ได้พบเห็นทั้งสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนี้ และเมื่อขึ้นจากน้ำมา จึงรีบกระโดดเข้าไปยังที่ซ่อนของทั้งสองคนทันที
“น้องสะใภ้..ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงเล่าว่าไม่ต้องเป็นห่วงหลิงหยุน มังกรนั่นก็ยอมจำนนต่อเขาแล้ว เขาลงไปบ่อมังกรเพื่อหาสมบัติ ย่อมไม่มีอันตรายใดๆแน่ แต่ถ้าเขาขึ้นมาจากบ่อมังกรเมื่อใด เจ้าต้องช่วยข้าเค้นเอาคำตอบจากเขาให้ได้ว่า เขาพบสมบัติล้ำค่าอันใดบ้าง ไม่เช่นนั้น.. เท่ากับข้ายืนรอคอยเสียเวลาเปล่า..”
เย่เทียนสุ่ยพล่ามพูดกับเย่ซิงเฉินจนนางเริ่มรู้สึกหงุดหงิดและแทบอยากจะใช้กระบี่คู่มารสะบั้นเทวะตัดหัวของเขาให้รู้แล้วรู้รอด แต่ในระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ปรากฏตัวขึ้นมาพอดี..
“นี่..ข้าบอกเจ้าก็ได้! ด้านล่างไม่มีสมบัติอะไรเลย ข้าพบเพียงแค่มังกรตัวใหญ่หลายตัวอยู่ใต้บ่อมังกร เจ้าอยากได้สักตัวหรือไม่เล่า”
แน่นอนว่าหลิงหยุนไม่มีทางยอมบอกกับเย่เทียนสุ่ยแน่ว่าตนได้สมบัติล้ำค่าสิ่งใดกลับมาบ้าง
“มัง..มังกรรึ!”
เย่เทียนสุ่ยได้แต่ตกตะลึงเขาเกาศรีษะพร้อมกับตอบหลิงหยุนไปว่า “ข้าจับมังกรไม่เก่ง!”
“เจ้าขี้ขลาดเช่นนี้คงต้องไปฝึกจับปี่เซียะให้ได้เสียก่อน!”
หลังจากที่ได้เย้าแหย่เย่เทียนสุ่ยแล้วเขาก็หันไปยิ้มให้กับเย่ซิงเฉินพร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ซิงเฉิน..เจ้ากลับมาที่นี่อีกทำไมกัน”
“ข้าก็ต้องการมาดูแต่ดันพบกับ..” เย่ซิงเฉินตอบหลิงหยุนพร้อมกับชำเลืองมองไปทางเย่เทียนสุ่ย
“เอาล่ะพวกเรากลับกันได้แล้ว!”
หลิงหยุนเอ่ยขึ้นพร้อมกับดึงมือของเย่ซิงเฉินเพื่อที่จะเดินจากไป..
“นี่..นี่..”
เย่เทียนสุ่ยร้องตะโกนเสียงดังขึ้นมาทันที“พวกเจ้าจะกลับไปง่ายๆแบบนี้เลยรึ”
หลิงหยุนร้องหันไปมองพร้อมตอบกลับไปว่า“งานชุมนุมชาวยุทธก็สิ้นสุดแล้ว คนตระกูลหลงข้าก็เอาชนะได้แล้ว ข้ายังจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกทำไมกันเล่า ข้ายังไม่นึกอยากยืนชมวิวทิวทัศน์ในเวลานี้..”
“แล้วมังกรสีแดงตัวใหญ่นั่นเล่า”เย่เทียนสุ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้
แต่หลิงหยุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“ข้าไม่รู้ ข้าเองก็ไม่พบมันเช่นกัน!”
“นี่..แล้วเจ้าลงไปในบ่อมังกร ไม่พบสมบัติล้ำค่าใดๆเลยจริงๆงั้นรึ” เย่เทียนสุ่ยยังคงสงสัยและไม่เชื่อคำพูดของหลิงหยุนในขณะที่ถามดวงตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่แหวนจักรวาลในนิ้วมือของเขา
“ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วยังไงเล่าว่าไม่พบข้าพบแต่มังกรหลายตัวอยู่ด้านล่าง หากเจ้าไม่เชื่อ ก็เชิญเจ้าลงไปสำรวจดูด้วยตัวเอง!”
แต่เย่เทียนสุ่ยกลับส่ายหน้าไปมาในขณะเดียวกันก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “หลิงหยุน เจ้าน่าจะให้อะกับข้าเป็นการตอบแทนบ้าง ไม่ใช่จากไปง่ายๆเช่นนี้!”
ในที่สุดเย่เทียนสุ่ยก็ได้แต่อ้อนวอนหลิงหยุน เพราะหากกลับไปมือเปล่าเช่นนี้ เขาคงต้องถูกเย่เทียนตูล้อเลียนแย่แน่!
หลิงหยุนได้แต่นึกขันในที่สุดก็ถามขึ้นว่า “เจ้าต้องการสิ่งใด”
“ข้าอยากได้แหวนพื้นที่!”
“ไม่มี!”
“ถ้าเช่นนั้นก็โอสถเยาว์วัยกับโอสถโฉมสะคราญก็ได้!” “ไม่มีอีกเช่นกัน!”
เย่เทียนสุ่ยทำตาปะหลับปะเหลือกพร้อมกับโต้เถียงไปว่า“หลิงหยุน ก่อนหน้านี้เจ้าเพิ่งบอกข้าว่ามีนี่นา! ข้ารับปากเจ้าจะไม่กินเอง แต่จะเก็บไว้ให้พี่สาวของเจ้า!”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับทำหน้าบึ้งตึงพร้อมตอบกลับไปทันที“เจ้าคิดว่าพี่หลิงซิ่วของข้าขาดแคลนโอสถพวกนี้รึ”
เย่เทียนสุ่ยทำหน้าเศร้าหลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า หากไม่ให้สิ่งใดกับคนผู้นี้สักอย่าง เขาคงไม่สามารถสลัดเย่เทียนสุ่ยออกไปได้แน่ และเย่เทียนสุ่ยคงต้องตามเขาเป็นเห็บติดตัวไม่ยอมปล่อย..
หลิงหยุนคิดได้เช่นนั้นจึงได้แต่เอ่ยถามเย่เทียนสุ่ยออกไปว่า“เวลานี้เจ้ามีแต้มคะแนนของหน่วยนภาถึงหนึ่งล้านหรือไม่เล่า หรือเป็นเงินก็ได้.. หากเจ้าโอนให้ข้า ข้ารับปากจะสร้างแหวนพื้นที่ให้เจ้าหนึ่งวง และจะทำให้มีพื้นที่ใหญ่กว่าแหวนของเย่เทียนตูด้วย..”
เย่เทียนสุ่ยร้องตะโกนถามขึ้นด้วยความโมโห“หลิงหยุน นี่เจ้าจะขูดรีดข้าหรือยังไงกัน”
หลิงหยุนพยักหน้าไม่ปฏิเสธเขายกมือขึ้นตบไหล่เย่เทียนสุ่ยพร้อมกับพูดขึ้นว่า “นี่พ่อมังกรอ้วนหน้าหยก เจ้าอย่าลืมว่าแหวนพื้นที่ที่ข้ามีมูลค่าสูงถึงสามล้านแต้ม ข้าให้เจ้าจ่ายแค่หนึ่งล้านนับว่าไม่ต่างจากให้ฟรีแล้ว.. ”
ความจริงแล้วเมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นว่าเย่เทียนสุ่ยดีกับเขามากพอ ไม่ช้าหรือเร็วเขาก็ต้องมอบแหวนพื้นที่ให้กับเย่เทียนสุ่ยอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อมีโอกาสรีดไถเย่เทียนสุ่ยเล็กๆน้อยๆ เขาก็ไม่ต้องการพลาดโอกาสเช่นกัน อีกอย่างตระกูลเย่ก็ร่ำรวยและมีเงินทองมากมาย..
เย่เทียนสุ่ยแทบอยากจะร้องไห้และได้แต่คิดว่าเหตุใดเย่เทียนตูได้แหวนพื้นที่โดยไม่ต้องสูญเสียอะไรเลย แต่เหตุใดตนเองจึงต้องใช้แต้มของหน่วยนภาถึงหนึ่งล้านแต้มแลกด้วย..
“เจ้าจะตกลงหรือไม่หากไม่ตกลง ข้าก็จะไปแล้ว..”
“ตกลง!”
เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนจะไปจริงๆเย่เทียนสุ่ยก็กัดฟันตอบกลับไปทันที พร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยสายตาขุ่นเคือง และถามขึ้นว่า “แล้วเจ้าจะมอบแหวนให้ข้าเมื่อใด”
หลิงหยุนทำท่าครุ่นคิดและตอบกลับไปว่า“ราวสามอาทิตย์.. ตกลงหรือไม่”
“ตกลง!”
แม้จะรู้ว่ากำลังถูกรีดไถแต่เพื่อแหวนพื้นที่ เย่เทียนสุ่ยได้แต่ยินยอม..
“ถ้าเช่นนั้นก็รีบโอนแต้มของเจ้าให้ข้าเร็วเข้า!”
จากนั้นหลิงหยุนก็ยื่นมือไปตบบ่าของเย่เทียนสุ่ยอีกครั้งพร้อมกับปลอบประโลม “เอาน่า.. เจ้าเองก็ร่ำรวยมีเงินตั้งหลายพันล้าน เจ้าจ่ายข้าแค่นี้ แต่กลับได้แหวนที่มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่าของเย่เทียนตูถึงสองเท่า.. หรือเจ้าว่ามันไม่คุ้มค่ารึ” หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเย่เทียนสุ่ยจึงตัดสินใจโอนเป็นเงินให้กับหลิงหยุนแทน..
และจำนวนเงินที่โอนไปนั้นก็คือสามพันล้านซึ่งเท่ากับครึ่งหนึ่งของเงินเก็บที่เขาหามาได้เลยทีเดียว
เมื่อได้รับเงินแล้วหลิงหยุนก็หันไปพูดกับเย่เทียนสุ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ได้ทำธุรกิจกับเจ้านับว่าคุ้มค่าไม่น้อย..”
จากนั้นหลิงหยุนก็ปล่อยโล่ลมปราณออกมาครอบคลุมร่างของตนและร่างของเย่ซิงเฉินไว้ แล้วจับมือของนางกระโดดลงไปในทะเลสาบ และหายไปใต้น้ำทันที
“นี่หลิงหยุน!ตอนนี้ข้าอาจจะยังสู้เจ้าไม่ได้ แต่เมื่อใดที่ข้าได้แต่งงานกับพี่สาวของเจ้า ข้าจะเตะก้นเจ้าสักเจ็ดแปดทีให้หายแค้น!”
หลังจากที่หลิงหยุนพ้นไปจากรัศมีจิตหยั่งรู้ของตนแล้วเย่เทียนสุ่ยก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห ก่อนจะกระโดดหายไปจากบริเวณนั้นเช่นกัน