เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นในสมองของจ้าววิญญาณ มันก็ทำให้เขาเย็นวาบไปทั้งร่าง ยานั้นเป็นสิ่งที่ดินแดนแห่งวิญญาณจะไม่ปล่อยให้หลุดออกไป เขากล้าปล่อยมันให้คนอาณาจักรล่างใช้หลังจากที่พูดคุยตกลงรายละเอียดกับจวินเสี่ยนและฉูหลิงเย่เป็นอย่างดีแล้ว และยังต้องมีบุคลากรพิเศษคอยดูแล จำเป็นต้องได้รับอนุญาตถึงจะกินยาได้ เวลากินยาก็ต้องถูกปิดตาทั้งสองข้างและมีผู้ดูแลป้อนยาให้ ไม่สามารถแตะต้องได้ตามใจชอบ แม้ว่าจะทำถึงขนาดนี้ จ้าววิญญาณก็จำต้องทำอย่างไม่มีทางเลือก
ถ้าคนอื่นเข้าถึงยานี้ได้ อย่าว่าแต่โลกวิญญาณเลย แม้แต่ดินแดนแห่งวิญญาณก็สามารถเข้าออกได้ตามใจชอบ……
คิดได้เท่านี้ จ้าววิญญาณก็ไม่กล้าคิดต่อแล้ว
จวินอู๋เสียพูดอย่างสงบว่า “นี่เป็นแค่การคาดเดาของข้า”
”ถ้าเจ้าไม่ได้สังเกตเห็นอะไร เจ้าคงไม่คุยเรื่องนี้ บอกข้ามา เจ้าพบอะไรกันแน่?” จ้าววิญญาณไม่เชื่อว่านี่เป็นแค่การเดาสุ่มของนาง เขาเข้าใจนิสัยของจวินอู๋เสีย นางไม่ใช่คนที่จะเดาไปเรื่อยโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ
สายตาเย็นชาของจวินอู๋เสียเลื่อนขึ้นสบกับสายตากังวลของจ้าววิญญาณ
”ข้ามีเรื่องสงสัยและต้องการความร่วมมือจากท่าน” จวินอู๋เสียพูด
”พูดมาเลย!” จ้าววิญญาณตกลงทันทีโดยไม่ต้องคิด ไม่ว่านางจะสงสัยอะไร เขามีความรู้สึกว่าเรื่องไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เขาคิด
จวินอู๋เสียกวักมือให้เขาเข้ามาใกล้และกระซิบข้างหูเขา
……………………..
อีกด้านหนึ่ง ฉินเกอ หลงจิ่ว และซือถูเหิงได้ออกจากวังจ้าววิญญาณ จ้าววิญญาณจัดที่พักที่สะดวกสบายให้พวกเขาเป็นพิเศษ พวกเขาพักอยู่ติดกัน ระหว่างทางกลับ หลงจิ่วพูดจ้อไม่หยุดปากเลยสักครั้ง
”ข้าไม่คิดเลยว่า……จ้าววิญญาณจะเก่งขนาดนี้ ก่อนจะเริ่มข้ายังสงสัยว่าทำไมเราต้องพักหลังจบแต่ละรอบด้วย ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ดูท่าทางแล้วข้าคิดว่าพวกเราต้องใช้เวลาอีกหกวัน ถ้าทำรวดเดียวสิบรอบ ข้าว่าพวกเราทนไม่ไหวแน่” หลงจิ่วถอนหายใจ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะห่างชั้นกับฉินเกอมากขนาดนี้ แต่หลังจากครั้งนี้ เขาก็เข้าใจทันทีว่าตนเองยังแข็งแกร่งไม่พอ
”นี่แค่ครั้งแรกเท่านั้น จ้าววิญญาณกลัวว่าเราจะทำผิดพลาดกลางคัน เขาเลยอยากให้พวกเราอยู่ดูขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ รอบต่อไปพวกเราแค่ต้องไปตอนที่ถึงตาเราเท่านั้น” ฉินเกอหัวเราะเบาๆด้วยความขบขันปฏิกิริยาของหลงจิ่ว
ดูจากวิธีการนี้แล้ว การช่วยควบคุมพลังไม่ใช่เรื่องยากเลย นอกจากต้องใช้พลังวิญญาณเป็นจำนวนมากเท่านั้น
”ข้าหวังว่าวิธีนี้จะช่วยยัยหนูได้นะ” หลงจิ่วพูดพร้อมกับยิ้ม
ซือถูเหิงที่เดินอยู่ข้างๆยังคงนิ่งเงียบตลอดเวลา เมื่อถึงที่พักเขาก็เข้าห้องโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทำเอาหลงจิ่วสับสน เขามองซือถูเหิงปิดประตูห้องแล้วเกาหัวพลางพูดว่า “ข้าไม่เข้าใจซือถูจริงๆ ตอนแรกข้าคิดว่าเขาไม่ชอบยัยหนู ถึงได้ทำตัวเย็นชาไร้ความรู้สึกตลอด แต่ตอนนี้ซือถูได้เปลี่ยนความคิดของข้าจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะเต็มใจช่วย แม้ว่าท่าทางของเขาจะ……ไม่น่าพอใจเท่าไร แต่……ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะโกรธเขาให้น้อยลง”
ฉินเกอเพียงแค่ยิ้มและมองไปที่ประตูห้องของซือถูเหิง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ในห้อง ทันทีที่ซือถูเหิงปิดประตู สีหน้าไร้อารมณ์ตามปกติก็หายไป กลายเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยเจตนาร้าย!
เขานั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความโกรธ แววตาดูชั่วร้ายน่ากลัว
”ข้าประมาทเกินไป! คิดไม่ถึงว่าเป้าหมายที่นังผู้หญิงน่ารังเกียจนั้นจ้องจะแก้แค้นคืออาณาจักรบน! ฮึ่ม! นังคนเจ้าเล่ห์ ก่อนหน้านี้ไม่เคยพูดถึงสักคำ”